แล้วทำไมผมอดได้! ริเบรี่ สวน โรนัลโด้ หลังบอกคนชูแชมป์UCL ควรซิวบัลลง ดอร์

ฟร้องค์ ริเบรี่ อดีตยอดปีกชาวฝรั่งเศส โพสต์เชิงตอบโต้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จากการที่ดาวเตะทีมชาติโปรตุเกสให้สัมภาษณ์ว่าคนที่ได้แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ควรจะได้รางวัล บัลลง ดอร์ มากที่สุด

ตลอดช่วงที่ผ่านมา ลามีน ยามาล กับ อุสมาน เดมเบเล่ ถูกยกให้เป็น 2 คนที่มีโอกาสดีที่สุดที่จะได้รางวัลลูกฟุตบอลทองคำในปีนี้ ซึ่ง โรนัลโด้ บอกว่าคนที่เล่นได้โดดเด่นและได้แชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก ควรจะได้รางวัลนั้น

โรนัลโด้ เผยว่า "ผมมองว่าทุกวันนี้รางวัลส่วนตัวมันไม่ได้ขึ้นกับเสียงโหวตของคนส่วนใหญ่อีกแล้ว ผมเองก็บอกไม่ได้หรอกนะว่าใครที่ควรจะได้รางวัล ในความเห็นของผม คนที่เล่นได้โดดเด่นและได้แชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก ควรจะได้รางวัลนั้น"

"แต่ทุกวันนี้มันไม่ได้ขึ้นกับเสียงส่วนใหญ่อีกแล้ว ผมไม่มีความสนใจในรางวัลส่วนตัวมากเท่าไหร่อีกแล้วเพราะผมรู้ดีว่ามันมีเรื่องเบื้องหลังบางอย่าง ลามีน ยามาล อาจจะได้รางวัลในปีนี้ก็ได้ เหมือนอย่าง เดมเบเล่ หรือ วิตินญ่า (2 คนหลังอยู่กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ชุดที่ได้แชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นล่าสุด) และนักเตะคนอื่นๆ ที่มีผลงานโดดเด่น แต่รางวัลส่วนตัวมันไม่ได้มีคุณค่าใดๆ อีกแล้ว"

หลังจาก โรนัลโด้ ให้สัมภาษณ์แบบนั้น ริเบรี่ โพสต์ข้อความลง อินสตาแกรม เครือข่ายสังคมออนไลน์ยอดฮิตเลยว่า "สรุปแล้วเราต้องได้แชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก เพื่อที่จะได้ บัลลง ดอร์ งั้นเหรอ ?" พร้อมกับใส่อีโมจิรูปหัวเราะเพื่อประชดประชัน

ทั้งนี้ ริเบรี่ เคยถูกยกว่าสมควรได้รางวัล บัลลง ดอร์ ในปี 2013 จากการที่ในฤดูกาล 2012-13 เขาเล่นได้โดดเด่นกับ บาเยิร์น มิวนิค จนช่วยให้ทีมได้ทั้งแชมป์ บุนเดสลีกา เยอรมัน, เดเอฟแอล ซูเปอร์คัพ, เดเอฟเบ-โพคาล และ แชมเปี้ยนส์ ลีก ในซีซั่นนั้น แต่สุดท้าย ริเบรี่ กลับได้คะแนนโหวตเป็นเพียงอันดับ 3 โดยรางวัลตกเป็นของ โรนัลโด้ ทั้งที่ในซีซั่น 2012-13 เขาได้แค่แชมป์ ซูเปร์โกปา เด เอสปันญ่า (สแปนิช ซูเปอร์คัพ) กับ เรอัล มาดริด เพียงแต่ซีซั่นนั้นเขาทำไป 55 ประตูจากการลงเล่น 55 นัดในทุกรายการ ส่วนอันดับ 2 คือ ลิโอเนล เมสซี่

ริเบรี่ เคยให้สัมภาษณ์ด้วยว่ารู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมที่เขาชวดรางวัล บัลลง ดอร์ ในปีนั้น พร้อมเชื่อว่าคำตัดสินที่ออกมามันมีเรื่องการเมืองเบื้องหลังมาเกี่ยวข้อง โดยที่จริงในปี 2013 มันมีการยืดระยะเวลาเส้นตายการโหวตจากเดิมวันที่ 15 พฤศจิกายน ปี 2013 ไปเป็นวันที่ 29 พฤศจิกายนของปีเดียวกันด้วย