กือราเซาสร้างประวัติศาสตร์คว้าตั๋วไปฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้เป็นครั้งแรก หลังพัฒนาทีมต่อเนื่องจากยุคคว้าแชมป์คิงส์คัพ 2019 ก้าวสู่ชาติที่เล็กที่สุดและประชากรน้อยที่สุดที่ได้เข้ารอบสุดท้าย
10 ตุลาคม 2010 คือวันที่ กือราเซา ได้รับสิทธิ์เป็นประเทศๆ หนึ่งอย่างเป็นทางการ แต่ตามหลักการแล้วพวกเขามีสถานะเป็นหนึ่งในชาติที่อยู่ในเครือของราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์อยู่ พูดอีกแบบก็คือถึงแม้พวกเขาจะมีอำนาจในการปกครองตนเองในกิจการภายในเกือบทั้งหมด แต่ไม่ใช่รัฐเอกราชที่แยกตัวออกมาโดยสมบูรณ์เหมือนประเทศอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม แค่นั้นก็ถือว่าเพียงพอที่จะทำให้ชาว กือราเซา มีความสุขแล้ว หลังจากพวกเขาเคยอยู่ใต้อาณานิคมของ สเปน ช่วงปี 1499-1634 ก่อนที่ เนเธอร์แลนด์ส จะเข้ามายึดครองต่อจาก สเปน โดยที่จริง กือราเซา เคยเป็นของ สหราชอาณาจักร สั้นๆ ช่วงปี 1807-1815 ด้วย ก่อนจะกลับสู่อ้อมอกของ เนเธอร์แลนด์ส
หลังได้เป็นประเทศๆ หนึ่ง กือราเซา ก็ได้ลงเล่นฟุตบอลระดับทีมชาติในชื่อของตัวเองเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม ปี 2011 โดยเป็นเกมอุ่นเครื่อง และคู่แข่งทีมแรกของพวกเขาคือ สาธารณรัฐโดมินิกัน ซึ่งวันนั้น กือราเซา แพ้ไป 0-1
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา กือราเซา ก็ค่อยๆ พัฒนาวงการฟุตบอลภายในประเทศมาเรื่อยๆ พวกเขาเคยไปถึงรอบก่อนรองชนะเลิศของศึก คอนคาเคฟ โกลด์ คัพ 2019 ที่ สหรัฐอเมริกา, คอสตา ริก้า และ จาเมก้า เป็นเจ้าภาพร่วมกันด้วย
สำหรับการแข่ง ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก 3 ครั้งก่อนหน้านี้นั้น พวกเขาตกรอบเร็วตามประสาที่ยังเป็นทีมเล็ก ไม่ว่าจะเป็น ฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือก ที่จอดป้ายในรอบ 2, 4 ปีต่อมาที่มาถึงเพียงรอบ 3 และ ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก ที่ตกรอบ 2
ทั้งนี้ ฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก คือโอกาสทองสำหรับ กือราเซา เพราะพี่ใหญ่ 3 ชาติในทวีปอย่าง สหรัฐอเมริกา, เม็กซิโก และ แคนาดา ได้สิทธิ์เล่นรอบสุดท้ายจากโควตาเจ้าภาพไปแล้ว โดยพวกเขาเริ่มเล่นตั้งแต่รอบ 2 และเอาชนะได้ครบทั้ง 4 นัดจนทำให้เข้าสู่รอบ 3
ในรอบ 3 กือราเซา ถูกจับให้อยู่ในกลุ่ม บี ร่วมกับ จาเมก้า, ตรินิแดด แอนด์ โตเบโก้ และ เบอร์มิวด้า ซึ่ง 2 ชาติแรกถือเป็นทีมที่แฟนบอลคุ้นหูและมีชื่อเสียงในวงการฟุตบอลระดับหนึ่ง ทำให้ กือราเซา ไม่ได้ถูกจับตามองมากนัก
ถึงกระนั้น ท้ายที่สุดแล้ว กือราเซา กลับทำผลงานได้ดีที่สุดในกลุ่มนี้ หลังจากลงเล่นไป 6 นัด และไม่แพ้ใครเลย แบ่งเป็นการชนะกับเสมออย่างละ 3 หน จนทำให้พวกเขาเป็นแชมป์ของกลุ่มนี้ในสภาพที่เฉือน จาเมก้า ไปเพียง 1 แต้ม ส่งผลให้ กือราเซา ได้สิทธิ์เล่น ฟุตบอลโลก 2026 รอบสุดท้าย
ด้วยความที่มีประชากรเพียงแค่ราว 156,000 คน และพื้นที่แค่ราว 444 ตารางกิโลเมตร ทำให้ กือราเซา เป็นทั้งชาติที่มีจำนวนประชากรน้อยที่สุด และมีขนาดพื้นที่เล็กที่สุดที่ได้เล่น ฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ทันที
ในส่วนของแฟนบอลชาวไทยนั้น เชื่อว่าหลายคนรู้จักทีมฟุตบอลกือราเซาจากการที่พวกเขาเคยมาได้แชมป์ คิงส์ คัพ 2019 ที่ประเทศไทย โดยครั้งนั้นพวกเขาชนะ อินเดีย 3-1 ในรอบรองชนะเลิศ ก่อนที่ในรอบชิงดำจะชนะ เวียดนาม ในช่วงดวลจุดโทษ จากการที่ตอนแรกเสมอกัน 1-1
กุนซือ กือราเซา เมื่อตอนนั้นได้แก่ เรมโก้ บิเซนตินี่ ที่เป็นชาวดัตช์ ซึ่งแน่นอนว่าชื่อชั้นเป็นรองคนปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง เพราะตอนนี้กุนซือของ กือราเซา ได้แก่ ดิ๊ค อั๊ดโวคาท ที่เคยผ่านงานกับหลายทีมดังมาแล้ว โดยทาง อั๊ดโวคาท เริ่มคุมทีมมาตั้งแต่ช่วงปี 2024
นักเตะบางคนจากชุดที่ได้แชมป์ คิงส์ คัพ ก็อยู่ในทีมชุดล่าสุดด้วย ไม่ว่าจะเป็น เอลอย รูม ผู้รักษาประตูวัย 36 ปีที่ตอนนี้ไร้สังกัด, ยูเรี่ยน การี่ กองหลังวัย 31 ปีจาก อั๊บฮา ทีมใน ซาอุดี อาระเบีย และ เลอันโดร บากูน่า มิดฟิลด์วัย 34 ปีจาก บันเดียร์มาสปอร์ ทีมใน ตุรกี โดยรายนี้เคยเล่นให้ทีมอย่าง โกรนิงเก้น, แอสตัน วิลล่า, เร้ดดิ้ง, คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ และ วัตฟอร์ด มาก่อนเช่นกัน
ขณะที่บางรายจากชุดที่ได้แชมป์ในไทยก็เพิ่งลงเล่นให้ทีมเมื่อไม่นานมานี้เช่นกัน เพียงแต่ไม่ได้ติดทีมชุดล่าสุด อย่างเช่น คูโค่ มาร์ติน่า แนวรับกัปตันทีมเมื่อตอน คิงส์ คัพ 2019 และ ยูริช คาโรลิน่า แบ็กซ้ายที่ทำประตูได้ในนัดชิงดำที่ บุรีรัมย์
ขุมกำลังชุดปัจจุบันของ กือราเซา เล่นอยู่ในหลายลีกทั่วโลก โดยส่วนใหญ่อยู่ใน เนเธอร์แลนด์ส อย่างเช่น อาร์มันโด้ โอบิสโป้ จาก พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ขณะเดียวกันก็มีคนทึ่เล่นในอังกฤษเช่นกัน อาทิ ซอนต์เย แฮนเซ่น แนวรุกจาก มิดเดิ้ลสโบรห์ ทีมใน เดอะ แชมเปี้ยนชิพ และ ทาฮิธ ช็อง อดีตเยาวชนของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ตอนนี้อยู่กับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด อีก 1 สโมสรใน เดอะ แชมเปี้ยนชิพ
การได้ไปเล่น ฟุตบอลโลก 2026 รอบสุดท้าย ถือเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของวงการฟุตบอล กือราเซา อย่างแท้จริง และน่าจับตามองว่าหลังจากนี้พวกเขาจะต่อยอดได้ดีแค่ไหน
- เด็กเกร็ดบอล -