ศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนยุโรป แข่งขันกันจบครบทุกกลุ่ม (A ถึง L) เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งตอนนี้ก็ได้ 12 ทีม จากโควตาโซนยุโรปทั้งหมด 16 ทีม ผ่านเข้าไปลุยรอบสุดท้าย ที่ประเทศแคนาดา, เม็กซิโก และ สหรัฐอเมริกา เป็นเจ้าภาพร่วมกัน ช่วงกลางปีหน้า
นี่คือ 12 ทีม ที่การันตีคว้าตั๋วลุยรอบสุดท้าย ผ่านการเป็นแชมป์กลุ่ม
- เยอรมนี (แชมป์กลุ่ม A)
- สวิตเซอร์แลนด์ (แชมป์กลุ่ม B)
- สกอตแลนด์ (แชมป์กลุ่ม C)
- ฝรั่งเศส (แชมป์กลุ่ม D)
- สเปน (แชมป์กลุ่ม E)
- โปรตุเกส (แชมป์กลุ่ม F)
- เนเธอร์แลนด์ (แชมป์กลุ่ม G)
- ออสเตรีย (แชมป์กลุ่ม H)
- นอร์เวย์ (แชมป์กลุ่ม I)
- เบลเยียม (แชมป์กลุ่ม J)
- อังกฤษ (แชมป์กลุ่ม K)
- โครเอเชีย (แชมป์กลุ่ม L)
แน่นอนว่า ยังเหลือโควตาอีก 4 ที่นั่ง ซึ่งจะเฟ้นหาจากการเตะเพลย์ออฟ โดยมีทั้งหมด 16 ทีมเข้าร่วมแข่งขัน แบ่งเป็น 12 ทีมที่เป็นรองแชมป์กลุ่มรอบคัดเลือก + 4 ทีมแชมป์กลุ่ม ยูฟ่า เนชันส์ ลีก ฤดูกาล 2024/25 ที่มีอันดับดีสุด (ตามการจัดอันดับรวมชั่วคราว) ที่ไม่สามารถจบด้วยการเป็นสองอันดับแรกของรอบคัดเลือก ซึ่งสรุปได้ดังนี้ พร้อมแบ่งเป็น 4 โถเรียบร้อย (หมายเหตุ : รองแชมป์กลุ่มรอบคัดเลือกทั้ง 12 ทีม จะถูกจัดให้อยู่ในโถ 1-3 ตามแรงกิงฟีฟ่า ประจำเดือนพฤศจิกายน 2025 ส่วนอีก 4 ทีมที่เข้ามาผ่านทาง เนชันส์ ลีก จะถูกวางให้อยู่ในโถ 4 แบบอัตโนมัติ)
โถ 1
- อิตาลี (รองแชมป์กลุ่ม I)
- เดนมาร์ก (รองแชมป์กลุ่ม C)
- ตุรกี (รองแชมป์กลุ่ม E)
- ยูเครน (รองแชมป์กลุ่ม D)
โถ 2
- โปแลนด์ (รองแชมป์กลุ่ม G)
- เวลส์ (รองแชมป์กลุ่ม J)
- สาธารณรัฐเช็ก (รองแชมป์กลุ่ม L)
- สโลวาเกีย (รองแชมป์กลุ่ม A)
โถ 3
- สาธารณรัฐไอร์แลนด์ (รองแชมป์กลุ่ม F)
- แอลเบเนีย (รองแชมป์กลุ่ม K)
- บอสเนียฯ (รองแชมป์กลุ่ม H)
- โคโซโว (รองแชมป์กลุ่ม B)
โถ 4
- โรมาเนีย (โควตา เนชันส์ ลีก)
- สวีเดน (โควตา เนชันส์ ลีก)
- มาซิโดเนียเหนือ (โควตา เนชันส์ ลีก)
- ไอร์แลนด์เหนือ (โควตา เนชันส์ ลีก)
สำหรับการแข่งขันรอบเพลย์ออฟ ที่มีทั้งหมด 16 ทีม ซึ่งมีคิวฟาดแข้งช่วงปลายเดือนมีนาคม ปีหน้า จะถูกแบ่งออกเป็น 4 เส้นทางการแข่งขัน (Path A, B, C และ D) ตามการจับสลากจากโถ 1-4 ที่จะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายนนี้
แต่ละเส้นทางมี 4 ทีม ซึ่งในแต่ละเส้นทางจะมีการแข่งขันรอบรองชนะเลิศ (เตะนัดเดียว วันที่ 26 มีนาคม 2026) สองคู่ และตามด้วย รอบชิงชนะเลิศ (เตะนัดเดียว วันที่ 31 มีนาคม 2026) อีกหนึ่งคู่ โดยทีมแชมป์แต่ละสาย ก็คืออีก 4 ทีมโซนยุโรป ที่จะได้ผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลก 2026 รอบสุดท้าย + 12 ทีมแชมป์กลุ่มรอบคัดเลือก นั่นเอง
✍️ 𝐒𝐮𝐛𝐢𝐧𝐡𝐨