เรอัล มาดริด เก็บอีก 3 แต้มเหนือ เรอัล โอเบียโด้ เราได้เห็นอะไรบ้าง มาลองวิเคราะห์กันดูครับ
ไลน์อัพ :
ชาบี อลอนโซ่ เปลี่ยน 4 ตำแหน่งจากเกมแรกกับ โอซาซูน่า แผงหลัง การ์บาฆาล ลงแทน เทรนท์ , รือดิเกอร์ พื้นโทษแบนลงเเทน มิลิเตา
แนวรุก โรดรีโก้ ลงตัวจริงทางกราบซ้ายแทน วินิซิอุส , ฝั่งขวา ฟรังโก้ มาสตานตัวโน่ เบียด บราฮิม ดิอ๊าซ ลงตัวจริง
ที่เหลือเหมือนเดิม กูร์กตัวส์, เฮาเซ่น, การ์เรราส, วัลเวร์เด้, กือแลร์, ชูอาเมนี่ และ เอ็มบั๊บเป้
เกมเยือน การ์ลอส ตาร์เตียเร่ ของ เรอัล โอเบียโด้ แม้จะมีการปรับ 4 ตำแหน่ง แต่ อลอนโซ่ ให้ลูกทีมเล่นด้วยวิธีการเดิม
จากการเปิดเผยของ กูร์กตัวส์ กุนซือชาวบาสก์กำชับว่า "เริ่มต้นให้ดี แนวรุกดันสูงสร้างความกดดันให้แนวรับคู่ต่อสู้ ระมัดระวังให้ดี(การสวนกลับ)"
"ถ้าเราบีบสูง พวกเขาจะไม่มีทางเลือกในการออกบอล จะทำได้แค่เตะบอลยาวออกมา ถึงตอนนั้น ก็จะเป็นหน้าที่ของ กูร์กตัวส์ และกองหลังที่จะเอาบอลกลับมาอย่างรวดเร็วเพื่อกลับไปบุกใหม่"
"มันจะกลายเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะออกจากความกดดันนี้"
"แน่นอนว่ามันจะมีบางครั้งที่คู่ต่อสู้ดิ้นหลุดออกมาและโต้กลับ แต่นั่นเป็นหน้าที่ของทุกคนที่จะต้องวิ่งกลับมา"
"ทุกคนต้องวิ่ง ต้องขยับ ต้องแอคทีฟ"
หนึ่งในคีย์เวิร์ดสำคัญของ อลอนโซ่ แม้กระทั่ง กูร์กตัวส์ อลอนโซ่ เองก็ต้องการให้มีส่วนร่วมกับการเล่นมากขึ้น เนื่องจากเวลาที่ทีมขึ้นไปเพรสซิ่งสูง เขากับกองหลังจะต้องช่วยกันเก็บบอลที่ถูกเตะออกมา ซึ่งบางครั้งนายด่านต้องขยับออกมายืนเกือบๆกลางสนาม เพื่อให้แท็คติกการเล่นสมบูรณ์
รูปเกม+ประตู :
ไม่ใช่เรื่องเหลือความคาดหมาย แม้เล่นในบ้าน แต่ เวลิโก้ เปาโนวิช กุนซือเซอร์เบียของเจ้าถิ่นก็เลือกที่จะเล่นเกมรับ ใส่เซนเตอร์ลงไป 3 คน ออยเอร์ ลวนโก้,ดาบิด กอร์เตส,ดานี่ กัลโบ ขนาบขวา-ซ้าย ด้วยวิงแบ็กอย่าง นาโช่ บีดัล และ ราฮิม อัลฮาสซาเน่
มาดริด บุกกดดันตามแนวทางที่ อลอนโซ่ วางไว้ แต่ก็ต้องพบกับความยากลำบากในการเจาะเข้าทำ สถานการณ์ไม่ต่างจากเกมกับ โอซาซูน่า
ในจังหวะเกมรุกของ มาดริด มีผู้เล่นของ โอเบียโด้ ลงไปอัดแน่นในกรอบเขตโทษอย่างน้อย 8 คน เพื่อช่วยกันปิดช่อง
ประตูแรกจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก และ มาดริด ก็ทำสำเร็จในนาทีที่ 37
ชูอาเมนี่ เสียบแย่งบอลจาก เลอันเดอร์ เดดองเกอร์ ตรงกลางสนาม กือแลร์ เข้ามาเก็บจังหวะสอง ก่อนจ่ายเข้าช่องให้ เอ็มบั๊บเป้ จับแล้วพลิกยิงเข้าไปอย่างคมกริบ
เอ็มบั๊บเป้ จบได้เฉียบขาด แต่แนวรับ โอเบียโด้ ก็พลาดง่ายๆเช่นกัน เห็นชัดว่า กือแลร์ กำลังจะแทงบอลเข้ามา และหน้ากรอบเขตโทษมี เอ็มบั๊บเป้ เป็นตัวเลือกเดียว ทว่า กอร์เตส และ กัลโบ ไม่มีใครยืนติดหัวหอกฝรั่งเศสเลย
ระยะห่างแค่ 1 เมตรก็เพียงพอแล้วสำหรับ เอ็มบั๊บเป้ ในการพลิกบอลเข้ากรอบเขตโทษ
มาดริด ขี้นนำ 1-0 ลดความกดดันลงไปมาก เอ็มบั๊บเป้ ทำได้อีกครั้ง นับเป็นลูกที่ 13 ใน ลา ลีกา แล้วที่เขายิงเปิดหัวให้กับทีม และเป็นลูกที่ 12 จาก 7 เกมหลังสุดเมื่อนับต่อเนื่องจาก ลีกา เมื่อฤดูกาลที่แล้ว
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เอ็มบั๊บเป้ กำลังก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งขวัญใจคนใหม่ของทีม ตามรอย CR7
.............................................
ควรทราบว่า มาดริด ไม่ได้มีเกมที่สมูทตลอดทั้ง 90 นาที ก่อนได้สกอร์ 2-0 นาที 81 พวกเขาเกือบโดนตีเสมอจาก ควาซี่ ซิโบ ที่ได้โอกาสแปเน้นๆชนโคนเสา
ต้องขอบคุณโชคที่เข้าข้าง ส่วนประตูที่ 2 ของ เอ็มบั๊บเป้ และของทีม นั้นมาจากการบีบเร็ว และ วินิซิอุส ก็แย่งมาจากเท้าของ ฮัสเซม ฮัสซัน ก่อนจะจ่ายหักข้อให้ เอ็มบั๊บเป้ เอี้ยวตัวแปเข้าไปไม่เหลือ
บอลนำ 2 ประตูช่วง 7 นาทีสุดท้าย มาดริด จึงคลายเกมลงเล็กน้อย เพื่อพักหายใจ แต่ก็มาได้ประตู 0-3 จาก วินิซิอุส ซึ่งก็เกิดจากความผิดพลาดของ โอเบียโด้ อีกครั้ง
อัลฮาสซาเน่ โดน เทรนท์ ไล่บีบจนจ่ายพลาดไปเข้าทาง กอนซาโล่ ที่จ่ายต่อให้ บราฮิม ก่อนบอลสุดท้ายขวางไปทางซ้ายให้ วินิซิอุส สังหารเข้าไป ปิดจ็อบอย่างสวยงาม
....................................................................
3 แต้มจากสนามของน้องใหม่ บวกกับ 3 แต้มในเกมเปิดหัวกับ โอซาซูน่า จะเห็นว่า "แนวทางชัดเจนกว่าระบบ"
เวลานี้ทีมยังเล่นด้วยแผงหลัง 4 คน และ อลอนโซ่ ก็ดูจะไม่หมกหมุ่นที่จะปรับเป็นหลัง 3 เหมือนสมัยคุม เลเวอร์คูเซ่น
ในเชิงเทคนิค :
สิ่งที่ต่างไปออกไปจากยุคของ อันเชล็อตติ ก็คือเทมโป้ที่สูงขึ้น จัดจ้านขึ้น มาดริด เล่นฟุตบอลด้วยสปีดความเร็วที่สูงกว่าเดิม มันคือของใหม่ และความท้าทายก็อยู่ตรงนี้ การยืนระยะรักษาเทมโป้ให้ได้ตลอดทั้งเกม
เกมเมื่อวันอาทิตย์ มีช่วงที่เทมโป้ของทีมดร็อปลงเล็กน้อย ซึ่งมาจากการที่ โอเบียโด้ เริ่มเปิดเกมรุกสู้ และ มาดริด ที่เล่นด้วยความเร็วนี้มาตลอดกว่า 1 ชั่วโมงเริ่มแผ่วลง กระนั้นก็ยังนับได้ว่าทีมยืนระยะได้ค่อนข้างดี
นอกเหนือจาก เทมโป้ แล้ว ทัศนคติของนักเตะเริ่มปรับได้ดีขึ้น เริ่มเข้าใจแล้วว่าการที่ทุกคนเล่นเกมรับให้ผลออกมาอย่างไร นอกจากนี้เป็นที่สังเกตได้ว่าระยะห่างของการยืนก็ดีขึ้น
ตำแหน่งต่อตำแหน่ง แดนต่อแดน นักเตะยืนใกล้กันกว่าเดิม ทำให้เกมไหลลื่น เล่นง่าย ไม่ย้วยเหมือนปีที่แล้ว
โดยภาพรวม 180 นาทีแรกใน ลา ลีกา 25/26 นอกจากเก็บชัยชนะได้ตามเป้าแล้ว มาดริด ของ อลอนโซ่ กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในแง่แท็คติก, เทคนิค และ ทัศนคติ
สำหรับช่วงต้นซีซั่นนี้ ความแปลกใหม่และท้าทายอีกประการคือการตัดสินใจเลือกตัวผู้เล่นของเทรนเนอร์
อลอนโซ่ แสดงจุดยืนชัดเจนว่าแต่ละเกมมีเงื่อนไขที่แตกต่างกัน การเลือกผู้เล่นลงสนามของเขาก็ขึ้นอยู่กับเรื่องนี้ด้วย เช่นนี้จึงเป็นคำตอบของคำถามที่ว่าทำไมจึงมีการเปลี่ยนทีมถึง 4 ตำแหน่ง
แต่ถ้าให้เฉพาะเจาะจงอย่างที่แฟนๆอยากรู้ก็คือ ทำไม เทรนท์ นั่ง การ์บาฆาล ลง ?
คำตอบชัดเจน อลอนโซ่ มองว่าแนวทางการเล่นของกัปตันมาดริดตอบโจทย์มากกว่า
กับ เทรนท์ ส่วนตัวมองว่า "ยังไม่ใช่สถานการณ์ที่น่ากังวล" เขาเองยังใหม่ ผมเชื่อว่า เทรนท์ ก็กำลังเลือกจังหวะของตัวเองอยู่ ซึ่งต้องใช้เวลา
ด้าน อลอนโซ่ เองก็ยังใหม่ ต่างฝ่ายต่างก็มาใหม่ ทว่าสิ่งสำคัญของเทรนเนอร์คือการทำความรู้จักกับนักเตะของตัวเองทุกคน
สำหรับผม เทรนท์ เป็นนักเตะที่มีลักษณะพิเศษ มีจุดเด่นและจุดด้อยชัดเจน ต่างจาก การ์บาฆาล ที่เฉลี่ยๆกันระหว่างรุกกับรับ ซึ่งตรงนี้จะนับว่าเป็นเรื่องดีก็ได้ หรือ จะนับเป็นเรื่องไม่ดีก็ได้
กระนั้นศักยภาพในเกมรุกของ เทรนท์ คือมิติใหม่ของ มาดริด เป็นแนวทางที่ การ์บาล ไม่มีวันมอบให้กับทีมได้
จบเกมนี้กูรูหลายคนอาจวิจารณ์ว่า การ์บาฆาล จะยึดแบ็กขวาตัวจริงแบบยาวๆ แต่เชื่อเถอะการแย่งตำแหน่งมันไม่จบลงเพียงแค่เกมผ่านไป 2 นัดหรอก
เช่นเดียวกับ โรดรีโก้ ที่ปีนี้ประกาศท้าชิงตำแหน่งหน้าซ้ายกับ วินิ เต็มตัว หลังทนเล่นฝั่งขวามานาน
ถือเป็นการตัดสินใจที่กล้าหาญ และที่น่าทึ่งก็คือ อลอนโซ่ ยอมรับคำขอนี้เสียด้วย
การดร็อป วินิ เปิดทางให้ โรดรีโก้ ลง บ่งบอกว่า อลอนโซ่ พร้อมลองและให้โอกาสนักเตะทุกคนจริงๆ และดูจากท่าทีแล้ว เขาเองก็ยังไม่ได้ตัดสินใจเด็ดขาดกับใครทั้งนั้น
โปรเจคต์มาดริดปีนี้ นับเป็นโปรเจคต์ใหญ่ สำคัญ และท้าทายอย่างยิ่ง เดิมพันสูงขนาดนี้ คนฉลาดระดับ อลอนโซ่ ไม่ใจเร็วด่วนได้อยู่แล้ว
#เจมส์ลาลีกา