ใครรุ่ง-ใครร่วง? เช็กผลงานแข้งดังอังกฤษผันตัวสั่งการข้างสนาม

ใครรุ่ง-ใครร่วง? เช็กผลงานแข้งดังอังกฤษผันตัวสั่งการข้างสนาม
เวย์น รูนี่ย์ กลายเป็นอีกหนึ่งสมาชิกทีมชาติอังกฤษยุคทอง "โกลเด้น เจเนอเรชั่น" ที่พุ่งชนความล้มเหลวในอาชีพโค้ช ส่วนคนอื่น ๆ นอกจากนี้มีใครบ้าง ติดตามอ่านได้ที่นี่...

อดีตยอดกองหน้าบนวัย 39 ปีเพิ่งถูก พลีมัธ สั่งปลดสังเวยฟอร์มแย่ สะกดชัยไม่เป็นนับตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายนเลยทีเดียว แต่แน่นอนว่าเขาไม่ใช่คนแรกจากทีมสิงโตคำรามชุดที่ สเวน-โกรัน อีริคส์สัน อดีตกุนซือผู้ล่วงลับเคยนิยามไว้ในฐานะ "ยุคทอง"

นอกจาก จอห์น เทอร์รี่, แอชลี่ย์ โคล ที่สั่งสมชื่อเสียงเป็นทีมงานโค้ชเบื้องหลัง ตลอดจน ริโอ เฟอร์ดินานด์ และ ปีเตอร์ เคร้าช์ ผู้เอาดีบทบาทกูรูลูกหนัง ที่เหลือประสบชะตากรรมอย่างไรกันบ้าง มาดูกันเลย...

เวย์น รูนี่ย์ (ดาร์บี้, ดีซี ยูไนเต็ด, เบอร์มิงแฮม, พลีมัธ)

ตำนานดาวยิงสุกรโลกันตร์ ผันตัวสู่อาชีพโค้ชช่วงกลางทางฤดูกาล 2020/21 ขณะทื่ ดาร์บี้ จมบ๊วยตารางแชมเปี้ยนชิพ พร้อมสร้างอิมแพ็กต์ทันทีหนีพ้นโซนแดงหลังเก็บไป 31 จาก 54 แต้มเต็มใน 18 แมตช์แรก

แต่เพียงไม่นานสถานการณ์พลิกผัน ตามหลักแล้วทีมแกะเขาเหล็กรอดตกชั้น แต่ด้วยบทลงโทษหักอ่วม 21 แต้มส่งผลให้ร่วงหล่นสู่ลีก วัน จากจุดนั้น รูน ตัดสินใจลาออก และกราฟงานโค้ชของเขาก็ร่วงหล่นลงแบบยาว ๆ

เพียง 3 สัปดาห์ให้หลัง รูนี่ย์ บินกลับสหรัฐอเมริกาไปคุมทีม ดีซี ยูไนเต็ด ต้นสังกัดสุดท้ายบนเส้นทางค้าแข้ง โดยเก็บได้เพียง 9 แต้มจาก 14 เกมสุดท้ายทำให้ทีมวืดตั๋วเพลย์ออฟ 2 ปีซ้อน ก่อนแยกทางด้วยความยินยอมพร้อมใจทั้ง 2 าย

ถัดมาแค่ 3 วัน ดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของทีมปีศาจแดงกลับบ้านเกิดมารั้งบังเหียน เบอร์มิงแฮม ซิตี้ ด้วยสัญญา 3 ปีครึ่งแบบชวนเซอร์ไพรส์แทนที่ จอห์น ยูสเทซ ผู้ฝากผลงานบินสูงรั้งที่ 6 แล้วลางร้ายก็กลายเป็นจริงเมื่อเก็บชัยได้แค่ 2 จาก 15 แมตช์ ทีมหล่นวูบสู่อันดับ 20 ส่งผลให้ รูน ถูกปลดหลังทำงานเพียง 3 เดือน

คราวนี้พักยาว ๆ จนสิ้นสุดซีซั่น ใช้เวลาช่วงซัมเมอร์หาบ้านที่ เดวอน ก่อนรับจ๊อบคุม พลีมัธ ที่ซึ่งอยู่ไม่ครบเทอมแค่ 6 เดือนก็โดนเด้งอีกตามเคย ด้วยโทษฐานทำทีมแดนใต้ร่วงหล่นโซนตกชั้นลีกแชมเปี้ยนชิพ

แกรี่ เนวิลล์ (บาเลนเซีย)

แบ็กขวาวัน-คลับแมนแห่งค่ายผีแดง ประสบความสำเร็จคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 8 สมัย, โทรฟี่แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 ใบ และติดทีมชาติอังกฤษถึง 85 นัด เช่นเดียวกับอาชีพใหม่หลังแขวนเกือกในนามกูรูลูกหนังฝีปากกล้า

อย่างไรก็ตามระหว่างเส้นทางวิเคราะห์ลูกหนัง แกรี่ เคยสัมผัสประสบการณ์ข้างสนามแบบไม่น่าจดจำสักเท่าไรในรั้ว บาเลนเซีย สโมสรยักษ์หลับ ลา ลีกา สเปน ด้วยอานิสงส์ที่สนิทสนมกับ ปีเตอร์ ลิม นักธุรกิจเจ้าของทีม

เนวิลล์ ผู้พี่รับงานในเดือนธันวาคม แต่หลังจากชนะแค่ 10 จาก 28 เกม และโดน บาร์เซโลน่า ยิงยับ 7-0 (สกอร์คุ้น ๆ) เขาก็ไม่ได้ไปต่อ และไม่เคยจับงานโค้ชอีกเลย...

พอล สโคลส์ (ซัลฟอร์ด, โอลด์แฮม)

อีกหนึ่งตำนานแข้งอสูรแดงที่หันมาเอาดีในบทบาทวิเคราะห์เกม หากครั้งหนึ่งหลาย ๆ คนคงลืมไปแล้วว่า สโคลส์ เคยโลดแล่นอาชีพโค้ขด้วยเช่นกัน

อย่างที่ทราบว่า สโคลซี่ มีชื่อถือหุ้นสโมสรท้องถิ่น ซัลฟอร์ด ซิตี้ ที่ซึ่งเขาได้รับงานรักษาการคุมทีมเพียง 1 เกมเมื่อปี 2015 และจบลงด้วยชัยชนะ

เวลาต่อมา "น้าหมา" ยังได้รั้งบังเหียนทีมเชียร์วัยเด็กอย่าง โอลด์แฮม แอธเลติก ในเดือนกุมภาพันธ์ 2019 แต่ตัดสินใจไขก๊อกหลังจากผ่านไปเพียง 7 เกม คว้าชัยเพียงนัดเดียว

อดีตมิดฟิลด์ไอค่อนลูกหนังคุมทีม ซัลฟอร์ด ชั่วคราวอีกรอบในเดือนตุลาคม 2020 โดยชนะ 2 จาก 5 เกม จากนั้นก็กลับไปทำงานกูรูลูกหนังจนทุกวันนี้บนวัย 50 ปี

สตีเว่น เจอร์ราร์ด (เรนเจอร์ส, แอสตัน วิลล่า, อัล เอตติฟาค)

หลังจากผ่านงานโค้ชทีมเยาวชนหงส์แดงช่วงสั้น ๆ เจอร์ราร์ด ได้รับภารกิจใหญ่ยิ่งกอบกู้ เรนเจอร์ส ที่กำลังเผชิญช่วงเวลามืดมิดติดหน้าประวัติศาสตร์สโมสร ก่อนพุ่งชนความสำเร็จใหญ่ยิ่งในฐานะแชมป์ลีกไร้พ่าย ดับฝัน เซลติก อริตลอดกาลผูกขาดโทรฟี่ 10 ปีซ้อน

ที่สุดแล้วงานใน กลาสโกว์ เป็นเหมือนใบเบิกทางคืนเวทีพรีเมียร์ลีกกับบทบาทนายใหญ่ แอสตัน วิลล่า ในเดือนพฤศจิกายน 2021 ภายใต้สัญญา 3 ปีครึ่งแทนที่ ดีน สมิธ แต่สิ่งต่าง ๆ ไม่เป็นไปตามคาดหวังเมื่อ เรนเจอร์ส ไปไกลถึงนัดชิงยูโรปา ลีก ขณะที่เขาทำทีมสิงห์ผงาดจบอันดับ 14

12 นัดแรกฤดูกาลถัดมาพาทีมคว้าชัยแค่ 2 ส่งผลให้ "สตีวี่ จี" ถูกอัปเปหิ ก่อนสร้างชื่อฮือฮาโยกย้ายไปลีกซาอุดีอาระเบีย คุมทีม อัล เอตติฟาค ซึ่งยังคงทำผลงานทุลักทุเล เก็บแต้มเฉลี่ยเพียง 1.35 จากจำนวนทั้งสิ้น 51 เกม รวมถึงชนะแค่ 4 จาก 13 เกมลีกซีซั่นปัจจุบัน

แฟร้งค์ แลมพาร์ด (ดาร์บี้, เชลซี, เอฟเวอร์ตัน, โคเวนทรี)

ไอดอลมิดฟิลด์ของ เชลซี ประเดิมอาชีพโค้ชกับ ดาร์บี้ เช่นเดียวกับ รูนี่ย์ แต่เริ่มต้นเร็วกว่า 2 ปีภายใต้ทรัพยากรที่ต่างกันด้วยการยืมตัวดาวรุ่ง ณ ตอนนั้นอย่าง เมสัน เมาท์, ฟิคาโย่ โทโมรี่ และ แฮร์รี่ วิลสัน ช่วยทีมเข้าชิงเพลย์ออฟเลื่อนชั้นก่อนแพ้ แอสตัน วิลล่า เมื่อปี 2019

แลมพ์ส ได้รับรางวัลตอบแทนด้วยโอกาสคืนถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ คุมทีมเก่าเข้าป้ายอันดับท็อปโฟร์ ทั้ง ๆ ที่ติดโทษแบนในตลาดซื้อขายนักเตะ ก่อนฤดูกาลถัดมาได้เซ็นสัญญาตัวบิ๊กเนมทั้ง ไค ฮาแวร์ตซ์ และ ทิโม แวร์เนอร์ แต่ปีสองกลับรักษามาตรฐานเดิมไม่ได้ โดนไล่ออกในเดือนมกราคม 2021

ว่างงานเพียงปีเดียว แลมพาร์ด รีเทิร์นพรีเมียร์ลีกอีกคราในนามกุนซือ เอฟเวอร์ตัน แทนที่ ราฟาเอล เบนีเตซ ช่วยทีมรอดตกชั้นตามเป้าหมาย แต่เปิดฤดูกาลใหม่ได้เฮหนเดียวใน 11 เกมแรกก็ถูกปลด ก่อนสร้างเซอร์ไพรส์หวนสู่รั้ว สิงห์บลูส์ ในบทบาทรักษาการแทนที่ แกรม พ็อตเตอร์

อย่างไรก็ตาม ภาคต่อกลับไม่เวิร์กตามรอยภาคแรกเมื่อ เชลซี จบอันดับครึ่งล่างตารางเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ 1996 ขณะที่ตัวของ แลมพ์ส เองได้ฝากผลงานคว้าชัยเฉลี่ยต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร

ปัจจุบัน ตำนานกองกลางดาวยิงตลอดกาลของ เชลซี ได้โอกาสกอบกู้อาชีพโค้ชอีกคำรบเมื่อ โคเวนทรี ซิตี้ แต่งตั้งรั้งบังเหียนโดยชนะ 3 แพ้ 2 จาก 6 แมตช์แรกบนเวทีแชมเปี้ยนชิพ

โซล แคมป์เบลล์ (แม็คเคิ่ลสฟิลด์, เซาธ์เอนด์)

"บิ๊กโซล" เป็นอีกหนึ่งอดีตแข้งดังเลือดผู้ดีที่ไม่ค่อยมีคนรู้ว่าเคยทำงานโค้ช แถมยังออกซองสวยหรูสมัยคุม แม็คเคิ่ลส์ฟิลด์ เมื่อปี 2018 ขณะกำลังเผชิญวิกฤตอยู่ห่างจากโซนปลอดภัย 5 แต้ม ท้ายที่สุดพาทีมรอดตกชั้นในนัดรูดม่านด้วยผลเสมอถึงถิ่น เคมบริดจ์ ยูไนเต็ด

ก้าวต่อมาขยับสู่ลีก วัน กับ เซาธ์เอนด์ คราวนี้กลายเป็นฝันร้าย โดย แคมป์เบลล์ ทำทีมชนะเพียง 4 ใน 23 เกมก่อนมีอันต้องตกชั้น

จากวันนั้น อดีตกองหลังผู้สร้างตำนานย้ายค่ายจาก สเปอร์ส สู่ อาร์เซน่อล ก็ไม่เคยได้จับงานข้างสนามอีกต่อไป...

ฟิล เนวิลล์ (ซัลฟอร์ด, บอลหญิงทีมชาติอังกฤษ, อินเตอร์ ไมอามี่, พอร์ทแลนด์ ทิมเบอร์ส)

หลังคุมชั่วคราวในบทบาทโค้ชคู่กับ สโคลส์ ที่ ซัลฟอร์ด 1 นัดถ้วน เนวิลล์ ผู้น้องได้งานใหญ่ในนามผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ ฉบับฟุตบอลหญิงเมื่อเดือนมกราคม 2018 ก่อนฝากผลงานชนะ 19 จาก 35 เกมตลอดระยะเวลาราว 3 ปี รวมถึงได้แชมป์รายการ ชีบีลีฟส์ คัพ 2019

อย่างไรก็ตาม ฟิล กลับไม่เป็นที่นิยมด้วยความล้มเหลวตกรอบรองชนะเลิศทั้งยูโร 2017 และฟุตบอลโลกใน 2 ปีต่อมา กระทั่งได้งานสโมสรแบบเต็มตัวกับ อินเตอร์ ไมอามี่ ทีมเมเจอร์ลีก สหรัฐอเมริกา ภายใต้การบริหารโดย เดวิด เบ็คแฮม เพื่อนเก่าทั้งระดับสโมสร-ทีมชาติ

ช่วงเวลา 2 ปีครึ่งท่ามกลางลูกทีมบิ๊กเนมทั้ง กอนซาโล่ อิกวาอีน, แบลส มาตุยดี้, คีแรน กิ๊บบ์ส และ ไรอัน ชอว์ครอสส์ กลับลงเอยด้วยความล้มเหลวด้วยชัยชนะเฉลี่ยแค่ 39 เปอร์เซ็นต์จากจำนวน 90 เกม ที่สุดต้องแคล้วคลาดพลาดโอกาสร่วมงานกับ ลีโอเนล เมสซี่ เพียง 2 สัปดาห์ แต่โดยส่วนตัวเขาเชื่อว่าถูกปลดก็เพราะการมาของยอดดาวยิงอาร์เจนไตน์นั่นเอง

โค้ชฟิลยังคงโลดแล่นในเวที เอ็มแอลเอส คุมทีม พอร์ทแลนด์ ทิมเบอร์ส แต่ก็ห่างไกลจากความน่าประทับใจ ผ่านไป 38 เกมมีค่าเฉลี่ยชนะแค่ 37 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

สกอตต์ พาร์เกอร์ (ฟูแล่ม, บอร์นมัธ, คลับ บรูช, เบิร์นลี่ย์)

สมัยค้าแข้งชื่อชั้นฝีเท้าเทียบไม่ได้กับ สโคลส์-แลมพ์ส แต่กับอาชีพโค้ชต้องบอกว่าช่ำชองโชกโชนกว่าเยอะ นับจากเริ่มงานโค้ช สเปอร์ส รุ่น U18 ก่อนโยกย้ายสู่ ฟูแล่ม เป็นทีมงานของ สลาวิช่า โยคาโนวิช ต่อด้วย เคลาดิโอ รานิเอรี่ กระทั่งขึ้นมารั้งบังเหียนเอง ถึงจะช่วยทีมอยู่รอดปลอดภัยไม่ได้ก็ตีตั๋วกลับมาในปีเดียวด้วยชัยชนะเพลย์ออฟในปี 2020 แต่ท้ายที่สุดก็แยกทางกันเมื่อต้องตกชั้นอีกเช่นเคย

ในวันเดียวกันที่ยืนยันอำลาถิ่นกระท่อมน้อย พาร์เกอร์ ได้งานใหม่ทันทีกับ บอร์นมัธ โดยพาทีมจบที่ 2 แชมเปี้ยนชิพคืนสู่ลีกสูงสุด ที่ซึ่งได้คุมอีกแค่ 4 แมตช์ หลังเปิดหัวชนะ แอสตัน วิลล่า กลับแพ้ทั้ง แมนฯ ซิตี้, อาร์เซน่อล และ ลิเวอร์พูล ซึ่งถล่มยับไม่นับญาติ 9-0 ติดทำเนียบขาดลอยสูงสุดในพรีเมียร์ลีกร่วมกับเกม แมนฯ ยูไนเต็ด ยำ อิปสวิช เมื่อ 1995

อดีตมิดฟิลด์จอมขยันว่างงานไม่นานอีกแล้ว ในเดือนธันวาคมปีเดียวกันเขาได้รับงานคุม คลับ บรูช แชมป์ลีกเบลเยียมซึ่งตกที่นั่งลำบากรั้งอันดับ 4 และรอแข่งรอบ 16 ทีมสุดท้ายแชมเปี้ยนส์ ลีก คราวนี้ดูจะเป็นงานใหญ่เกินตัวเมื่อตกรอบบอลยุโรปด้วยน้ำมือ เบนฟิก้า สกอร์รวมขาดหลุดลุ่ย 7-1 รวมเบ็ดเสร็จชนะแค่ 2 ใน 12 เกม

เพียงไม่นานอีกแล้วในฤดูร้อน 2024 อดีตกัปตันทีม สเปอร์ส ได้สัญญา 3 ปีคุม เบิร์นลี่ย์ หลังตกชั้นสู่แชมเปี้ยนชิพ โดยเวลานี้ทำทีมเกาะกลุ่มหัวตารางแบบไม่แผ่ว มีลุ้นเลื่อนชั้นอัตโนมัติเต็มตัว สานต่อเป้าหมายอยู่รอดปลอดภัยบนเวทีท็อปไฟลท์ได้สักที!


ที่มาของภาพ : Getty
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport