หลุยส์ รูเบียเลส เจอเหตุการณ์ช็อกกลางงานเปิดตัวหนังสือ เมื่ออาแท้ๆ ปาไข่ใส่ต่อหน้าผู้ร่วมงาน เจ้าตัวยันเดินหน้าเอาผิด พร้อมเผยนึกว่าคู่กรณีพกอาวุธจนเกือบมีเรื่องบานปลาย
หลุยส์ รูเบียเลส อดีตประธานสหพันธ์ฟุตบอลสเปน (อาร์เอฟอีเอฟ) โดนญาติของตัวเองปาไข่ใส่กลางงานเปิดตัวหนังสืออัตชีวประวัติของเขา
รูเบียเลส เคยตกเป็นข่าวดังทั่วโลกลูกหนังจากการที่เขาจูบ เฆนนิเฟร์ เอร์โมโซ่ กองหน้าหญิงของทีมชาติสเปนกลางพิธีมอบเหรียญรางวัลแชมป์ของศึก ฟุตบอลโลกหญิง 2023 ที่ สเปน เอาชนะ อังกฤษ 1-0 ในนัดชิงชนะเลิศ โดยที่ตอนนั้น เอร์โมโซ่ ไม่ได้ยินยอมให้เขาจูบเธอ
เรื่องดังกล่าวทำให้ รูเบียเลส โดนฟ้องข้อหาล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งเจ้าตัวยืนกรานอย่างหนักแน่นว่าไม่ได้มีความตั้งใจที่จะล่วงละเมิดทางเพศอีกฝ่ายเลย โดยให้เหตุผลว่าแค่กำลังดีใจสุดๆ จนอารมณ์พาไป แถมบอกว่าที่จริงเขาถาม เอร์โมโซ่ แล้วว่าขอจูบเธอได้รึเปล่าและอีกฝ่ายก็ตอบโอเค ขณะที่ฝ่ายหญิงก็ตอบโต้ว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง
ทั้งนี้ รูเบียเลส ไม่เคยขอโทษ เอร์โมโซ่ แม้แต่ครั้งเดียว ก่อนที่เขาจะตัดสินใจลาออกจากการเป็นประธาน อาร์เอฟอีเอฟ หลังโดนกระแสสังคมกดดันอย่างหนัก ขณะที่สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) สั่งแบนเขาจากการมีส่วนร่วมกับทุกกิจกรรมของวงการลูกหนังในเวลาต่อมา และเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาศาลในกรุงมาดริดก็ตัดสินว่าเขามีความผิดจากข้อหาการล่วงละเมิดทางเพศ
กระทั่งล่าสุด รูเบียเลส ก็ออกหนังสือของตัวเองที่ชื่อว่า "Matar a Rubiales" โดยแปลเป็นภาษาไทยได้ประมาณว่า "การฆ่า รูเบียเลส" และมีการจัดงานเปิดตัวไปเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา แต่มันก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเมื่อจู่ๆ มีคนปาไข่ใส่เขาจนทำให้ รูเบียเลส ไม่พอใจและตรงไปจะเอาเรื่อง โดยคนแถวนั้นมาลากตัวชายที่ปาไข่ออกไปได้ก่อนที่เหตุการณ์จะบานปลาย ซึ่งในเวลาต่อมาก็มีการเปิดเผยว่าคนที่ปาไข่คือ หลุยส์ รูเบน คุณอาของ รูเบียเลส เอง
รูเบียเลส เผยว่า "ผมเพิ่งมารู้ว่าคนที่ทำแบบนั้นคืออาแท้ๆ ของผมเอง เขาชื่อ หลุยส์ รูเบน เขามีอายุไล่เลี่ยกับผม ที่เขาปาไข่ใส่ผมคงเพราะเขามีอาการป่วยทางจิต ผมไม่สามารถหาเหตุผลที่สมเหตุสมผลได้เลยว่าเขาจะทำแบบนั้นไปทำไม"
"เราจะเอาผิดเขาแน่ เพราะตอนแรกผมคิดว่าเขาพกอาวุธมาอาละวาด ที่ผมวิ่งไปจะเอาเรื่องเขาในตอนแรกก็เพราะผมคิดว่ามันจะเกิดเรื่องไม่ดีกับครอบครัวของผม โชคดีที่พวกเขารั้งตัวผมเอาไว้ได้ก่อนที่ผมจะลงไม้ลงมือไป ผมไม่รู้หรอกว่าเขามีอาวุธมาด้วยรึเปล่า มันก็แค่ผมเห็นหญิงที่ตั้งท้องกับเด็กตัวเล็กๆ อีก 2 คน และผมก็เป็นห่วงเด็กๆ ถ้าผมคว้าตัวเขาเอาไว้ได้แล้วล่ะสถานการณ์มันก็คงจะต่างกับในตอนนี้ไปแล้ว (หมายถึงคงจะอัดอีกฝ่ายหากคว้าตัวเอาไว้ได้)"