ถ้าเกมนี้เป็นพรีเมียร์ลีก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หรือฟุตบอลโลก มันอาจจะถูกยกขึ้นหิ้งในฐานะหนึ่งในเกมที่ดราม่าที่สุด
ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปรุ่นอายุไม่เกิน 19 ปีนั้นเตะกันเป็นประจำทุกปี เป็นรายการที่นักฟุตบอลดัง ๆ หลายคนเคยผ่านมาแล้ว
เอาเฉพาะที่ได้รางวัล MVP หรือนักเตะยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเม้นต์ก็มีทั้ง เฟร์นานโด ตอร์เรส, อัลแบร์โต้ อคิลลานี่, มาร์โก อเซนซิโอ, อเล็กซานดรา มิโตรวิช, เมสัน เมาน์ท รวมไปถึง ลาร์ส กับ สเวน ฝาแฝดแห่งตระกูลเบนเดอร์และทีมชาติเยอรมันที่ได้รางวัลนี้คู่กันเมื่อปี 2008
ศึกยูโร ยู-19 ปีนี้แข่งกันที่ประเทศโรมาเนียครับ ตอนนี้ได้คู่ชิงเรียบร้อยคือ สเปน แชมป์เก่าและแชมป์ 12 สมัย (มากที่สุด) พบกับ ฮอลแลนด์ ที่มาดีเหลือเกินในฟุตบอลเด็กช่วงนี้เพราะรุ่นยู-21 ก็เข้ารอบตัดเชือกอีกทีม
สเปนโดยกุนซือ ปาโก้ กายาร์โด้ อดีตกองกลางเซบีย่ายุคทศวรรษ 2000 ขับเคลื่อนด้วยขุนพลจาก ลา มาเซีย หลายคน โชว์ฟอร์มเป็นพระเอกสมกับที่เป็นตัวเต็งตั้งแต่รอบแรก ไล่ต้อนคู่แข่งสนุกเท้า ชนะ 3 นัดรวดแต้มไม่มีตกหล่น เฉือนเดนมาร์ก 1-0 อัดโรมาเนียเจ้าภาพ 3-1 บอมบ์มอนเตเนโกร 5-0
เยอรมันกลับเป็นภาพตรงกันข้าม กว่า ฮันโน บาลิตช์ อดีตกองกลางโคโลญจน์ เลเวอร์คูเซ่น ฮันโนเวอร์ เนิร์นแบร์ก จะพาทีมตีตั๋วเข้ารอบตัดเชือกได้นั้นต้องลุ้นกันตัวโก่ง
แค่เกมแรกก็ถูกฮอลแลนด์ถลุงยับ 0-3 เกมที่สองอุตส่าห์ระเบิดฟอร์มนำห่างอังกฤษ 5-1 แต่กลับถูกยิงไล่ทีละลูก ๆ จนสุดท้ายเสมอแบบเกือบวายวอด 5-5
นัดสุดท้ายก็ต้องลุ้นจนถึงช่วงทดเวลา ประตูชัยแซงชนะนอร์เวย์ 2-1 ในนาที 90+1 แท้ ๆ ที่พาทีมเข้ารอบได้ฉิวเฉียด
กระนั้นเมื่อต้องมาไขว้เจอกันในรอบรองชนะเลิศ ฟอร์มที่แตกต่างกันคนละโลกก็ถูกกวาดทิ้งไป เพราะมันรีเซ็ตกันใหม่เป็นบอลนัดเดียวรู้ผล
แพ้กลับบ้าน ชนะเข้าชิง
ความดราม่าระทึกของเกมคู่นี้คือ นอกเหนือจากจะมีประตูเกิดขึ้นถึง 11 ลูก (สเปน ชนะ 6-5) แล้ว มันยังมีเหตุการณ์อื่น ๆ ประกอบอีกเพียบ
มีการพลิกจากที่ตามหลังกลับมาแซงกัน 3 ครั้ง มียิงจุดโทษไม่เข้า มียิงชนเสา/คานรวมกันอีก 3 หน
มีแฮตทริก 2 คน คนหนึ่งยิง 3 ประตูสมบูรณ์แบบด้วยเท้าขวา/เท้าซ้าย/โหม่ง อีกคนหนึ่งยิง 4 ประตูด้วยอีซ้ายล้วน ๆ
มีเตะมุมตูมเดียวไซด์โค้งเข้าประตู
มีทำเข้าประตูตัวเอง
มีตัวสำรองโจ๊กเกอร์ที่ลงมาร่ายมนตร์
มี 3 ประตูในช่วง 90 นาที และเยอรมันกำลังจะเข้าชิง
มีอีก 3 ประตูในช่วงทดเวลา โดยสเปนกำลังจะเป็นผู้ชนะ
มี 5 ประตูในช่วงต่อเวลา ทั้งอินทรีเหล็กและกระทิงดุผลัดกันกระชากตั๋วนัดชิงจากมืออีกฝ่าย
ตลอด 120 นาทีของเกม ไม่มีช่วงไหนที่ทีมหนึ่งนำอีกทีมหนึ่งเกิน 1 ประตูเลย
นาที 28 เยอรมันนำ 1-0 จาก มักซ์ มอร์สเต็ดท์ กองหน้าจากฮอฟเฟ่นไฮม์เข้าฮอร์สด้วยเท้าขวา
นาที 35 สเปนได้จุดโทษ แต่ อันโตนิโอ กอร์เดโร่ กองกลางจากบาร์เซโลน่ายิงไม่ผ่านมือ คอนสแตนติน ไฮเดอ นายทวารจากอุนเตอร์ฮัคคิงก์
นาที 61 สเปนตีเสมอ 1-1 จากลูกเตะมุม ปาโบล การ์เซีย เด็กปั้น เรอัล เบติส ปั่นโค้งด้วยเท้าซ้ายข้างถนัดส่งบอลลอยเข้าเสาไกลไปเลย
จากนั้นสเปนเกือบได้ประตูจากลูกเตะมุมอีกหน คราวนี้กองหลังเยอรมันสกัดไม่ขาด อันเดรส กูเอนก้า กองหลังบาร์ซ่ายิงชนเสาออกหลัง
นาที 78 เยอรมันนำอีกครั้งเป็น 2-1 จาก ซาอิด เอล มาลา ศูนย์หน้าจากวิคตอเรีย โคโลญจน์ สับไกด้วยเท้าขวาส่งบอลเข้าเสาไกล
นาที 90+1 สเปนตีเสมออีกครั้ง 2-2 ด้วยลูกเตะมุมอีกแล้ว กองหลังเยอรมันสกัดไม่ขาดกลายเป็นตั้งให้ ปาโบล การ์เซีย หวดเต็มข้อเข้าไป
นาที 90+5 สเปนพลิกขึ้นนำ 3-2 ปาโบล การ์เซีย รับบอลตรงกรอบเขตโทษด้านขวา ตัดเข้าในแล้วปั่นเข้าเสาไกลหมดจด ให้สเปนนำเป็นครั้งแรกของเกม
การ์เซียทำแฮตทริกด้วยอีซ้ายข้างถนัดล้วน ๆ
สเปนกำลังจะได้เข้าชิง แต่..
นาที 90+9 เยอรมันไม่ยอมแพ้ตีเสมอ 3-3 จากฟรีคิกกลางสนามด้านขวา บอลลอยลึกข้ามหัวผู้รักษาประตูที่กะจังหวะออกมาพลาด กูเอนก้าพยายามทิ้งตัวสกัดแต่กลายเป็นทำเข้าประตูตัวเอง
จบ 120 นาที เสมอกัน 3 ประตูต่อ 3 ต้องต่อเวลาพิเศษออกไปอีก 30 นาที
นาที 97 สเปนนำอีกหนเป็น 4-3 ด้วยลูกนิ่งอีกแล้ว ปาโบล การ์เซีย ปั่นฟรีคิกข้ามกำแพงชนเสา บอลกระดอนมาเข้าทาง โตมาส มาร์เกส กองกลางจากลา มาเซีย ซ้ำไม่เหลือ
นาที 104 ก่อนหมดครึ่งแรกของการต่อเวลานาทีเดียว เยอรมันตีเสมอเป็น 4-4 กองหลังสเปนสกัดผิดเหลี่ยม ราอูล ฆิเมเนซ นายทวารใช้ขาสกัดไว้ได้แต่บอลลอยโด่งตั้งให้ มอร์สเต็ดท์ โขกจ่อ ๆ บนเส้นประตูเข้าไป
นาที 107 กลับมาเตะช่วงต่อเวลาพิเศษครึ่งหลังได้แค่ 2 นาทีเยอรมันก็แซงนำเป็น 5-4 มอร์สเต็ดท์ รับบอลจากเพื่อนในกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายแล้วสับด้วยเท้าซ้ายเข้าเสาไกลสวยงาม
เยอรมันนำเป็นครั้งที่ 3 ในเกมนี้หลังจากขึ้นนำ 1-0 กับ 2-1
มักซ์ มอร์สเต็ดท์ ทำแฮตทริกสมบูรณ์แบบด้วย เท้าขวา/โหม่ง/เท้าซ้าย
มันน่าจะเป็นบทสรุปที่สวยงามที่สุดของ มอร์สเต็ดท์ และขุนพลอินทรีเหล็กน้อย แต่ก็นั่นล่ะครับ กระทั่งเวลาเหลือนาทีเดียวยังมีความพลิกผันเกิดขึ้นได้ นับประสาอะไรกับ 13 นาทีที่ยังเหลือ
นาที 113 สเปนตีเสมอ 5-5!
ฆาน บีร์กิลี่ อีกหนึ่งผลผลิตจากลา มาเซีย ที่ถูกส่งลงสนามตอนนาทีที่ 81 และลากเลื้อยทางฝั่งซ้ายปั่นป่วนเกมรับเยอรมันได้ตลอด แผลงฤทธิ์กระชากยาวถึงเส้นหลังก่อนตัดเข้าในแล้วซัดเสียบตาข่ายเสาแรก
และนาที 119..
เกมกำลังจะต้องไปตัดสินด้วยการดวลจุดโทษอยู่แล้ว แต่ บีร์กิลี่ ยิ่งเล่นยิ่งแรงเลี้ยงตัดจากซ้ายเข้าในก่อนตบบอลเข้าเขตโทษ
ปาโบล การ์เซีย โฉบถึงบอลก่อนใคร แตะหลบผู้รักษาประตูด๊อยทช์ลันด์ก่อนตวัดยิงด้วยซ้ายข้างถนัดส่งบอลซุกก้นตาข่าย
สเปนแซงนำ 6-5
เป็นการนำครั้งที่ 3 เช่นกันของขุนพลกระทิงดุน้อยหลังจากขึ้นนำ 3-2 กับ 4-3
ปาโบล การ์เซีย ยิงคนเดียว 4 ประตูด้วยเท้าซ้ายข้างเดียวล้วน ๆ
และคราวนี้ไม่มีปาฏิหาริย์ใด ๆ สำหรับเกมนี้อีกแล้ว
สเปนชนะ 6-5 ผ่านเข้าชิงกับฮอลแลนด์วันพฤหัสฯ นี้ ส่วนเยอรมันกลับบ้าน
ก็อย่างที่บอกเอาไว้นั่นล่ะครับ ถ้าเกมนี้เป็นพรีเมียร์ลีก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฟุตบอลโลก หรือแมตช์สำคัญอื่น มันอาจจะถูกยกขึ้นหิ้งเป็นหนึ่งในเกมที่ดีที่สุด ดราม่าที่สุด ตื่นเต้นที่สุด สะเด่าที่สุด
ขนาดดูไฮไลต์ผ่านยูทูบ ยังลุ้นตัวโก่งตามไปกับเด็ก ๆ ทั้ง 2 ทีมด้วย สิ่งที่เกิดขึ้นตลอด 120 กว่านาทีรังสรรค์ให้มันคือเกมที่มหัศจรรย์จริง ๆ
เสียงปรบมือกึกก้องจากแฟนบอล 1,322 คนในสนาม อาร์กุล เด ทริอุมฟ์ สเตเดี้ยม กรุงบูคาเรสต์ บ่งบอกความรู้สึกของพวกเขาได้ชัด
มันคือความทรงจำร่วมกันของทุก ๆ คนที่อยู่ในสนามวันนั้น เชื่อว่าคงไม่มีใครลืมได้ลงล่ะครับ
ตังกุย