สตีเว่น เจอร์ราร์ด ยอมรับทีมชาติอังกฤษยุค “โกลเด้น เจเนเรชั่น” มีอีโก้สูงจนขาดความสามัคคี แม้เต็มไปด้วยซูเปอร์สตาร์อย่าง แลมพาร์ด, เบ็คแฮม และ สโคลส์ แต่ไม่ผูกพันกันเหมือนแข้งอังกฤษรุ่นปัจจุบัน ทำให้พลาดความสำเร็จในระดับทีมชาติ
สตีเว่น เจอร์ราร์ด ตำนานกองกลางชาวอังกฤษ แสดงความเห็นว่าตนและเหล่าอดีตเพื่อนร่วมทีมชาติต่างก็มีอีโก้กันสูงจนทำให้ "สิงโตคำราม" ชุดนั้นไม่ประสบความสำเร็จ
อังกฤษ เคยมีชุดที่มีนักเตะชั้นยอดหลายคนที่อยู่ในช่วงวัยพีค อย่างเช่น เจอร์ราร์ด, แฟร้งค์ แลมพาร์ด, เดวิด เบ็คแฮม, พอล สโคลส์, แอชลี่ย์ โคล, จอห์น เทอร์รี่, ริโอ เฟอร์ดินานด์ และ ไมเคิ่ล โอเว่น เป็นต้น โดยแต่ละคนต่างก็ประสบความสำเร็จในระดับสโมสรอย่างมากด้วย
ทั้งนี้ ทีมชุดนั้นถูกขนานนามว่าเป็น "โกลเด้น เจเนเรชั่น" พร้อมถูกตั้งความคาดหวังเอาไว้สูง แต่สุดท้ายพวกเขาก็ไม่สามารถพา อังกฤษ คว้าแชมป์มาครองได้แม้แต่รายการเดียว ซ้ำร้ายผลงานที่ดีที่สุดยังเป็นเพียงการเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายในศึก ฟุตบอลโลก 2002, ยูโร 2004 และ ฟุตบอลโลก 2006 เท่านั้น
เจอร์ราร์ด กล่าวระหว่างไปออกรายการพ็อดแคสต์ของ เฟอร์ดินานด์ ว่า "ในความคิดของฉันน่ะในทีมชาติอังกฤษมันมีปัญหาใหญ่กว่านั้น (หมายถึงใหญ่กว่าเรื่องการเล่น) ฉันคิดว่าเราทุกคนต่างก็เป็นพวกขี้แพ้ที่มีอีโก้สูงลิบ"
"ที่ฉันคิดแบบนั้นก็เพราะตอนนี้ตอนที่ฉันดูทีวีน่ะฉันได้เห็นภาพที่ คาร์ราเกอร์ นั่งข้างกับ พอล สโคลส์ เวลามีการถกกับแฟนบอล พวกเขาดูเหมือนกับว่าเป็นเพื่อนซี้กันมาแล้วสัก 20 ปีได้ ฉันได้เห็น คาร์ราเกอร์ มีความสัมพันธ์ที่ดีกับ แกรี่ เนวิลล์ ด้วย พวกเขาดูเหมือนเป็นเพื่อนตายกันมาแล้วสัก 20 ปี"
"ในตอนนี้ฉันเองก็อาจจะสนิทกับนายมากกว่าตอนที่ฉันได้เล่นร่วมกับนายเมื่อ 15 ปีก่อนด้วย ทำไมเราถึงไม่สนิทกันแบบนี้ตอนที่เรามีอายุ 20, 21, 22 หรือ 23 ปีกัน ? มันเป็นเพราะอีโก้รึเปล่า ? หรือเป็นเพราะเราเป็นคู่อริกันในตอนนั้น ? ทำไมตอนนี้เราถึงดูมีความเป็นผู้ใหญ่กันและสนิทสนมกันมากกว่าแต่ก่อน ? ทำไมเราถึงไม่ซี้กันแบบนี้สมัยที่ยังเป็นเพื่อนร่วมทีมชาติอังกฤษกัน ?"
"ฉันยอมรับเลยว่าตอนนั้นฉันไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของทีมเลย ฉันไม่รู้สึกว่าตัวเองเข้ากับเพื่อนร่วมทีมในทีมชาติอังกฤษได้ ซึ่งมันต่างกับตอนเล่นให้ ลิเวอร์พูล อย่างชัดเจน นั่นเป็นช่วงที่ดีที่สุดในชีวิตของฉันเลย เวลาที่ฉันต้องเดินทางไปต่างประเทศกับ ลิเวอร์พูล หรือต้องไปเล่นเกมเยือนร่วมกับ ลิเวอร์พูล ฉันจะรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของทีมอยู่เสมอ ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าสตาฟฟ์คอยดูแลฉัน มันทำให้ฉันรู้สึกพิเศษ และอยากลงไปเล่นสุดๆ"
"ขณะที่กับ อังกฤษ อารมณ์ของฉันก็แค่ลงไปเล่นกับซ้อมตามหน้าที่ไปซะ จากนั้นก็แยกย้าย โอเคล่ะว่าในช่วง 1 หรือ 2 วันสุดท้ายของการรวมตัวกัน 10 วันน่ะมันอาจจะรู้สึกว่าเรามีปฏิสัมพันธ์กันบ้าง แต่เมื่อถึงตอนนั้นเราก็เล่นกันจนครบไปแล้ว มันไม่เหลืออะไรให้ทำแล้ว ส่วนตอนต้องไปลงเล่นรายการใหญ่ๆ เรามีสายสัมพันธ์มากกว่าปกตินิดหน่อยเพราะเราได้อยู่ร่วมกันนานกว่า"