ก่อนที่ บาเยิร์น มิวนิค จะถล่ม อ็อคแลนด์ ซิตี้ 10-0 สร้างสถิติใหม่ในศึก ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 2025 เคยมี 3 เกมยิงรวม 8 ประตูในแมตช์เดียว มียักษ์ใหญ่อย่าง แมนยู และ เรอัล มาดริด ติดโผด้วย
เปิดตัวได้อย่างดุดันสำหรับ บาเยิร์น มิวนิค หลังจากพวกเขาไล่ถล่ม อ็อคแลนด์ ซิตี้ ตัวแทนจาก นิวซีแลนด์ ไปถึง 10-0 ในการลงเล่นนัดแรกของศึกชิงแชมป์สโมสรโลก 2025 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม ซี
ผลงานดังกล่าวทำให้นี่เป็นเกมที่มีการทำประตูรวมกันต่อ 1 นัดเยอะที่สุดในศึกชิงแชมป์สโมสรโลก แม้ว่าประตูจะมาจากฝั่ง บาเยิร์น แค่ทีมเดียวก็ตาม โดยสถิติเดิมคือการทำรวมกัน 8 ลูกในเกมเดียว ซึ่งมีถึง 3 นัดที่เข้าข่ายนั้น มาย้อนไปดูกันดีกว่าว่ามีเกมไหนกันบ้าง
- กัมบะ โอซาก้า (ญี่ปุ่น) vs แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (อังกฤษ) : ศึกชิงแชมป์สโมสรโลก 2008 รอบรองชนะเลิศ
ครั้งนั้น กัมบะ ได้เจอกับ แมนยูไนเต็ด ที่สนาม นิสสัน สเตเดี้ยม ในเมืองโยโกฮาม่า จากการที่ ญี่ปุ่น รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพ ซึ่งทาง "ปีศาจแดง" มาในฐานะแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 2007-08 ส่วน กัมบะ ได้ลงเล่นจากการเป็นแชมป์ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ปี 2008
วันนั้น แมนยูไนเต็ด นำไปก่อน 2-0 จากผลงานของ เนมานย่า วิดิช ในนาทีที่ 28 กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในช่วงทดเวลาของครึ่งแรก และถึงแม้ มาซาโตะ ยามาซากิ จะทำประตูตีตื้นให้ กัมบะ ในนาทีที่ 74 แต่ว่า แมนยูไนเต็ด ก็มารัวทีเดียว 3 ลูก แบ่งเป็น 2 ประตูจาก เวย์น รูนี่ย์ ในนาทีที่ 75 กับ 79 และอีก 1 ประตูของ ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ ในนาทีที่ 78
หลังจากนั้น กัมบะ มาได้ 2 ประตูจากลูกจุดโทษของ ยาซึฮิโตะ เอ็นโด ในนาทีที่ 85 กับผลงานของ ฮิเดโอะ ฮาชิโมโตะ ในช่วงทดเวลานาทีแรกของครึ่งหลัง แต่ก็สายไปแล้ว ทำให้สุดท้าย แมนยูไนเต็ด ชนะไป 5-3 ก่อนที่ทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จะไปเฉือน ลีก้ เดปอร์ตีบา ยูนิเบร์ซิตาเรีย ทีมจาก เอกวาดอร์ ในนัดชิงชนะเลิศ 1-0 จนทำให้พวกเขาได้แชมป์ไปครอง
- อัล-ซาดด์ (กาตาร์) vs เอสเปแร็งซ์ เดอ ตูนิส (ตูนีเซีย) : ศึกชิงแชมป์สโมสรโลก 2019 รอบชิงอันดับ 5
อัล-ซาดด์ ได้ลงเล่นในโควตาชาติเจ้าภาพ แต่พวกเขาก็จอดป้ายตั้งแต่รอบ 2 จนทำให้พวกเขาต้องมาเล่นเกมชิงอันดับ 5 กับ เอสเปแร็งซ์ เดอ ตูนิส แชมป์ศึก ซีเอเอฟ แชมเปี้ยนส์ ลีก (เทียบเท่ากับ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ของโซนแอฟริกา) ฤดูกาล 2018-19
ตอนนั้น อัล-ซาดด์ มี ชาบี เอร์นานเดซ ตำนานดาวเตะ บาร์เซโลน่า เป็นกุนซือ แถมในทีมก็มี กาบี อดีตมิดฟิลด์ แอตเลติโก มาดริด เป็นขุมกำลังให้ใช้งาน แต่พวกเขาก็ต้านทานความแข็งแกร่งของ เอสเปแร็งซ์ ไม่ไหว จนทำให้ทีมจาก ตูนิเซีย ชนะไปแบบขาดลอย 6-2
- เรอัล มาดริด (สเปน) vs อัล-ฮิลาล (ซาอุดี อาระเบีย): ศึกชิงแชมป์สโมสรโลก 2022 รอบชิงชนะเลิศ
มันไม่น่าแปลกใจที่ เรอัล มาดริด ซึ่งเป็นแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 2021-22 จะสามารถผ่าน อัล-อาห์ลี ตัวแทนจากอียิปต์ในรอบรองชนะเลิศมาได้ แต่ที่เซอร์ไพรส์ก็คือ อัล-ฮิลาล ที่เอาชนะ ฟลาเมงโก้ ตัวแทนจาก บราซิล ได้ 3-2 ในรอบตัดเชือก ทั้งที่ตอนนั้น อัล-ฮิลาล ก็ไม่ได้มีขุมกำลังแข็งแกร่งเหมือกับในทุกวันนี้แท้ๆ โดยนักเตะที่ดังที่สุดของพวกเขาในชุดนั้นคงจะเป็น โอเดียน อิกาโล่ ที่เคยผ่านการเล่นให้ แมนชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยสัญญายืมตัว
ในรอบชิงชนะเลิศ มาดริด นำไปก่อน 2-0 จากประตูของ วินิซิอุส จูเนียร์ ในนาทีที่ 13 กับ เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ ในนาทีที่ 18 แต่ว่า อัล-ฮิลาล ก็ตีตื้นเป็น 1-2 ได้ในนาทีที่ 26 จาก มูสซ่า มาเรก้า อย่างไรก็ตาม ในครึ่งหลัง "ราชันชุดขาว" มาหนีห่างเป็น 4-1 จากประตูของ คาริม เบนเซม่า ในนาทีที่ 54 กับ บัลเบร์เด้ ในนาทีที่ 58
แม้ว่าในนาทีที่ 63 ลูเซียโน่ วิเอ็ตโต้ ดาวเตะชาวอาร์เจนไตน์จะทำประตูให้กับ อัล-ฮิลาล แต่ว่าพอถึงนาทีที่ 69 วินิซิอุส ก็ทำให้ มาดริด ฉีกหนีเป็น 5-2 อีก ก่อนที่ วิเอ็ตโต้ จะทำประตูที่ 2 ของตัวเองในนาทีที่ 79 ทำให้สกอร์จบลงด้วยชัยชนะ 5-3 ของทาง มาดริด
- เด็กเกร็ดบอล -