ผลบอล ชิลี 0-1 อาร์เจนตินา เมสซี่ลงสำรอง ฟ้า-ขาวซิวแชมป์คัดบอลโลกโซนอเมริกาใต้

ผลบอล ชิลี 0-1 อาร์เจนตินา เมสซี่ลงสำรอง ฟ้า-ขาวซิวแชมป์คัดบอลโลกโซนอเมริกาใต้
ลิโอเนล เมสซี่ ลงสำรองช่วย อาร์เจนตินา บุกเฉือน ชิลี 1-0 จากประตูชัยของ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ส่งผลให้ทีมฟ้า-ขาวเก็บ 34 แต้ม การันตีแชมป์ฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนอเมริกาใต้แน่นอนแล้ว

วันที่ 5 มิถุนายน ชิลี ต้องเปิดบ้านเจอกับ อาร์เจนตินา ในศึก ฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนอเมริกาใต้ โดยถึงแม้เจ้าถิ่นจะเป็นบ๊วยของโซนแต่ก็ยังไม่หมดลุ้นกับการลุ้นตั๋วไปเล่น ฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ขณะที่ทีมเยือนซึ่งเป็นจ่าฝูงลงเล่นแบบไม่ต้องเครียดมากนักเพราะผ่านเข้ารอบไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว

เกมนี้ ชิลี จัดชุดที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ลงเล่น โดยมีทั้ง อเล็กซิส ซานเชซ และ อาร์ตูโร่ วิดัล ที่ออกสตาร์ตเป็นตัวจริง ส่วน อาร์เจนตินา เลือกให้ ลิโอเนล เมสซี่ เป็นตัวสำรองไปก่อน โดยเลือกใช้ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ เป็นตัวจริงในตำแหน่งกองหน้า

เริ่มเกมมาเพียง 3 นาที เจ้าถิ่นได้ลุ้นประตูก่อนจากจังหวะยิงแถวนอกกรอบเขตโทษของ อเล็กซิส แต่บอลก็ยังไม่ดีพอที่จะผ่านการเซฟของ เอมิเลียโน่ มาร์ตีเนซ ไปได้

เข้าสู่นาทีที่ 16 อาร์เจนตินา ได้ประตูขึ้นนำจาก อัลวาเรซ จากจังหวะที่ ติอาโก้ อัลมาด้า ผ่านบอลมาให้ก่อนที่แข้งจาก แอตเลติโก มาดริด จะยิงด้วยเท้าขวาจากในกรอบเขตโทษ

7 นาทีหลังจากนั้น อเล็กซิส ได้โอกาสขึ้นโขกแถวกลางกรอบเขตโทษ แต่บอลก็หลุดกรอบออกไปทางด้านขวา

จบครึ่งแรกแม้ว่า ชิลี จะมีโอกาสทำประตูเหมือนกัน แต่เป็น อาร์เจนตินา ที่เล่นได้สมราคาการเป็นจ่าฝูงของโซนนี้ด้วยการขึ้นนำไปก่อน

ในนาทีที่ 57 อาร์เจนตินา เปลี่ยนเอา เมสซี่ ลงมาแทน นิโก้ ปาซ

3 นาทีต่อมา ลูกัส เกเปด้า ของ ชิลี ได้จังหวะยิงด้วยซ้ายจากแถวนอกกรอบเขตโทษ แต่ทาง มาตีเนซ ก็ยังเซฟเอาไว้ได้อยู่

นาทีที่ 74 เกเปด้า ได้โอกาสยิงสวยๆ จากจังหวะที่ กาเบรียล ซัวโซ่ โยนเข้ามา แต่เขากลับยิงข้ามคานไปแบบน่าเหลือเชื่อ

ช่วง 8 นาทีสุดท้าย จูเลียโน่ ซิเมโอเน่ ได้หลุดเข้ามาถึงกรอบเขตโทษและได้สับไก แต่บอลก็ไม่ตรงกรอบ

สุดท้ายไม่มีใครทำประตูเพิ่มได้ ทำให้ อาร์เจนตินา บุกไปชนะ ชิลี 1-0 พร้อมมีเพิ่มเป็น 34 คะแนนจากการลงเล่น 15 นัด และส่งผลให้ "ฟ้า-ขาว" การันตีการเป็นแชมป์ของโซนนี้ทันที ส่วน ชิลี หมดโอกาสลุ้นเข้ารอบแบบอัตโนมัติ แต่ยังมีลุ้นกับพื้นที่รอบเพลย์ออฟอยู่



ที่มาของภาพ : REUTERS / Gettyimages
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport