พาดหัวหลังเกม แอตเลติโก มาดริด บุกไปแพ้ เอสปันญ่อล 1-2 ที่ กอร์เนย่า เอล ปราต ของ มาร์ก้า พยายามสื่อให้แฟนๆเห็นว่าการลงตลาดอันฮือฮาของ ทีมตราหมี ในซัมเมอร์นี้ ไม่ได้ทำให้ทีมมีอะไรเปลี่ยนไป (ในทิศทางที่ดีขึ้น)
ส่วนตัวเห็นด้วยตรงจุดที่ว่า สไตล์การเล่นยังคงเดิมตามแบบฉบับ โชโลลิสต้า แต่หากนั่นไม่ใช่บทสรุปทั้งหมด
โชโล่ ส่งผู้เล่นหน้าใหม่ลงสนาม 4 คน ดาวิด ฮานโก้ คุมหลัง, มัตเตโอ รุจเจรี่ ยืนแบ็กซ้าย,ตีอาโก้ อัลมาด้า ขึ้นเกมกราบซ้าย , จอห์นนี่ การ์โดโซ่ ปักหลักตรงกลาง และ อเล็กซ์ บาเอน่า เป็นเพลย์เมกเกอร์ยืนอยู่ข้างหลัง ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ
ไลน์อัพไม่มีชื่อ อองตวน กริซมันน์ ออกสตาร์ท เป็นการตอกย้ำอีกครั้งว่าบทบาทปีนี้ของ กรีซซี่ คือตัวสำรอง จะถูกใช้งานตามจังหวะและโอกาส
แอตเลติโก นำก่อนนาทีที่ 37 จากฟรีคิกของ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ปั่นเข้าไปอย่างสุดสวยผ่านมือ มาร์โก ดมิโตรวิช นายทวารเซิร์บที่ย้ายมาเป็นมือหนึ่งแทน โจน การ์เซีย
ฮูเลี่ยน ประเดิมได้สวย ยิงได้ตั้งแต่เกมแรกถือเป็นนิมิตรหมายอันดีหลังซีซั่นก่อนซัดเบ็ดเสร็จ 29 ลูก เพราะบทบาทเขาในปีนี้คือ เดอะ แบก แทนที่ กริซมันน์
จบครึ่งแรก แอตเลติโก ดูดีกว่า สกอร์นำ คอนโทรลเกมได้ชัดเจนกว่า แต่ปัญหาเกิดขึ้นในครึ่งหลัง
จุดแพ้-ชนะคือความผิดพลาด และการปรับหมากของกุนซือทั้งสองฝั่ง
มาโนโล่ กอนซาเลซ ถอด โฆเฟร กับ รามอน เตร์รัต สองตัวริมเส้นธรรมชาติออก และปรับจาก 4-4-2 มาเล่น 3-5-2 ส่ง กีเก้ การ์เซีย ลงมายืนคู่หน้ากับ โรเบร์โต้ เฟร์รานเดซ ซึ่งทั้งคู่เป็นกองหน้าตัวใหญ่สูง 186 แถมยังหนา
ในแง่วิธีการ มาโนโล่ สั่งให้คู่หน้าเข้าเพรสซิ่งเร็ว ให้กลาง 3 ตัวในดันสูงเพื่อไม่ให้แนวรับ แอตเลติโก ออกบอลได้ง่ายๆ
ส่วน โชโล่ เลือกเปลี่ยน การ์โดโซ่ กับ กัลลาเกอร์ คู่ pivot ออก แล้วส่ง โกเก้ กับ บาร์รีออส ลงมาแทน
ปรากฏว่าเกม เอสปันญ่อล ขึ้นดี ส่วน แอตเลติโก ดร็อปลง ซึ่งจุดนี้ โชโล่ ให้สัมภาษณ์หลังเกมยอมรับว่า "ถือเป็นบทเรียน" หรือพูดง่ายๆยอมรับว่าพลาด เพราะเปลี่ยนแล้ว เอเนจี้ทีมดร็อป
แต่ โชโล่ บอกว่าจุดพลิกผันจริงๆคือการเสียประตูในจังหวะที่ทีมเป็นฝ่ายคอนโทรลเกม
มาร์กอส ยอร์เรนเต้ แบ็กขวาโดนบีบโดน ฆาบี ปัวโด้ จึงเลือกเลี้ยงตัดเข้าในซึ่งก็ไปโดน กีเก้ การ์เซีย เข้ามาบีบอีกชั้น
ยอร์เรนเต้ เลี้ยงบอลยาว จึงตามเข้าไปเก็บจนปะทะกับ การ์เซีย และเสียฟาวล์ ในแดนตัวเอง และจากฟรีคิก เอดู เอ็กซ์โปซีโต้ ตักไปเสาสองให้ มิเกล รูบิโอ ตัวสำรองชาร์จเบียดเสาเข้าไป ตีเสมอเป็น 1-1 ในนาที 73
ประตูนี้ของ เอสปันญ่อล มาจากความผิดพลาดของ ยอร์เรนเต้ ก็จริง แต่ส่วนนึงก็มาจากการปรับแท็คติกของ มาโนโล่ ด้วย ที่เพิ่มความเข้มข้นตรงกลาง สั่งให้ลูกทีมขยันไล่แดนบนมากกว่าครึ่งแรก
ส่วนประตูชัยของ นกแก้ว นาที 84 ต้องยอมรับว่าลูกโหม่งของ เปเร่ มีย่า เป็นอะไรที่สมบูรณ์แบบเกินกว่าจะป้องกัน ย้อยเข้าเสาสองชนิดไม่มีใครคาดคิด ซึ่งมันทำลายทั้งขวัญกำลังใจฝั่งตราหมี และสร้างความมั่นใจให้ผู้เล่นเอสปันญ่อลจนกระทั่งควบเข้าป้ายในที่สุด
โชโล่ บอกว่า ผลการแข่งขันซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดนั้นแย่ แต่ยังพอใจในรูปเกม แต่จากคำพูดดูเหมือนเขาพยายามเก็บอาการความผิดหวังเอาไว้โดยเฉพาะการเสียประตูแรก ทั้งๆบอลอยู่กับทีมตัวเอง
ส่วน มาโนโล่ ยอมรับว่าการปรับแท็คติกมาเล่นหลัง 3 แล้วใช้หน้าคู่ตัวใหญ่ลงมา พร้อมดันไลน์สูงเพิ่มระดับการเล่นเพรสซิ่งนำมาซึ่งการพลิกสถานการณ์ แต่ก็ต้องให้เครดิตลูกทีม เพราะการเล่นแบบนี้ต้องใช้ความพยายามและพละกำลังอย่างมาก ถ้าพลาดหรือแผ่ว ก็มีสิทธิ์เสียเกมนี้ได้เช่นกัน
บทสรุปคือ ความผิดพลาดส่วนบุคคล , การตัดสินใจของสองกุนซือ ทั้งการปรับแท็คติกและเปลี่ยนตัว คือปัจจัยที่พลิกผลการแข่งขันจาก 0-1 เป็น 2-1 ในบั้นปลาย
ในส่วนของนักเตะ อเล็กซ์ บาเอน่า กับ การ์โดโซ่ ได้รับคำชมในเกมประเดิมสนามถึงแม้ทีมจะแพ้ ด้าน ยอร์เรนเต้ นั้น มาร์ก้า ให้คะแนนแค่ 3 /10 ต่ำที่สุดในทีมตราหมี ถือว่าโหดร้ายอยู่เหมือนกัน
เจมส์ ลาลีกา