ห้องแต่งตัวของสโมสรฟุตบอลสามารถเปรียบได้กับสมรภูมิทางอารมณ์ เต็มไปด้วยอีโก้ ความกดดัน และบุคลิกที่ปะทะกันบ่อยพอๆ กับการดวลกับคู่แข่งในสนาม
บรรดาสโมสรยักษ์ใหญ่ที่มีนักเตะดาวดังเต็มที่มักจะเจอกับสถานการณ์นักเตะอีโกสู้เต็มห้องแต่งตัว ยกตัวอย่าง ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ทีมที่อัดแน่นไปด้วยซูเปอร์สตาร์ค่าตัวแพงระยับ ความตึงเครียดเหล่านั้นก็มักจะปะทุขึ้นมาอยู่เสมอ
ตอนที่ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ก้าวเข้าไปในห้องแต่งตัวของ "เปแอสเช" ทุกอย่างก็เริ่มแตกต่างออกไป ตำนานดาวยิงชาวสวีดิช ไม่ได้เป็นแค่เครื่องจักรถล่มประตูเท่านั้น เขายังทำตัวเป็นเหมือนผู้บัญชาการ นักปรัชญา และบางครั้งก็เป็นตัวตลกประจำห้องแต่งตัวอีกด้วย
มีอยู่ช่วงเวลาหนึ่งที่เพื่อนร่วมสังกัดเมืองหลวงดินแดนน้ำหอมเกิดการโต้เถียงภายในทีมเกิดขึ้นบ่อยเกินไป "อิบรา" ปิ๊งไอเดียวในการแก้ปัญหาตามแบบฉบับของเจ้าตัว ด้วยการซื้อเครื่อง "เพลย์สเตชั่น" ให้นักเตะทุกคนไปเลย
ย้อนกลับไปในช่วงระหว่างปี 2012-2015 แซงต์-แชร์กแมง เป็นหนึ่งในสโมสรที่มีขุมกำลังค่าตัวโคตรแพง โดยมีนักเตะอย่าง ติอาโก้ ซิลวา, เอดินสัน คาวานี่, เอเซเกล ลาเวซซี่, แบลส มาตุยดี้ และมาร์โก แวร์รัตติ เป็นต้น ที่ช่วยกันยกระดับทีมให้กลายเป็นสโมสรระดับแถวหน้าของวงการลูกหนังยุโรป
อย่างไรก็ตามการมีสตาร์ดังล้นทีมย่อมมาพร้อมกับอีโก้ และปะทะกันย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ การฝึกซ้อมเต็มไปด้วยความตึงเครียด และนักเตะมักโต้เถียงกันเรื่องแท็กติกและสไตล์การเล่นอยู่บ่อยครั้ง โดยรายงานของ เลกิ๊ป อธิบายถึงบรรยากาศภายในห้องแต่งตัวของ "เปแอสเช" ช่วงเวลานั้นว่าเปรียบเสมือน "การแข่งขันกันที่ตึงเครียดซึ่งใกล้ถึงจุดระเบิด"
อิบราฮิโมวิช ในฐานะผู้นำที่ไร้ข้อกังขาของกลุ่มนักเตะ ตัดสินใจจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง และไม่เอาภาระเหล่านี้ไปใส่หัวทีมสตาฟฟ์โค้ชซึ่งเครียดมากพอแล้วกับการวางแท็กติกในการดวลกับคู่แข่งในทุกๆ สัปดาห์
หลังจากสัปดาห์หนึ่งที่เกิดความตึงเครียดหนักมาก "อิบรา" ปรากฏตัวที่ศูนย์ฝึกของ แซงต์-แชร์กแมง พร้อมกับกล่องเครื่องเล่นเกมเพลย์สเตชั่น 4 ใหม่เอี่ยมหลายกล่อง ตอนแรกเพื่อนร่วมทีมคิดว่าเขามาแกล้งเล่น แต่แล้วก็ต้องอึ้ง เมื่อเขาเริ่มแจกเครื่องให้ทุกคน
ตอนนั้น "เลกิ๊ป" และ "ฟร้องซ์ ฟุตบอล" สื่อชั้นนำในประเทศฝรั่งเศส รายงานว่า อิบราฮิโมวิช พูดเพียงสั้นๆ แต่เด็ดดวงโดนใจว่า "พวกนายทะเลาะกันมากเกินไปแล้ว ควรไปเล่นด้วยกันในเกมฟีฟ่า (FIFA) แทน”
จากนั้นเขาก็บอกเพื่อนร่วมทีมให้หยุดปะทะกันในสนามซ้อม แล้วหันมาแข่งขันกันในเครื่องเล่นเกมแทน ไม่กี่วันต่อมา การทัวร์นาเมนต์มินิ ฟีฟ่า (FIFA) ก็เริ่มขึ้นภายในห้องแต่งตัวของ "เปแอสเช" และเสียงหัวเราะก็เข้ามาแทนที่เสียงตะโกนด่าทอ
พฤติกรรมของ "อิบรา" ไม่ได้เกิดขึ้นแบบมั่วซั่ว ตลอดอาชีพการค้าแข้งเขานำทีมด้วยเสน่ห์เฉพาะตัว อารมณ์ขัน และความมั่นใจอย่างแรงกล้า ไม่ว่าจะอยู่กับเอซี มิลาน, อินเตอร์, บาร์เซโลน่า, ยูเวนตุส หรือแซงต์-แชร์กแมง เพื่อนร่วมทีมมักพูดตรงกันว่า เขาทำให้ทุกคนเคารพยำเกรงได้โดยไม่ใช่ด้วยอำนาจสั่งการ แต่ด้วยบุคลิคและความจริงใจของเขา
เรื่องราวของเพลย์สเตชั่นแสดงให้เห็นว่า อิบราฮิโมวิช เข้าใจจิตวิทยาในห้องแต่งตัวดีกว่าผู้จัดการทีมส่วนใหญ่ แทนที่จะเรียกประชุมทีมหรือเทศนาอบรม เขากลับหาวิธีเปลี่ยนความขัดแย้งให้กลายความสัมพันธ์ที่ดี ด้วยเล่นเกมสนุกๆ สร้างมิตรภาพผ่านเกมฟีฟ่า
ในยุคที่นักฟุตบอลมีความเป็นมืออาชีพสูงมาก ตำนานดาวยิงทีมชาติสวีเดน ยังคงเป็นคนพิเศษที่หาได้ยาก ทั้งคาดเดาไม่ได้ กล้าหาญ และเปี่ยมไปด้วยความเป็นมนุษย์อย่างลึกซึ้ง สไตล์ความเป็นผู้นำของเขาผสานอีโก้เข้ากับความเข้าอกเข้าใจได้อย่างลงตัว จนทำให้เพื่อนร่วมทีมทั้งหัวเราะและรับฟังเขาไปพร้อมกัน
เรื่องราวของเพลย์สเตชั่นสะท้อนแก่นแท้ของเหตุผลที่ทำให้ "อิบรา" กลายเป็นบุคคลเป็นขวัญใจแฟนบอล เขาคือชายที่ครั้งหนึ่งสามารถยิงวอลเลย์จากระยะ 30 หลาได้อย่างเหลือเชื่อ และวันถัดมาก็สามารถแก้ปัญหาวิกฤตภายในทีมได้ด้วยวิดีโอเกม
อิบราฮิโมวิช คือหนึ่งในนักเตะที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ทั้งในและนอกสนามอย่างแท้จริง ซึ่งปัจจุบันแทบหาไม่เจอในทุกๆ วงการ !!
✍️ 𝐓𝐎𝐌𝐌𝐘 𝐓𝐄𝐄