ไปกับ โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นเหตุ?! ประธานฟีฟ่า เข้าประชุมสาย 2 ชั่วโมงจนมีคนวอล์คเอาต์

จานนี่ อินฟานติโน่ ประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) เข้าร่วมการประชุมสามัญประจำปีขององค์กรสายเป็นเวลาราว 2 ชั่วโมง 17 นาที จนทำให้สมาชิกหลายคนไม่พอใจและเดินออกจากที่ประชุมเพื่อเป็นการประท้วง

การประชุมรอบล่าสุดของ ฟีฟ่า มีขึ้นที่ประเทศปารากวัย เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 15 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ซึ่งตามกำหนดการเดิมแล้วมันต้องเริ่มตอน 10.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น แต่ว่า อินฟานติโน่ กลับมาสาย

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ อินฟานติโน่ เดินทางไปยังประเทศกาตาร์และซาอุดี อาระเบีย ร่วมกับ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อดำเนินกิจการด้านการทูต โดยทาง กาตาร์ เพิ่งเป็นเจ้าภาพ ฟุตบอลโลก 2022 ส่วน ซาอุดี อาระเบีย เตรียมจะเป็นเจ้าภาพรายการเดียวกันในปี 2034

ตามแผนเดิมของ อินฟานติโน่ นั้น เขาเชื่อว่าจะเดินทางมาร่วมการประชุมที่ทวีปอเมริกาใต้ทัน แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นไปตามนั้น ซึ่งเจ้าตัวกล่าวขอโทษกับการที่มาสายเช่นกัน โดยให้เหตุผลว่ามันเป็นเพราะเกิดปัญหาเรื่องเที่ยวบิน พร้อมยืนกรานว่าจำเป็นต้องร่วมเดินทางไปตะวันออกกลางเพื่อผลประโยชน์ของทุกคน "ในฐานะประธานของ ฟีฟ่า แล้วนั้น มันเป็นหน้าที่ของผมที่ต้องทำการตัดสินใจที่จะส่งผลที่ดีต่อองค์กร ผมรู้สึกว่าผมต้องไปที่นั่นเพื่อเป็นตัวแทนของวงการฟุตบอล และเป็นตัวแทนให้กับพวกคุณทุกคน"

อย่างไรก็ตาม ระหว่างการพักประชุมนั้น สมาชิกหลายคนของ ฟีฟ่า ตัดสินใจวอล์คเอาต์เพื่อเป็นการประท้วง อินฟานติโน่ โดยในกลุ่มนั้นมี อเล็กซานเดอร์ เซเฟริน ประธานสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) และ เด็บบี้ ฮิววิตต์ ตัวแทนจากสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) รวมอยู่ด้วย

ในเวลาต่อมา ยูฟ่า แถลงการณ์ตำหนิ อินฟานติโน่ ด้วยถึงขั้นบอกว่า อินฟานติโน่ ทำเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของตัวเอง "การประชุมของ ฟีฟ่า คือหนึ่งในงานประชุมที่สำคัญที่สุดของโลกฟุตบอล มันเป็นงานที่ชาติสมาชิกทั้ง 211 ชาติในโลกมารวมตัวกันเพื่อหารือถึงปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อวงการฟุตบอลทั่วโลก"

"เจ้าภาพของเรา หรือก็คือสมาคมฟุตบอลปารากวัย และพันธมิตรของเราที่ คอนเมโบล (สมาพันธ์ฟุตบอลอเมริกาใต้) พยายามอย่างหนักเพื่อต้อนรับตัวแทนต่างๆ และเราอยากจะขอบคุณพวกเขาสำหรับการต้อนรับที่ดีของพวกเขา แต่การเปลี่ยนตารางเวลาการประชุมในนาทีสุดท้ายเพียงเพื่อปรับสถานการณ์ให้เข้ากับสิ่งที่ดูเหมือนเป็นผลประโยชน์ทางการเมืองแบบส่วนตัวมันไม่ได้ช่วยอะไรกับวงการฟุตบอลเลย และดูเหมือนเป็นการทำให้เรื่องฟุตบอลดูเป็นประเด็นที่มีความสำคัญเป็นอันดับ 2 เท่านั้นด้วย"

"เราทุกคนดำรงตำแหน่งนี้เพื่อรับใช้วงการฟุตบอล ไม่ว่าจะตั้งแต่จากบนท้องถนนไปจนถึงบนโพเดียม ซึ่ง ยูฟ่า ในฐานะสมาชิกของของสภา ฟีฟ่า แล้วนั้น รู้สึกว่าจำเป็นต้องแสดงท่าทีบางอย่างในครั้งนี้เพื่อสื่อว่าฟุตบอลต้องเป็นประเด็นที่ได้รับความสำคัญมากที่สุด และตารางมันก็ควรจะต้องยังเป็นแบบเดิม"