เจาะประเด็น เซบีย่า ขย้ำ บาร์ซ่า 4-1

เจาะประเด็น เซบีย่า ขย้ำ บาร์ซ่า 4-1
เซบีย่า เป็นทีมแรกที่เอาชนะ บาร์เซโลน่า ในลาลีกา ซีซั่นนี้มีประเด็นให้พูดถึงมากมาย

รูปเกม 

เซบีย่า เริ่มต้นเกมด้วยความดุดัน ส่วน บาร์ซ่า ไม่เปรี๊ยะอย่างที่ควร การเสียจุดโทษช่วงต้นเกมมีผลต่อโมเมนตั้มของเกม 

เซบีย่า ยิ่งเล่นยิ่งคึก ยิ่งมายิ่งแรง เกมทางริมเส้นเล่นงาน บาร์ซ่า ได้ผลดีมาก แบ็กทั้งสองฝั่งของแชมป์เก่าเจอกับปัญหาหนักหน่วงเมื่อต้องรับมือกับความเร็ว และดุดันของฝั่งเจ้าถิ่น 

หลังการเสีย 2 ประตู บาร์ซ่า กลับสู่เกมได้จากลูกยิงของ มาร์คัส แรชฟอร์ด และเกือบตีเสมอ 2-2 จากจุดโทษ แต่ เลวานดอฟสกี้ สังหารพลาด 

การที่ไม่สามารถกลับสู่เกมได้ทั้งๆที่โอกาสเปิดกว้างเป็นสาเหตุนึงที่ทำให้ทีมพ่ายยับ  แต่ก็ไม่ได้สะท้อนถึงปัญหาที่แท้จริงของ บาร์ซ่า 

ปลายเกมนอกจากพลังใจที่ถดถอยแล้ว พละกำลังของนักเตะบาร์ซ่ามีส่วนอย่างมากที่ทำให้โดยยิงลูกที่ 3 และ 4 

เป็นเกมที่ยอดเยี่ยมของ เซบีย่า ในแง่ของความมุ่งมั่น พละกำลัง ในส่วนของความเด็ดขาด ยังเป็นสิ่งที่ทีมของ มาตีอัส อัลเมด้า ต้องแก้ เนื่องจากทีมทิ้งโอกาสทองไปมากมาย จนเกือบปล่อยให้ บาร์ซ่า กลับมาได้ 

บทสรุปในเกม นี่คือ 3 คะแนนที่คู่ควรของ เซบีย่า ส่วน บาร์ซ่า แม้จังหวะเสียประตูจะมีข้อให้ถกเถียงอยู่บ้าง แต่โดยภาพรวมพวกเขาคงบ่นอะไรมากไม่ได้ 

เป็นความพ่ายแพ้เกมแรกใน ลา ลีกา ที่ ฟลิคกับลูกทีมต้องยอมรับ

----------------------------------

ประเด็นปัญหา

จุดโทษของ เซบีย่า , โรนัลด์ อาเราโฮ เหนี่ยว อีซัค โรเมโร่ ?

ส่วนตัวผมมองว่าจังหวะนี้ ต่างฝ่ายต่างก็รั้งกันและกันเพื่อชิงความได้เปรียบ จังหวะเข้าบอลลักษณะนี้ ถ้าเป็นยุค 90 ยังไงก็ไม่น่าเป็นจุดโทษ 

แต่ปัจจุบันกติกา และ มาตราฐานการพิจารณาว่าฟาวล์-ไม่ฟาวล์ของผู้ตัดสินเปลี่ยนไปมาก และเซนซิทีฟกว่าเดิม 

ในเชิงเทคนิค ผมคิดว่า อาเราโฮ ควรปรับตัว การเล่นลักษณะนี้ (เหนี่ยว,รั้ง,กอด,ผลัก) ค่อนข้างสุ่มเสี่ยง ยิ่งยุคนี้มีสิ่งประดิษฐ์ที่เรียกว่า "กล้อง" และกติกาที่อนุญาตให้ผู้ตัดสินหยุดเกมและสามารถย้อนดูภาพไป-มาได้มากเท่าที่ต้องการ เขาก็ยิ่งต้องระวังตัว 

กติกาฟุตบอลยุคใหม่กำลังกลืนกินกองหลังแบบ old school แบบเขา 

----------------------------------

ประตู 2-0 ของ เซบีย่า กาเบรียล ซูโซ่ ฟาวล์ กุงเด้ ?

ผมมองว่าเป็นจังหวะฟาวล์ครับ เพราะเข้าจากทางด้านหลัง แต่ผู้ตัดสิน อเลฆานโดร มูนญิซ มองเป็นแฟร์ชาร์จ เหตุผลอาจจะมองว่า กุงเด้ ล้มง่ายไป มีเจตนาทิ้งตัวในขณะที่กำลังจะเสียการครอบครองบอล 

----------------------------------

เซบีย่า สมควรได้รับคำชื่นชม 

สิ่งที่เห็นได้ชัดในเกมนี้คือ เซบีย่า เล่นด้วยด้วยความเข้มข้นมากกว่า จังหวะการเข้าหาบอล เข้าปะทะนั้นเดือดกว่า เแดนกลางไดนามิกดีกว่า 

ต้องให้เครดิตกับ มาตีอัส อัลเมด้า เทรนเนอร์ของเซบีย่า ในแง่ mentality ที่ปลุกเร้าลูกทีมมาได้ดีมาก นักเตะทุกคนเต็มไปด้วยความกระหาย 

ในแง่แท็คติก เกมนี้ อัลเมด้า ปรับมาเล่นแบ็กโฟร์เพื่อรับมีกับหน้า 3 ตัวของ บาร์ซ่า สั่งแดนกลางให้ไล่บี้ 3 มิดฟิลด์บาร์ซ่า เปดรี,เดยอง และ โอลโม่ ไม่ให้มีเวลาคิด ไม่ให้สัมผัสบอลในระยะอันตราย ซึ่งภาพรวมทำได้ดีมาก แม้จะมีผิดพลาดอยู่บ้างก็ตาม 

----------------------------------

ความพ่ายแพ้ของ บาร์ซ่า มาจากระบบและแท็คติก ?

ผมคิดว่าไม่ใช่ ! เกมนี้ บาร์ซ่า ไม่ได้แพ้ที่ระบบ หรือโครงสร้างฟุตบอล รูปเกมที่เป็นรอง แนวรับที่เปื่อยยุ่ย และประตูที่เสียไปมาจากความผิดพลาดส่วนบุคคลมากกว่า

ความผิดพลาดส่วนบุคคลมาจากหลายสาเหตุ

ทัศนคติก็มีส่วน หลังความสำเร็จเมื่อซีซั่นที่แล้ว เริ่มสังเกตได้ว่ามีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งสิ่งนี้เคยแสดงออกมาในเกมเสมอ ราโย บาเยกาโน่ ที่ บาเยกาส จน ฟลิค ยังพูดถึง 

กระนั้น ที่มีผลในเกมนี้อย่างมากคือ 'ความล้า' บวกับความไม่สมบูรณ์ของทีมที่มาจากอาการบาดเจ็บ

อาการบาดเจ็บ ใครอาจจะมองว่าเป็นเรื่องของโชคร้าย 

ใช่ครับ โชคร้ายมีส่วน แต่จะมองข้ามการทำงานของสต๊าฟกับทีมแพทย์ไปไม่ได้ ตรงนี้ก็มีส่วนสำคัญด้วย หลังแมตช์รีโคเวอร์รี่อย่างไร การจัดการด้านสภาพร่างกายของนักเตะดีเพียงพอมั๊ย 

อาการล้า เห็นได้ว่านักเตะบาร์ซ่ามีสภาพร่างกายที่ไม่ฟิตสมบูรณ์ 100 % ตรงนี้ไม่ใช่ข้อแก้ตัว แต่มันคือสิ่งที่เกิดขึ้นในสนาม ซึ่งถ้าใครดูเกมกับ เปแอสเช ช่วงครึ่งหลังก็จะเห็นว่า บาร์ซ่า ที่โดน เปแอสเช จัดหนัก ส่วนนึงก็มาจากสภาพร่างกายที่ถดถอยลงไป

----------------------------------

สิ่งที่น่ากังวล

สิ่งที่น่ากังวลในอนาคตก็คือ สภาพร่างกายของนักเตะบาร์ซ่าจะไม่สามารถก้าวไปสู่ระดับที่พวกเขาเคยทำได้เมื่อซีซั่นที่แล้ว 

ควรทราบว่าฟุตบอลของ ฟลิค นั้นใช้พละกำลังมหาศาล นั่นคืออาวุธสำคัญที่ทำให้ทุกอย่างเวิร์ค ทั้งระบบ,ทั้งแท็คติก ซึ่งมาจากผลงานส่วนตัวของนักเตะที่มีสภาพร่างกายฟิตสมบูรณ์ 

ถ้าจำกันได้ฤดูกาลที่ผ่านมา ในปีแรกของ ฟลิค ช่วงระหว่างวันที่ 10 พฤศจิกายน-21 ธันวาคม 2024 บาร์ซ่า เคยประสบปัญหาอาการล้าสะสมแบบนี้มาแล้ว

หลังออกสตาร์ทได้ร้อนแรง ด้วยวิธีการเล่นเพรสซิ่งดุดัน แนวรับดันไฮไลน์พอเลยมาถึงช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน จู่ๆผลงานของ บาร์ซ่า ก็ตกวูบ

แพ้ เรอัล โซเซียดาด 0-1, เสมอ เซลต้า บีโก้ 2-2,แพ้ ลาส ปัลมาส 1-2,ชนะ เรอัล มายอร์ก้า 5-1,เสมอ เรอัล เบติส 2-2,แพ้ เลกาเนส 0-1,แพ้ แอต.มาดริด 1-2   

ทีมเก็บได้ 5 แต้มจาก 7 นัด ก่อนจะฟื้นกลับมาหลังได้เบรกช่วงคริสมาสต์ราว 2 สัปดาห์ ก่อนเข้าทัวร์นาเมนท์ ซูเปร์โกปา เด เอสปันญ่า 

กับฤดูกาลนี้ มีหลายเกมที่ บาร์ซ่า เล่นไม่ดี ทั้งเกมกับ ราโย,เกมชนะ เรอัล โซเซียดาด,เกมแพ้ เปแอสเช กระทั่งเกมแพ้ เซบีย่า 

ถามว่ามันคือสัญญาณอันตรายมั๊ย ? 

ให้ตอบว่าใช่ก็ใช่ แต่ยังไม่สายเกินแก้ จังหวะดีที่หมดเกมนี้ก็เข้าสู่ช่วงเบรกทีมชาติ ทำให้ ฟลิค มีเวลาในการคิดอ่าน-แก้ปัญหา 

ส่วนตัวยังมั่นใจว่า บาร์ซ่า จะกลับมาได้ แต่ต้องทำงานหนัก เผลอๆน่าจะหนักกว่าปีก่อน เพราะฤดูกาลนี้ในแง่ physical ลา ลีกา เข้มข้นเอามากๆ 

แน่นอน ทักษะความสามารถนักเตะยังเป็นส่วนสำคัญ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าระยะหลังมานี้ แพ้-ชนะกัน โดยมากวัดที่แท็คติกและกายภาพ

#เจมส์ลาลีกา



ที่มาของภาพ : Reuters
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport