ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทีมชาตินอร์เวย์ถูกมองว่าเป็นทีมระดับกลางที่แข็งแกร่ง มีศักยภาพพอจะสร้างเซอร์ไพรส์เก็บแต้มจากทีมเต็งได้ แต่ไม่ค่อยมีโอกาสก้าวขึ้นไปถึงจุดสูงสุด การผ่านเข้ารอบสุดท้ายในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ดูเหมือนจะเป็นเพียงความฝันที่อยู่ไกลเกินเอื้อม
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้่มีหลายสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป นักเตะรุ่นใหญ่ที่เต็มไปด้วยคุณภาพระดับแนวหน้าได้ถือกำเนิดขึ้น และ นอร์เวย์ อาจกำลังอยู่บนเส้นทางที่จะคว้าตั๋วไปลุยศึกฟุตบอลโลก 2026 ได้ในไม่ช้านี้
สำหรับช่วงเวลานี้ บรรดาผู้เล่นเจเนอเรชั่นใหม่ได้รับประสบการณ์จากการค้าแข้งระดับอาชีพในต่างแดน กลับมาช่วยบ้านเกิดเมืองนอนให้สามารถสานฝันเป็นจริงในการหวนคืนสู่เวทีลูกหนังระดับชาติอีกครั้ง
ดังนั้น ถึงเวลาแล้วที่ทุกคนจะได้ทำความรู้จักทีมชาตินอร์เวย์ให้ดีกว่านี้ และที่สำคัญประเทศนี้ไม่ได้มีแข้งระดับคุณภาพแค่ เออร์ลิง ฮาลันด์ กับ มาร์ติน โอเดอการ์ด เท่านั้น !!
- นอร์เวย์ ไปเล่นทัวร์นาเมนต์ระดับเมเจอร์ครั้งล่าสุดได้แก่รายการ ยูโร 2000 และพวกเขาก็ตกรอบแบ่งกลุ่ม
ทีมจากสแกนดิเนเวียชุดนั้น ผ่านเข้าไปโม่เกือกศึกยูโรเพียงครั้งเดียวเท่านั้น เมื่อปี 2000 ซึ่งในตอนนั้น นักเตะส่วนใหญ่ของทีมชุดปัจจุบันยังไม่ได้เกิด หรือยังเด็กเกินกว่าจะจดจำการแข่งขันที่ต้องเจอกับ สเปน, ยูโกสลาเวีย และ สโลวีเนีย ได้
ในรอบคักเลือก นอร์เวย์ ออกสตาร์ทได้ย่ำแย่ โดยแพ้ให้กับ ลัตเวีย และเสมอ แอลเบเนีย จากนั้นสามารถเอาชนะ จอร์เจีย และฟอร์มก็เริ่มดีขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยการคว้าชัย 7 เกมติดต่อกัน และจบอันดับ 1 ของกลุ่ม คว้าตั๋วไปลุยรอบสุดท้ายศึก ยูโร 2000 อย่างไรก็ตามทัวร์นาเมนต์นั้นพวกเขาจบอันดับ 3 ในรอบแบ่งกลุ่ม
นอร์เวย์ เปิดฉากอย่างเท่เฉือนชนะ สเปน 1-0 จากผลงนของ สเตฟเฟ่น อีเวอร์เซ่น หลังจากนั้นก็แพ้ ยูโรสลาเวีย 0-1 แต่ยังคงมีโอกาสเข้ารอบต่อไป หากสามารถคว้าชัยเหนือ สโลวีเนีย ได้ในนัดสุดท้าย
น่าเสียดายที่เกมจบลงด้วยสกอร์ 0-0 ขณะที่อีกคู่ สเปน ตามหลัง ยูโรสลาเวีย 2-3 ซึ่งหากสกอร์จบแบบนี้ก็เพียงพอที่จะส่ง นอร์เวย์ เข้ารอบน็อกเอาต์ แต่แล้วทัพ "กระทิงดุ" ได้สองประตูในช่วงทดเจ็บพลิกชนะ 4-3 นั่นทำให้ฝันของชาวไวกิ้งต้องพังทลายทันที
- หลายปีแห่งความผิดหวังและการพลาดแบบหวุดหวิด
หลังจากนั้น นอร์เวย์ ไม่เคยได้สัมผัสกับการเล่นในรอบสุดท้ายศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปอีกเลย แม้พวกเขาจะเคยเกือบทำได้หลายครั้ง โดยพวกเขาถูกสเปนเขี่ยตกรอบเพลย์ออฟ ยูโร 2004 (รวมผลสองนัดแพ้ 1–5) และพลาดตั๋วยูโร 2012 หลังโดนโปรตุเกสปาดหน้าคว้าอันดับ 2 กลุ่ม เอช ในรอบคัดเลือก
ยูโร 2016 กับ 2020 นอร์เวย์ ล้มเหลวในการเล่นรอบเพลย์ออฟอีกครั้ง โดยโดนทีเด็ดของ ฮังการี และ เซอร์เบีย ตามลำดับ สำหรับแมตช์กับพวกเซิร์บนั้น นอร์เวย์ ตีเสมอได้ในนาทีที่ 88 แต่มาโดนทีเด็ดจาก เซอร์เกย์ มิลินโควิช-ซาวิช ที่ซัดประตูชัยในช่วงต่อเวลาพิเศษ จากนั้นโชคร้ายยังตามหลอกหลอนในรอบคัดเลือก เวิลด์ คัพ ด้วย
นอร์เวย์ เคยได้เข้าร่วมศึกฟุตบอลโลกรวมทั้งหมด 3 ครั้ง และสามารถผ่านเข้าสู่รอบน็อกเอาต์ได้ด้วย โดยในปี 1938 พวกเขาพ่ายอิตาลีในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ส่วนในปี 1998 นอร์เวย์ เสมอ โมร็อกโก และสกอตแลนด์ ก่อนสร้างผลงานสุดยิ่งใหญ่ด้วยการเอาชนะบราซิล 2–1 แต่สุดท้ายก็ต้องหยุดเส้นทางอีกครั้งเมื่อแพ้ อิตาลี ในรอบต่อมา
สำหรับศึกเวิลด์ คัพ 1994 เหตุการณ์กลับซ้ำรอยเดิม โดย นอร์เวย์ มีสี่คะแนนไม่เพียงพอที่จะผ่านเข้ารอบจากกลุ่มที่แข็งแกร่ง แม้จะมีสามทีมที่ได้เข้ารอบแถมมีแต้มเท่ากันหมดซะด้วย
- เคล็ดลับสู่ความสำเร็จ : กุนซือผู้มีประวัติฝีมือโดดเด่นในยุโรป
ความสำเร็จของ นอร์เวย์ ในช่วงหลังมานี้ ส่วนใหญ่เป็นผลจาก สตาเล่ โซลบัคเค่น กุนซือฝีมือดีที่มีชื่อเสียงโด่งดังจากผลงานในการคุมทีมระดับสโมสร และได้รับความสนใจจากทีมยักษ์ใหญ่ทั่วยุโรป
โซลบัคเค่น สร้างชื่อเสียงโด่งดังกับเอฟซี โคเปนเฮเก้น โดยพาทีมคว้าแชมป์ลีกเดนมาร์กถึง 5 สมัย พร้อมถ้วยในประเทศอีกหนึ่งรายการ และสร้างผลงานน่าจดจำในเวทียุโรปหลายครั้ง
ภายใต้การนำของเขา โคเปนเฮเก้น เข้ารอบแบ่งกลุ่ม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งแรก และเคยเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 2006 รวมทั้งผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายยูฟ่า ยูโรปา ลีก และรอบลึกๆ หลายครั้ง รวมถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ยูโรปา ลีก ในปี 2020
นอกจากนี้เขายังเคยทำงานในระยะเวลาสั้นๆ กับ เอฟซี โคโลญจน์ ที่เยอรมนี และ วูล์ฟส์ ในอังกฤษ ซึ่งไม่ค่อยประสบความสำเร็จ แต่การกลับไปทำงานที่บ้านเกิดกลับกลายเป็นการตัดสินใจที่เหมาะสมที่สุด
โซลบัคเค่น รับงานคุม นอร์เวย์ ในปี 2020 แม้จะพลาดตั๋วไปเล่นรอบสุดท้ายศึกเวิลด์ คัพ 2022 และยูโร 2024 แต่ทีมแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการที่โดดเด่นอย่างชัดเจนซึ่งพวกเขาต่อสู้เพื่อการผ่านเข้ารอบจนถึงนัดสุดท้าย สำหรับในศึกเนชั่นส์ ลีก นอร์เวย์ชนะสามจากสี่เกมแรก และพลาดโอกาสเลื่อนชั้นแค่นิดเดียวเท่านั้น
ตอนนี้สำหรับศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก พวกเขากำลังทำผลงานได้อย่างโดดเด่น รั้งอันดับจ่าฝูง กลุ่ม ไอ โดยผลงนที่โดดเด่นก็คือการไล่ต้อน อิตาลี 3-0 และเก็บชัยชนะ 5 เกมรวด
- ยุคทองของนอร์เวย์ : ไม่ได้มีแค่ ฮาลันด์ และ โอเดอการ์ด
นอร์เวย์ ไม่เคยมีนักเตะคุณภาพสูงครอบคลุมทุกตำแหน่งได้มากขนาดนี้มาก่อน นี่จึงถือเป็นยุคทองของพวกเขาอย่างแท้จริง เพราะผู้เล่นในทุกตำแหน่งเต็มไปด้วยทักษะและประสบการณ์ในการเล่นต่างแดน
สำหรับนักเตะคีย์แมนของ นอร์เวย์ ชุดนี้ ได้แก่
ออร์ยาน นีลันด์ - นายทวารมากประสบการณ์ที่ผ่านการเล่นให้กับ โมลด์, อิงโกลสตัดท์, แอสตัน วิลล่า, นอริช, บอร์นมัธ และ แอร์เบ ไลป์ซิก (คว้าแชมป์ เดเอฟเบ โพคาล) และปัจจุบันเฝ้าเสาให้กับ เซบีย่า
ลีโอ ออสติการ์ด - เซนเตอร์แบ็กสารพัดประโยชน์ซึ่งเคยเล่นให้กับ ไบรท์ตัน, ฮอฟเฟ่นไฮม์, แรนส์, เจนัว และ นาโปลี ซึ่งคว้าแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี เมื่อปี 2023
จูเลี่ยน ไรเออร์สัน - วิงแบ็กฟอร์มโดดเด่นจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่สำคัญเขาเป็นนักเตะที่พร้อมทุ่มเทในการเล่นเกมรุก และรับได้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
ซานเดอร์ เบอร์เก้ - กองกลางตัวรับที่ไว้วางใจได้ และสร้างความประทับใจในอังกฤษกับเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด, เบิร์นลีย์ และปัจจุบันกับ ฟูแล่ม
มาร์ติน โอเดอการ์ด - กัปตันทีมชาตินอร์เวย์ และเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดในโลก โดยเพลย์เมกเกอร์อาร์เซน่อลคอยคุมจังหวะเกม, ทำประตูและแอสซิสต์ได้ พร้อมทั้งเป็นตัวอย่างในการเป็นผู้นำทีม
อันโตนิโอ นูซ่า - ปีกตัวจี๊ดที่เคยสร้างชื่อกับ คลับ บรูช ก่อนย้ายไปเล่นกับ แอร์เบ ไลป์ซิก ซึ่งเขากำลังกลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นคนสำคัญที่สโมสรขาดไม่ได้
อันเดรส เชลเดอรุป - ปีกดาวรุ่งจากเบนฟิก้า ซึ่งย้ายมาจาก นอร์ดส์เยลลันด์ ด้วยค่าตัว 9 ล้านยูโร (ราว 351 ล้านบาท) กำลังเริ่มสร้างผลงานของตัวเองและมีโอกาสเติบโตเป็นดาวเด่นในอนาคต
ออสการ์ บ็อบบ์ - ดาวรุ่งของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่มีทักษะการเลี้ยงบอล, ความเร็ว และการจบสกอร์ที่ยอดเยี่ยม เขาสามารถทำประตูได้ทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ
เออร์ลิง ฮาลันด์ - คงไม่ต้องบรรยายเรื่องสรรพคุณของนักเตะรายนี้ ปัจจุบันซัดประตูคู่แข่งเป็นว่าเล่น และก้าวขึ้นมาเป็นดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของทีมชาตินอร์เวย์ ไปเรียบร้อยแล้วทั้งๆ ที่เพิ่งอายุ 25 ปีเท่านั้น
อเล็กซานเดอร์ ซอร์ลอธ - หลังจากช่วงเวลาที่ยากลำบากในอังกฤษ เขากลับมาฟอร์มดีใน สเปน กับ เรอัล โซเซียดาด, บียาร์เรอัล และปัจจุบันกับ แอตเลติโก มาดริด โดยยังคงทำประตูสำคัญให้ทีมอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ นอร์เวย์ ยังมีนักเตะฝีเท้าดีอีกหลายคนที่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญของทีมได้ หากทุกอย่างดำเนินไปเช่นนี้ การกลับมาสู่ความยิ่งใหญ่ในระดับชาติของ นอร์เวย์ ที่รอคอยมานานอาจเกิดขึ้นได้ในฟุตบอลโลก 2026 ก็ได้