17 กุมภาพันธ์ ปี 2008 นั่นคือวันที่ โคโซโว ประกาศเป็นเอกราชจาก เซอร์เบีย อย่างเป็นทางการ นั่นทำให้ในทางปฏิบัติแล้วนั้นนั่นคือวันก่อตั้งประเทศของพวกเขาด้วย
อย่างไรก็ตาม ในประวัติศาสตร์เกี่ยวกับฟุตบอล เกมแรกของ โคโซโว ต้องย้อนไปไกลถึงวันที่ 29 พฤศจิกายน ปี 1942 โดยวันนั้นพวกเขาลงเล่นเกมอุ่นเครื่องในฐานะส่วนหนึ่งสำหรับงานฉลองวันครบรอบ 30 ปีการเป็นเอกราชของ แอลเบเนีย ซึ่งคู่แข่งของพวกเขาในวันนั้นคือ แอลเบเนีย นั่นเอง และวันนั้นเกมก็จบลงด้วยความปราชัย 0-2 ของ โคโซโว
หลังจากนั้นเป็นต้นมา โคโซโว ก็เคยลงสนามในฐานะส่วนหนึ่งของ ยูโกสลาเวีย อยู่บ้าง ขณะที่พอแยกตัวออกมาจาก ยูโกสลาเวีย แล้วนั้น พวกเขาก็ลงเล่นเกมอุ่นเครื่องกับ แอลเบเนีย เจ้าเดิม ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ปี 1993 และวันนั้นพวกเขาก็แพ้ไป 1-3
ถึงกระนั้น เกมเหล่านั้นไม่ได้ถูกนับให้เป็นเกมแบบเป็นทางการของ โคโซโว หากอ้างอิงจากการรับรองของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) โดยเกมแรกอย่างเป็นทางการของ โคโซโว ที่ ฟีฟ่า อนุมัติ คือเกมอุ่นเครื่องกับ เฮติ เมื่อวันที่ 5 มีนาคม ปี 2014 ที่จบลงด้วยการเสมอกัน 0-0
แน่นอนว่าหลังจาก โคโซโว ประกาศตัวเป็นเอกราชแล้วนั้น พวกเขาก็พยายามอย่างหนักเพื่อที่จะเข้าเป็นสมาชิกของ ฟีฟ่า กับสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) ให้ได้ ซึ่งช่วงนั้น เซอร์เบีย ก็คัดค้านหัวชนฝาโทษฐานที่มองว่า โคโซโว เคยเป็นส่วนหนึ่งของพวกเขามาก่อน
ดังนั้นไม่ต้องบอกก็คงพอจะเดาได้ว่า เซอร์เบีย ถือเป็นอริเบอร์ 1 ของ โคโซโว ในด้านฟุตบอลตามไปด้วย อย่างเกมกับ เฮติ ที่กล่าวไปในเบื้องต้นนั้น นักเตะบางคนของ โคโซโว ยังเคยไปโพสต์ท่าถ่ายรูปถือปืนที่สนามยิงปืนจนทำให้คนใน เซอร์เบีย ไม่พอใจเลย ขณะที่ช่วงก่อนเกมกับ เฮติ ก็มีแฟนบอล โคโซโว บางคนที่เผาธงชาติ เซอร์เบีย ร้อนจนสมาคมฟุตบอลเซอร์เบียต้องออกมาเรียกร้องให้ ฟีฟ่า ริบสิทธิ์การเล่นเกมอุ่นเครื่องของโคโซโว แต่ก็ไม่เป็นผล
หลังจากพยายามอยู่นาน สหพันธ์ฟุตบอลโคโซโวก็ได้รับการอนุมัติให้เป็นสมาชิกของ ยูฟ่า และ ฟีฟ่า ในวันที่ 3 พฤษภาคม กับ 13 พฤษภาคม ปี 2016 ตามลำดับ และทัวร์นาเมนต์แรกที่ทีมชุดใหญ่ของพวกเขาได้เข้าร่วมก็คือศึก ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก กลุ่ม ไอ โดยมี ไอซ์แลนด์, โครเอเชีย, ยูเครน ตุรกี และ ฟินแลนด์ เป็นเพื่อนร่วมกลุ่ม
โคโซโวทำเซอร์ไพรส์ตั้งแต่นัดแรกด้วยการบุกไปเสมอกับ ฟินแลนด์ 1-1 น่าเศร้าที่นั่นเป็นเพียงแต้มเดียวที่พวกเขาทำได้ในการแข่งครั้งนั้น เพราะอีก 9 นัดให้หลังพวกเขาแพ้ทั้งหมด พร้อมผลงานการยิงได้ 3 ลูกกับเสียไป 24 ประตู
พอมาถึงศึก ยูโร 2020 รอบคัดเลือก โคโซโว จบด้วยการเป็นอันดับ 3 ของกลุ่ม เอ หลังมีแต้มน้อยกว่า อังกฤษ กับ สาธารณรัฐเช็ก แต่พวกเขายังได้ไปเล่นรอบเพลย์ออฟผ่านทางโควตาผลงานใน เนชั่นส์ ลีก น่าเสียดายที่สุดท้ายก็อกหักจนอดไปเล่นรอบสุดท้ายของรายการดังกล่าว
ในศึก ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก และ ยูโร 2024 รอบคัดเลือก โคโซโว ก็ยังมีผลงานน่าผิดหวังเมื่อตกรอบคัดเลือกทั้ง 2 รายการ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้พวกเขาก็ดูเป็นทีมทีแข็งแกร่งขึ้น อย่างที่เห็นได้ชัดกับนัดล่าสุดที่ชนะ สวีเดน 2-0 ในศึก ฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก
นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ โคโซโว เอาชนะ สวีเดน ได้ด้วย ภายหลัง 3 นัดก่อนพวกเขาแพ้อีกฝ่ายทั้งหมด โดยใน 3 นัดที่ว่าพวกเขาแพ้ไปด้วยสกอร์ 0-1 (เกมอุ่นเครื่อง), 0-3 (เกมฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก) และ 0-3 อีกครั้ง (เกมฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก)
ดาวเด่นของ โคโซโว ในเกมนี้คือ เวดัต มูรีกี กองหน้าวัย 31 ปีที่ปัจจุบันเล่นอยู่กับ เรอัล มายอร์ก้า ทีมจาก ลา ลีกา สเปน โดยลูกล่าสุดที่เขาทำได้ในการเจอกับ สวีเดน ส่งผลให้เจ้าตัวทำประตูให้ทีมชาติไปแล้ว 32 ลูกจาก 62 นัด
แน่นอน ส่วนหนึ่งที่ โคโซโว ทำผลงานได้ดีจนพลิกล็อกชนะ สวีเดน ได้ มันก็ต้องให้เครดิต ฟรังโก้ โฟด้า กุนซือของทีมเช่นกัน โดยเขาเป็นอดีตกองหลังทีมชาติเยอรมัน ตะวันตก ขณะที่กับ โคโซโวเขาเข้ามาคุมทีมเมื่อปี 2024 แถมเจ้าตัวเคยพา สตวร์ม กร๊าซ คว้าแชมป์ลีกสูงสุดของออสเตรีย กับ ออสเตรียน คัพ มาครองได้อย่างละ 1 สมัยด้วย
ปัจจุบัน โคโซโว อยู่อันดับ 95 ของโลกตามการจัดอันดับของ ฟีฟ่า ตรงกันข้ามกับ สวีเดน ที่อยู่ในอันดับ 29 แต่พวกเขาก็พิสูจน์แล้วว่าไม่ใช่ทีมที่ใครจะมองข้ามได้ง่ายๆ
- เด็กเกร็ดบอล -