มันไม่ใช่รอบแรก ๆ หรือรอบไม่สำคัญ..
ไม่ใช่รอบสุดท้ายที่มีการเลือกเจ้าภาพเอาไว้ล่วงหน้าเรียบร้อยแล้วหลายปี
แต่มันเป็นรอบคัดเลือกรอบที่สี่ เหลือกันแค่ 6 ทีมสุดท้าย หาอีก 2 ทีมไปฟุตบอลโลก
อีก 2 ทีมที่จะตามไปสมทบกับ 6 ทีมก่อนหน้านี้ทั้ง ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อิหร่าน ออสเตรเลีย อุซเบกิสถาน และ จอร์แดน
อีก 2 ทีม จากทั้งหมด 6 ทีมที่เหลืออยู่หลังการฟาดฟันกันมายาวนาน 3 รอบ สกรีนออกไปแล้ว 34 ชาติ
จาก 46 ทีมที่เข้าร่วมชิงตั๋วเวิลด์คัพ 2026 เอเชียก็เหลืออยู่เพียงแค่นี้แล้ว.. 6 ทีมสุดท้าย
ซาอุดิอาระเบีย กาตาร์ อิรัก ยูเออี โอมาน และ อินโดนีเซีย
แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ๆ ละ 3 ทีม เตะแบบพบกันหมดแค่เกมเดียวไม่มีเหย้าเยือน ใครเป็นแชมป์กลุ่มเอาตั๋วไปเลย ใครเป็นรองแชมป์กลุ่มยังได้ลุ้นอีกเฮือกในเดือนหน้า เตะเหย้า-เยือนชิงตั๋วไปเพลย์ออฟกับตัวแทนจากทวีปอื่น ๆ อีกที
อุตส่าห์ทำได้ดีในการจัดการแข่งขันตลอด 3 รอบที่ผ่านมา แต่ในรอบที่สำคัญขนาดนี้ แต่ละทีมฝ่าฟันผ่านการต่อสู้มาอย่างดุเดือดขนาดนี้ ทำไมสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชียหรือ AFC ถึงได้ทำอะไรอย่างนั้น
หลักการแห่งความยุติธรรมถูกมองข้าม ไม่มีคำอธิบายที่เหมาะสม ปราศจากความโปร่งใสในกระบวนการคัดสรร
3 เกมที่จะเตะกันในกลุ่ม A จึงไปเล่นกันที่กาตาร์
3 เกมที่จะเตะกันในกลุ่ม B จึงไปเล่นกันที่ซาอุดิอาระเบีย
มันคงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหรอก ถ้าทั้งกาตาร์และซาอุดิอาระเบียจะไม่ได้อยู่ในกลุ่มนั้น ๆ ด้วย
เพราะการแข่งขันในรอบนี้แต่ละทีมจะพบกันเพียงนัดเดียวไม่มีเหย้าเยือน ครอบคลุมเวลาเพียง 3 วันคือวันที่ 8, 11 และ 14 ตุลาคม
3 เกมของแต่ละกลุ่มจึงต้องหาเจ้าภาพจัดการแข่งขัน หวดแบบพบกันหมดในประเทศเดียว รู้ผลอันดับ 1-2-3 ในเวลาเพียง 6 วัน
มันคงไม่น่าแปลกอะไรอีกเช่นกัน ถ้าเจ้าภาพนั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับการแข่งขันในกลุ่ม ซึ่งโดยหลักการย่อมต้องเป็นอย่างนั้น
สิ่งที่น่าตลกก็คือในรอบที่เดิมพันสำคัญยิ่งยวดขนาดนี้ ทำไม AFC ถึงทำเหมือนมองข้ามหลักการพื้นฐานนั้นไป
กลุ่ม A ที่มี กาตาร์ ยูเออี โอมาน จึงไปเตะที่กาตาร์
กลุ่ม B ที่มี ซาอุดิอาระเบีย อิรัก อินโดนีเซีย จึงไปเตะที่ซาอุดิอาระเบีย
มันไม่ใช่การเลือกที่ถูกกำหนดเอาไว้ล่วงหน้า หรือเลือกโดยมีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจน เช่นในรอบคัดเลือกรอบ 4 นี้จะให้ทีมในโถ 1 เป็นเจ้าภาพอะไรทำนองนั้น มันไม่ได้มีกำหนดเอาไว้แต่แรก
จนถึงวันนี้เรายังหาความชัดเจนไม่ได้เลยว่า กาตาร์ กับ ซาอุดิอาระเบีย ได้สิทธิ์สำคัญยิ่งยวดนี้ได้อย่างไร
หลังจบการแข่งขันในรอบคัดเลือกรอบสามหรือรอบ 18 ทีมสุดท้ายที่ได้ 6 ทีมไปบอลโลกเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา AFC ใช้การเลือกเจ้าภาพรอบคัดเลือกรอบสี่หรือรอบ 6 ทีมสุดท้ายจากการยื่นข้อเสนอ
แต่ถึงวันนี้อีกเช่นกันกลับไม่มีข้อมูลที่แน่นอนว่าชาติที่ยื่นบิดเป็นเจ้าภาพมีใครบ้าง แล้วกฎเกณฑ์เรื่องคุณสมบัติเป็นอย่างไรบ้าง ยื่นได้เฉพาะชาติที่เข้ารอบ 6 ทีมสุดท้ายเท่านั้นหรือชาติอื่น ๆ ก็มีสิทธิ์ยื่นบิด
ไม่มีรายละเอียดเรื่องเงื่อนไขการพิจารณา ไม่มีรายละเอียดเรื่องการตั้งทีมงานตรวจสอบความพร้อมของสนามและเมืองที่จัดการแข่งขัน ไม่มีรายละเอียดเรื่องขั้นตอนลำดับของเสียงโหวต โหวตกันอย่างไร โหวตกี่รอบ
ถึงวันนี้ยังได้แต่คาดการณ์ว่าชาติที่ยื่นบิดมีชาติไหนบ้าง บางแหล่งบอกว่ามี 7 ชาติคือ กาตาร์ ซาอุดิอาระเบีย อิรัก อินโดนีเซีย จีน และชาติอาหรับอีก 2 ประเทศ บางแหล่งก็บอกว่ามีเพียง 5 ชาติคือ กาตาร์ ซาอุดิอาระเบีย อิรัก อินโดนีเซีย และ ยูเออี
AFC ประกาศผลการเลือกเจ้าภาพตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายน ให้เหตุผลว่า กาตาร์ กับ ซาอุดิอาระเบีย นั้นมีโครงสร้างพื้นฐานในระดับโลก มีประสบการณ์จัดการแข่งขันกีฬาใหญ่ ๆ มีความพร้อมด้านการจัดการต่าง ๆ รวมทั้งการขนส่งสาธารณะ
แต่ผมคิดว่าการได้สิทธิ์ที่สำคัญอย่างนี้ไม่ใช่ปัญหาหรอกครับ ในเมื่อการแข่งขันจำเป็นต้องมีเจ้าภาพก็ต้องหาเจ้าภาพ
เพียงแต่การจัดการของ AFC ในสิทธิ์ที่มอบให้ทั้ง 2 ชาติต่างหากที่เป็นปัญหา
ไม่มีใครปฏิเสธเรื่องความพร้อมในการจัดการแข่งขันของกาตาร์กับซาอุดิอาระเบีย แต่นอกจากเรื่องความชัดเจนโปร่งใสในกระบวนการเลือกสรรแล้ว ความคลางแคลงใจอย่างรุนแรงย่อมเกิดขึ้นตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เมื่อทั้ง 2 ประเทศจะได้เป็นเจ้าภาพในกลุ่มของตัวเอง
อย่างที่บอกนั่นล่ะครับ หลักการเรื่องความยุติธรรมและเท่าเทียมย่อมต้องเป็นพื้นฐานอันดับแรก ทุกการพิจารณาและตัดสินใจของ AFC จึงควรตั้งอยู่บนพื้นฐานเรื่องนี้
รอบคัดเลือกรอบ 4 ที่ต้องเตะเพื่อชิงตั๋วไปฟุตบอลโลก ใครพลาดต้องรอไปอีก 4 ปี เป็นรอบที่ไม่มีการตั้งเจ้าภาพล่วงหน้าเอาไว้ก่อน เป็นการเลือกระหว่างการแข่งขัน คุณต้องเลือกสนามกลางเท่านั้นเพื่อให้ทั้ง 3 ทีมในกลุ่มได้เล่นในสนามที่ไม่มีความได้เปรียบเสียเปรียบ
นี่คือเรื่องพื้นฐานชนิดที่ว่าพื้นฐานที่สุดแล้ว เข้าใจได้ง่าย ๆ เลยด้วยสามัญสำนึก
หากนั่นล่ะครับ กระทั่งกฎเกณฑ์การเลือกสนามกลางเรายังไม่รู้เลยว่าคุณสมบัติของชาติที่เสนอตัวต้องเป็นอย่างไร ต้องอยู่ในกลุ่ม 6 ทีมสุดท้ายเท่านั้นหรือชาติอื่นก็เสนอตัวได้ ไม่รวมถึงระเบียบขั้นตอนในการโหวตที่ไม่มีข้อมูลออกมาเลย ทุกอย่างดูคลุมเครือไปหมด
การจับสลากแบ่งสายมีขึ้นหลังจากการประกาศเลือกเจ้าภาพ 1 เดือน กาตาร์ กับ ซาอุดิอาระเบีย ถูกจับแยกกันทั้งโดยโถทีมวางและการแยกเป็นเจ้าภาพประจำกลุ่ม
ทั้งคู่ได้เป็นเจ้าภาพในกลุ่มที่ตัวเองอยู่..
4 ชาติที่เหลือยื่นประท้วงทันที อิรักกับอินโดนีเซียออกแถลงการณ์ร่วมกัน ยูเออี กับ โอมาน ตามมาในวันรุ่งขึ้น สื่อมวลชนตั้งคำถามถึงความยุติธรรม
ไม่มีคำตอบ ไม่มีคำอธิบายใด ๆ มีเพียงข่าวลือในช่วงแรกว่า AFC อาจพิจารณาเลือกเจ้าภาพใหม่โดยมี 5 ชาติอยู่ในข่ายคือ มาเลเซีย คูเวต บาห์เรน จอร์แดน และ ไทย แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
AFC จะอ้างเหตุผลร้อยแปดประการใดก็ได้ว่าเรื่องนี้โปร่งใสไม่มีอะไรในกอไผ่ การมอบสิทธิ์ให้กาตาร์กับซาอุดิอาระเบียเป็นไปตามหลักการ เหมาะสม ไม่มีนอกมีใน แต่ผู้คนจะเชื่อไหมคงห้ามไม่ได้
ไม่เพียงไม่เชื่อหรอก.. พวกเขาเหล่านั้นคงถ่มถุยดูถูกองค์กรด้วยซ้ำ
อันที่จริงเรื่องนี้จะไม่มีปัญหาขนาดนี้หรอกครับถ้า AFC เลือก กาตาร์ กับ ซาอุดิอาระเบีย เป็นเจ้าภาพแล้วให้ทั้ง 2 ชาติจัดการแข่งขันสลับกลุ่มกัน
กาตาร์เป็นเจ้าภาพจัด 3 เกมของกลุ่ม B - ซาอุดิอาระเบีย พบ อินโดนีเซีย, อินโดนีเซีย พบ อิรัก และ อิรัก พบ ซาอุดิอาระเบีย
ซาอุดิอาระเบียเป็นเจ้าภาพจัด 3 เกมของกลุ่ม A - กาตาร์ พบ โอมาน, โอมาน พบ ยูเออี และ ยูเออี พบ กาตาร์
หากเป็นแบบนั้นคงไม่มีใครสงสัยเรื่องความโปร่งใสยุติธรรมของ AFC มันคือการเลือกเจ้าภาพที่ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติด้านต่าง ๆ ที่อธิบายไว้จริง ๆ ไม่ใช่การอำนวยความสะดวกให้ทั้ง 2 ชาติที่ล้วนมีผลประโยชน์กับองค์กร ฝ่ายหนึ่งเป็นผู้สนับสนุนใหญ่ผ่านกาตาร์แอร์เวย์ส อีกฝ่ายหนึ่งให้การสนับสนุนผ่านการลงทุนของกองทุนการลงทุนสาธารณะ (PIF)
การละเลยความยุติธรรมพื้นฐานอย่างนี้ไม่เป็นผลดีต่อภาพลักษณ์ขององค์กร จากนี้ไป AFC จะกล้ายืนยันกับใครได้ว่าไม่ได้ถูกครอบงำ ไม่มีการเมืองภายใน หรือไร้ซึ่งผลประโยชน์ ในเมื่อการแข่งขันรอบสำคัญชนิดชี้เป็นชี้ตายขนาดนี้พวกคุณยังกล้าทำขนาดนี้
ต้องการให้ กาตาร์ กับ ซาอุดิอาระเบีย เป็นเจ้าภาพในรอบนี้ก็ได้ แต่ต้องสลับกลุ่ม กาตาร์ไปจัดเกมเตะกลุ่มซาอุฯ ซาอุฯ ไปจัดเกมเตะกลุ่มกาตาร์ ไม่ใช่มาจัดเกมเตะของตัวเองให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบ
มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาห่วงว่ากลัวแฟนบอลจะไม่เข้าสนาม หรือกลัวสนามโล่งเสียบรรยากาศ เพราะมันไม่ใช่สาระ
จุดยืนของ AFC ณ ตรงนี้จะต้องตั้งอยู่บนเรื่องที่สำคัญที่สุดของการแข่งขันรอบนี้ นั่นคือการมอบความเท่าเทียมให้กับทั้ง 6 ทีมตามสิทธิ์ที่พวกเขาควรได้รับ
พวกคุณได้ทำมันหรือเปล่า หรือทำอย่างจริงจังแค่ไหน..
ป.ล. การเป็นทีมวางในโถ 1 ยังทำให้ กาตาร์ กับ ซาอุดิอาระเบีย ได้เปรียบทีมร่วมกลุ่มจากโปรแกรมเตะด้วย เพราะทั้งคู่จะลงเตะในเกมแรก (8 ต.ค.) พบกับทีมโถสาม (โอมาน และ อินโดนีเซีย) มีเวลาพัก 6 วันก่อนเตะเกมที่สาม (14 ต.ค.) ขณะที่ทีมวางในโถสอง (ยูเออี กับ อิรัก) มีเวลาพักเพียง 3 วันเท่านั้นก่อนเตะกับเจ้าภาพ เพราะต้องลงเล่นเกมที่สองในวันที่ 11 ต.ค.
ป.ล.2 อินโดนีเซียยังยื่นประท้วง AFC เรื่องผู้ตัดสินด้วย เพราะในเกมแรกที่พบกับซาอุดิอาระเบีย ผู้ตัดสินในสนามเป็นชาวคูเวต ชาติเพื่อนบ้านของซาอุฯ แต่คำประท้วงไม่เป็นผล แม้ในรอบคัดเลือกรอบที่ 4 นี้จะมีผู้ตัดสินที่ไม่ได้มาจากชาติอาหรับทำหน้าที่ทั้งจาก ญี่ปุ่น จีน ออสเตรเลีย และ อุซเบกิสถาน
ป.ล.3 สนาม Jassim bin Hamad Stadium แห่งเมือง Al Rayyan ที่กาตาร์เตรียมไว้รองรับการแข่งขันทั้ง 3 เกมในกลุ่ม A มีความจุเพียง 15,000 ที่นั่ง ไม่ได้เป็นสังเวียนแข้งจัดฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายปี 2022 เหมือนอีก 3 สนามที่อยู่ในเมืองเดียวกัน และก็ไม่ได้อยู่ในสนามที่เตรียมไว้จัดฟุตบอลโลกรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปีปลายปีนี้ (กาตาร์จะได้จัดศึก ยู-17 ชิงแชมป์โลก 5 ปีซ้อน ตั้งแต่ปี 2025 ถึงปี 2029)
ป.ล.4 โปรแกรมการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกรอบ 4 โซนเอเชีย
พุธที่ 8 ต.ค. 2025
22.00 น. กาตาร์-โอมาน (กลุ่ม A)
00.15 น. (เข้าวันพฤหัสฯ) ซาอุดิอาระเบีย-อินโดนีเซีย (กลุ่ม B)
เสาร์ที่ 11 ต.ค. 2025
00.15 น. (เข้าวันอาทิตย์) ยูเออี-โอมาน (กลุ่ม A)
02.30 น. (เข้าวันอาทิตย์) อิรัก-อินโดนีเซีย (กลุ่ม B)
อังคารที่ 14 ต.ค. 2025
00.00 น. (เข้าวันพุธ) กาตาร์-ยูเออี (กลุ่ม A)
01.45 น. (เข้าวันพุธ) ซาอุดิอาระเบีย-อิรัก (กลุ่ม B)
ตังกุย