ในค่ำคืนแห่งความทรงจำที่เมืองไพรอา เมืองหลวงของหมู่เกาะเล็ก ๆ กลางมหาสมุทรแอตแลนติก
แฟนบอลกว่า 15,000 ชีวิตต่างโบกธงสีฟ้า-ขาวไหวสะบัด เสียงกลองและเสียงตะโกนดังกึกก้องไปทั่วสนามกีฬาแห่งชาติโดยที่ทีมเจ้าถิ่นต้องการชัยชนะเพื่อเขียนหน้าประวัติศาสตร์บทใหม่ของประเทศ
และเมื่อเสียงนกหวีดสุดท้ายดังขึ้น สกอร์ 3-0 ที่ปรากฏบนสกอร์บอร์ดไม่ได้หมายถึงแค่การได้ 3 แต้มเหนือ เอสวาตีนี เท่านั้น แต่มันคือตั๋วสู่ฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายใบแรกของชาติเล็ก ๆ ที่มีประชากรเพียงราวห้าแสนคน
เคปเวิร์ด หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า "สาธารณรัฐคาโบเวิร์ด" (Republic of Cabo Verde) เป็นหมู่เกาะ 10 เกาะที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของทวีปแอฟริกา ห่างจากชายฝั่ง เซเนกัล ประมาณ 600 กิโลเมตร
พวกเขาเคยเป็นอาณานิคมของ โปรตุเกส ก่อนจะประกาศเอกราชในปี 1975
ฟุตบอลโลก 2026 ที่จะจัดขึ้นที่ สหรัฐอเมริกา, แคนาดา และเม็กซิโก จะเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับชาติยักษ์ใหญ่ของโลก
นี่คือความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตั้งแต่มีประเทศมา
...
หนทางสู่ เวิลด์ คัพ 2026 ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เคปเวิร์ด เริ่มต้นรอบคัดเลือกอย่างย่ำแย่ เสมอในบ้านกับ แองโกลา 0-0 และบุกไปแพ้หมดรูปต่อ แคเมอรูน 1-4 ผลงาน 3 นัดแรก พวกเขามีเพียง 4 แต้มจาก 9 คะแนนเต็ม
แต่จากจุดนั้น "ฉลามสีน้ำเงิน" (Blue Sharks) ก็กลับมาผงาดด้วยการคว้าชัยชนะ 5 นัดรวด หนึ่งในนั้นคือการล้างตา แคเมอรูน 1-0
ก่อนเกมสุดท้าย พวกเขาต้องการ 3 คะแนนเพื่อการันตีตำแหน่งแชมป์กลุ่ม D และพวกเขาทำได้อย่างสง่างามด้วยการเปิดบ้านถล่ม เอสวาตินี 3-0
ครึ่งแรกเกมยังตึงเครียด เสียงเชียร์กึกก้องแต่โอกาสทำประตูยังมาไม่ถึง กระทั่งเริ่มครึ่งหลัง 3 นาที ไดลอน ลีฟราเมนโต นักเตะที่เกิดใน ร็อทเทอร์ดัม ลูกหลานผู้อพยพเชื้อสาย เคปเวิร์ด ยิงประตูปลดล็อกให้เจ้าบ้านออกนำ 1-0
ถัดมาอีก 6 นาที วิลลี่ เซเมโด้ ปีกที่เกิดใกล้กรุงปารีส บวกเพิ่มอีกลูกให้แฟนบอลทั้งสนามระเบิดเสียงเฮ 2-0
ก่อนที่ช่วงทดเวลาเจ็บ สโตปิรา กองหลังวัย 37 ปี แข้งรุ่นบุกเบิกจะซัดปิดกล่องเป็น 3-0 ปิดฉากค่ำคืนที่ไม่มีใครอยากให้จบลง
"ผมฝันถึงวันนี้มาตลอดตั้งแต่ยังเป็นเด็ก" วอซินญ่า นายด่านวัย 39 ปี กล่าวทั้งน้ำตาหลังจบเกม
"คืนนี้เราทำได้แล้ว ถึงเวลาฉลองกันได้เลย”
...
โค้ช เปโดร บริโต หรือเรียกง่าย ๆ ว่า "บูบิสต้า” ให้สัมภาษณ์ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
"นี่คือชัยชนะของทุกคนใน เคปเวิร์ด โดยเฉพาะผู้ที่ต่อสู้เพื่อเอกราชของเรา มันช่างมีความหมายมากในปีที่เราฉลองครบรอบ 50 ปีแห่งอิสรภาพ"
สำหรับชายวัย 55 ปีรายนี้ เส้นทางโค้ชของเขาเริ่มต้นจากการเป็นผู้ช่วยทีมชาติ ก่อนจะรับตำแหน่งกุนซือใหญ่ในปี 2020 และพาทีมเข้ารอบสุดท้าย แอฟริกัน คัพ ออฟ เนชันส์ (AFCON) สองสมัยติดต่อกัน รวมถึงการพาทีมทะลุรอบ 8 ทีมสุดท้ายในปี 2023 ที่พ่าย แอฟริกาใต้ ด้วยการดวลจุดโทษ
ทีมชุดนี้สะท้อนความเป็น "โลกาภิวัตน์ของ เคปเวิร์ด" (globalization) ได้ชัดเจนที่สุด เพราะนักเตะกว่าครึ่ง เกิดและเติบโตนอกประเทศ ทั้งในยุโรป อเมริกา หรือเอเชียตะวันตก แต่ยังเลือกเล่นให้มาตุภูมิของบรรพบุรุษ
บนหน้าไลน์อัป 11 ตัวจริง มีนักเตะที่ค้าแข้งอยู่ใน โปรตุเกส 3 คน ส่วนคนอื่น ๆ มาจากลีก สหรัฐอเมริกา, ไอร์แลนด์, ยูเออี, เนเธอร์แลนด์, ตุรกี, โรมาเนีย, รัสเซีย และ ไซปรัส อย่างละคนเรียกว่ากระจัดกระจายมาจากทั่วโลก
ขณะที่ ไรอัน เมนเดส ดาวยิงกัปตันทีมจากลีก ตุรกี คือเจ้าของสถิติยิงมากสุด (21 ประตูจาก 85 นัด)
แม้จะมีเพียง โลแกน คอสต้า จาก บียาร์เรอัล ที่ค้าแข้งอยู่ใน 5 ลีกใหญ่ ยุโรป แต่พวกเขาก็พิสูจน์แล้วว่าหัวใจสำคัญของทีมนี้ไม่ใช่ชื่อเสียงของสโมสรต้นสังกัด แต่คือหัวใจและความเป็นหนึ่งเดียว
ด้วยประชากรประมาณ 525,000 คน ตามข้อมูลของธนาคารโลก เคปเวิร์ด มีขนาดประชากรใกล้เคียงกับจังหวัดมุกดาหาร แต่สามารถสร้างทีมจนผ่านเข้าสู่ฟุตบอลโลกได้ในฐานะชาติที่เล็กที่สุดอันดับสองในประวัติศาสตร์ที่ผ่านเข้ารอบ รองจาก ไอซ์แลนด์ ที่ทำได้ในปี 2018
นับตั้งแต่เข้าร่วม ฟีฟ่า เมื่อปี 1982 พวกเขาพยายามมาแล้ว 6 ครั้ง แต่ไม่เคยทำสำเร็จ จนมาถึงรุ่นนี้ที่เป็นเจเนอเรชันแห่งฝันที่พาประเทศไปไกลกว่าที่ใครเคยจินตนาการ
ฟุตบอลโลก 2026 จะเป็นครั้งแรกที่เพิ่มจาก 32 เป็น 48 ชาติ และเพิ่มโควตาทีมจาก แอฟริกา เป็น 9 ชาติเต็ม ๆ จากเดิมที่มีเพียง 5 ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่เปิดประตูให้ประเทศอย่าง เคปเวิร์ด ได้แสดงศักยภาพ
พวกเขากลายเป็นชาติหน้าใหม่ทีมที่ 3 ที่การันตีเข้ารอบต่อจาก อุซเบกิสถาน และ จอร์แดน
ขณะที่ แคเมอรูน เจ้าของสถิติไปฟุตบอลโลกมากสุดของทวีป (8 ครั้ง) ต้องหล่นไปลุ้นรอบเพลย์ออฟ ทั้งที่มีแข้งดังอย่าง อ็องเดร โอนาน่า, การ์ลอส บาเลบา และ ไบรอัน เอ็มเบอโม่
ในคืนที่เสียงหัวเราะและน้ำตาผสมปนกันกลางทะเลแอตแลนติก "บลู ชาร์กส์" ได้เปลี่ยนภาพลักษณ์ของฟุตบอลแอฟริกาอีกครั้ง
พวกเขาไม่ใช่ชาติร่ำรวย, ไม่ได้มีสนามซ้อมหรู หรือสปอนเซอร์ระดับโลก แต่มีหัวใจที่ใหญ่พอจะเขียนชื่อประเทศเล็ก ๆ ของตัวเองไว้บนแผนที่โลกฟุตบอล
ปีหน้า เมื่อฟุตบอลโลกเวอร์ชันใหม่เริ่มต้นขึ้นบนทวีปอเมริกาเหนือ เคปเวิร์ด จะเดินเข้าสู่สนามท่ามกลางสายตาคนนับล้าน พร้อมธงชาติที่โบกสะบัดและความฝันที่ไม่มีสิ่งใดจะหยุดได้อีกต่อไป
"นี่ไม่ใช่แค่ชัยชนะของทีมฟุตบอล แต่คือชัยชนะของประเทศทั้งประเทศ" บูบิสต้า โค้ชผู้สร้างประวัติศาสตร์ เคปเวิร์ด กล่าวไว้อย่างนั้น
HOSSALONSO