ถึงตอนอวสานแล้วสำหรับเรื่องราวระหว่าง ลูชาโน่ สปัลเล็ตติ กับตำแหน่งเทรนเนอร์ทีมชาติอิตาลี หลังจากเขารู้ว่าตัวเองโดนปลดตั้งแต่ก่อนนำทีมลงเล่นศึก ฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนยุโรป กลุ่ม ไอ กับ มอลโดว่า เมื่อวันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน ที่ผ่านมา ด้วยซ้ำ
สปัลเล็ตติ อำลาตำแหน่งไปพร้อมกับการพาทีมชนะ มอลโดว่า 2-0 ซึ่งฟอร์มในเกมนั้นของ อิตาลี ก็ไม่ได้ถึงขั้นสวยหรูสักเท่าไหร่ โดยมันถือเป็นการอำลาตำแหน่งพอตัวเมื่อพิจารณาถึงเรื่องที่ว่าเขาเพิ่งได้คุมทีมไปเพียง 24 นัด ซึ่งเราจะมาดูกันว่านับตั้งแต่เข้าสู่ศตวรรษที่ 21 กุนซือแบบถาวรที่ได้คุม อิตาลี น้อยที่สุด 5 อันดับแรกคือใครกันบ้าง และ สปัลเล็ตติ ติดชาร์ตรึเปล่า
5. มาร์เชลโล่ ลิปปี้ - 27 นัด ระหว่างวันที่ 27 มิ.ย. 2008 - 30 มิ.ย. 2010
ตอนนั้นแฟนบอล อิตาลี บางคนคาดหวังว่า ลิปปี้ จะเข้ามากอบกู้สถานการณ์ของทีมได้เมื่อพิจารณาถึงเรื่องที่เขาเคยพาทีมได้แชมป์ฟุตบอลโลก 2006
อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดแล้ว ลิปปี้ ก็พาทีมทำผลงานได้ไม่สมความคาดหวังเมื่อในศึก ฟุตบอลโลก 2010 อิตาลี จอดป้ายตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม แถมยังจบด้วยการเป็นบ๊วยของกลุ่มด้วยโดยตอนนั้นมี ปารากวัย, นิวซีแลนด์ และ สโลวาเกีย เป็นเพื่อนร่วมกลุ่ม ซึ่งมันก็ทำให้ ลิปปี้ ตัดสินใจลาออกไปพร้อมกับผลงานการพาทีมชนะ 11 เกม, เสมอ 11 นัด และแพ้ 5 หน คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ชนะ 40.74 เปอร์เซ็นต์ โดยทีมชุดนั้นยิงได้ 38 ประตูและเสียไป 28 ลูก
4. อันโตนิโอ คอนเต้ - 25 นัด ระหว่างวันที่ 14 สิงหาคม 2014 - 2 กรกฎาคม 2016
หลังจากพา ยูเวนตุส ได้แชมป์ กัลโช่ เซเรีย อา 3 สมัยติดต่อกันในฤดูกาล 2011-12, 2012-13 และ 2013-14 "อัซซูรี่" ก็แต่งตั้งให้ คอนเต้ เข้ามเาป็นกุนซือทีมชาติคนใหม่ในช่วงเดือนสิงหาคม
ถึงกระนั้น ในเดือนมีนาคม ปี 2016 สหพันธ์ฟุตบอลอิตาลี (เอฟไอจีซี) ก็ประกาศล่วงหน้าว่า คอนเต้ จะลงจากตำแหน่งเมื่อจบศึก ยูโร 2016 โดย อิตาลี ชุดนั้นไปถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ ก่อนจะแพ้ เยอรมนี ในช่วงดวลจุดโทษ ซึ่งผลงานของ อิตาลี ในยุคของ คอนเต้ ประกอบด้วยการชนะ 14 นัด, เสมอ 7 เกม แพ้ 4 หน คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ชนะ 56 เปอร์เซ็นต์ พร้อมทำได้ 34 ประตูและเสีย 21 ลูก ขณะที่ในเวลาต่อมา คอนเต้ เผยว่าสาเหตุที่บอกลาทีมชาติเพราะอยากกลับไปทำงานในระดับสโมสร
3. ลูชาโน่ สปัลเล็ตติ - 24 นัด ระหว่างวันที่ 18 สิงหาคม 2023 - 9 มิถุนายน 2025
ด้วยความที่ โรแบร์โต้ มันชินี่ ลาออกจากตำแหน่งไปแบบที่ไม่มีใครคาดคิด ทำให้ เอฟไอจีซี ตัดสินใจทาบ สปัลเล็ตติ มารับช่วงต่อ หลังจากเขาเพิ่งพา นาโปลี ได้แชมป์ เซเรีย อา ในซีซั่น 2022-23 ซึ่งทาง สปัลเล็ตติ ก็ตอบรับงานนี้่ ถึงแม้ตอนที่แยกทางกับ นาโปลี ใหม่ๆ นั้น เขาจะเคยบอกว่าอยากพักจากการคุมทีม 1 ปีก็ตาม
ท้ายที่สุดก็เป็นอย่างที่เห็นกันว่ามันจบลงแบบไม่แฮปปี้เอ็นดิ้ง สปัลเล็ตติ มีเปอร์เซ็นต์พาทีมชนะ 50 เปอร์เซ็นต์เป๊ะ ด้วยผลงานการชนะ 12 เกม, เสมอ 6 นัด และแพ้ 6 หน โดยทีมของเขายิงได้ 40 ลูกและเสียไป 29 ประตู
2. โรแบร์โต้ โดนาโดนี่ - 23 นัด ระหว่างวันที่ 13 กรกฎาคม 2006 - 26 มิถุนายน 2008
หลังจาก ลิปปี้ ลาออกจากตำแหน่งไปพร้อมกับถ้วยแชมป์ ฟุตบอลโลก 2006 แล้วนั้น โดนาโดนี่ ก็ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจให้เป็นทายาทของเขา ซึ่งมันสร้างความแปลกใจให้หลายคนพอตัวเพราะตอนนั้น โดนาโดนี่ เคยผ่านงานมากับแค่ เลชโช่ (ไม่ใช่ เลชเช่), ลิวอร์โน่ และ เจนัว เท่านั้น
แม้ว่า โดนาโดนี่ จะพาทีมไปเล่น ยูโร 208 รอบสุดท้ายได้ แต่ทีมก็เกือบไปไม่รอดตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มเพราะเก็บได้แค่ 4 แต้ม โดยถึงแม้พวกเขาจะยังเข้ารอบในฐานะอันดับ 2 ของกลุ่ม แต่ อิตาลี ก็ตกรอบในรอบ 8 ทีมสุดท้ายหลังจากนั้นทันทีจากการแพ้ สเปน ในช่วงดวลจุดโทษ ซึ่งในเวลาต่อมา โดนาโดนี่ ก็โดนปลดไปพร้อมกับผลงานเปอร์เซ็นต์ชนะ 56.52 เปอร์เซ็นต์ โดยทีมในยุคของเขาชนะ 13 เกม, เสมอ 5 นัด, แพ้ 5 เกม, ยิงได้ 35 ประตูและเสียไป 22 ลูก
1. จาน ปิเอโร่ เวนตูร่า - 16 นัด ระหว่างวันที่ 18 กรกฎาคม 2016 - 15 พฤศจิกายน 2017
หลังจาก คอนเต้ ลงจากตำแหน่งไป เวนตูร่า ก็ถูกแต่งตั้งให้เป็นกุนซือคนใหม่ของ อิตาลี โดยก่อนหน้านั้นเขาเพิ่งผ่านงานการคุม โตริโน่ เป็นจำนวน 217 เกม ตั้งแต่ระหว่างปี 2011-2016 มาหมาดๆ
อนิจจา เรื่องราวของเขากับ อิตาลี สั้นกว่ากับทัพ "กระทิงหิน" เยอะ เพราะเขาได้อยู่ในตำแหน่งแค่ราว 1 ปีกว่าๆ หลังจากพาทีมตกรอบคัดเลือกของศึก ฟุตบอลโลก 2018 ด้วยการแพ้ สวีเดน ในรอบเพลย์ออฟ จนทำให้นั่นคือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ศึก ฟุตบอลโลก 1958 ที่ อิตาลี อดไปเล่น ฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย
ที่จริงตอนแรก เวนตูร่า ปฏิเสธที่จะลาออกจากตำแหน่ง แต่ไม่นานหลังจากนั้น เอฟไอจีซี ก็สั่งปลดเขาเอง โดยถึงแม้จะมีเปอร์เซ็นต์ชนะ 56.25 เปอร์เซ็นต์ รวมถึงชนะ 9 เกม, เสมอ 4 นัด และแพ้เพียง 3 หน แต่ตัวเลขเหล่านั้นก็เป็นเพียงฉากหน้าที่สวยหรูเมื่อพิจารณาถึงความล้มเหลวในภาพใหญ่ โดยทีมของ เวนตูร่า ยิงได้ 27 ประตูและเสียไป 13 ลูก
- เด็กเกร็ดบอล -