ความพ่ายแพ้ต่อ เปแอสเช นับเป็นการปอกเปลือย เรอัล มาดริด จนล่อนจ้อนเลยก็ว่าได้ ข้อด้อย จุดบอดที่ถูกกลบไว้ด้วยชัยชนะ 4 เกมติดเหนือ ปาชูก้า , เร้ดบูลส์ ซัลซ์บวร์ก, ยูเวนตุส และ ดอร์ทมุนด์ หลุดออกมาทั้งยวง
ระบบยังไม่แน่น ทีมเวิร์คยังไม่ลงตัว นักเตะยังไม่เข้าใจแท็คติก ต่างๆเหล่านี้คือปัญหาที่ถูกพูดถึง
คนที่ไม่เข้าใจก็คงต้องปล่อยไป แต่สำหรับคนที่เข้าใจ ก็จะรู้ว่าของแบบนี้ต้องใช้เวลา บอลเปลี่ยนโค้ชที่รวมตัวกันได้ 10 วัน ผสมด้วยผู้เล่นหน้าใหม่ ผู้เล่นที่เพิ่งหายเจ็บ ผู้เล่นฟอร์มตก เดินเข้าสู่ทัวร์นาเมนท์ที่มีเดิมพันสูง
ผลการแข่งขันเป็นสิ่งสำคัญ ขณะเดียวกันก็ต้องทำในสิ่งใหม่ๆควบคู่ไปด้วย วิธีเล่นใหม่ ระบบใหม่ซึ่งต่างจากที่คุ้นเคยมา 4 ปีก่อนหน้านี้
จะเห็นได้ว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะทำมันออกมาให้ดี และไม่ใช่เรื่องเซอร์ไพรส์เลยที่ไปไม่ถึงดวงดาว
แต่เหนืออื่นใดปัญหาใหญ่ที่น่ากังวลที่สุด และว่ากันว่า ถ้า อลอนโซ่ จะทะลวงไปสู่การแก้ปัญหาต่างๆดังที่ว่าไว้ข่างต้นนั้น จะต้องแก้เรื่องนี้เสียก่อน
นั้นคือ 'อีโก้'
อีโก้ คือสาเหตุที่ทำให้เกิดทัศนคติที่ไม่เหมาะสม
อันดับแรกต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ทัศนคติ กับ อีโก้ นั้นแตกต่างกัน ทัศนคติ หมายถึงความรู้สึกนึกคิด การตอบสนองต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง อาจเป็นบวกหรือลบก็ได้
ส่วนอีโก้ (ego) คือ ความรู้สึกของความเป็นตัวตน ความรู้สึกว่าตนเองเหนือกว่าผู้อื่น หรือการยึดติดกับความคิดของตนเอง
หนึ่งในตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นถึงทัศนคติที่ไม่ดีในเกมกับ เปแอสเช ก็คือการเพรสซิ่ง
จะเห็นได้ว่า นักเตะมาดริดไปไม่พร้อมเพรียงกัน บางคนไป บางคนไม่ไป บางคนไล่เต็มที่ บางคนไล่แค่พอเป็นพิธี
การเพรสซิ่งใช้พละกำลังมาก เป็นการทำงานที่โอกาสประสบความสำเร็จ (แย่งได้) มีน้อยกว่าล้มเหลว นอกจากนี้คือไม่สนุก ไม่เหมือนตอนมีบอล หรือเวลาเล่นเกมรุก
แต่ฟุตบอลในแนวทางของ อลอนโซ่ การเพรสซิ่งคือหนึ่งในหัวใจหลัก
ก็อย่างที่ มาร์ก้า รายงานไปนั่นแหละครับว่าสิ่งที่น่าผิดหวังนอกเหนือจากความพ่ายแพ้ยับเยินก็คือทัศนคติที่เป็นลบ
ไม่มีใครเสียสละ หรือไม่มีใครจริงใจกับการเล่นเกมรับ ในขณะเดียวกันเมื่อโอกาสเปิด แม้เพียงเล็กน้อย พวกเขาก็พร้อมที่จะคว้าไว้เอง ถึงแม้เพื่อนจะอยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่าก็ตาม
แม้ไม่มีใครพูดออกมาตรงๆ โดยเฉพาะ อลอนโซ่ แต่ทุกคนล้วนพุ่งเป้าไปที่สตาร์ดังของทีมอย่าง วินิซิอุส กับ เอ็มบั๊บเป้
วินิ ถูกมองว่า ซ้อมอย่าง เล่นอีกอย่าง ตอนซ้อมก็ทำตาม แต่พอเล่นจริงก็คืนสู่ตัวตนเดิมๆ
ส่วน เอ็มบั๊บเป้ เล่นเกมรับน้อย ไม่ค่อยอยากเล่น ซึ่งมันเป็นอะไรที่ขัดแย้งกับแนวทางที่ อลอนโซ่ วางไว้อย่างชัดเจนที่ว่า นักเตะทุกคนต้องแย่งบอล และเกมรับเริ่มต้นจากแดนหน้าที่ต้องเข้าวิ่งเข้าหาฟุตบอล
ใครที่เล่นฟุตบอลน่าจะเข้าใจดี เพรสซิ่งถ้าไปคนเดียว หรือไปหลายคนแต่ไม่พร้อมเพรียง ก็ลิงดีๆนี่เอง เมื่อไล่สัก 2-3 รอบแล้วเพื่อนไม่ช่วย ไม่เจอบอล ก็ท้อแล้ว
ถอยลงมาโซนดีกว่า ไม่เหนื่อยด้วย แต่ถ้าเล่นแบบนั้น จะเปลี่ยนจาก อันเชล็อตติ มาเป็น อลอนโซ่ ทำไม ?
ทุกคนอาจจะมองว่า เปแอสเช เหนือกว่าที่ระบบ ความเข้าใจ และทีมเวิร์ค แต่สิ่งที่ เปแอสเช เหนือกว่า มาดริด อย่างแท้จริงคือ "ทัศนคติที่ถูกต้อง"
นักเตะเปแอสเชมีทัศนคติที่เป็นบวก เป็นผลพวงมาจากการทลายอีโก้ของนักเตะในทีมจนสำเร็จ
เราทราบเรื่องนี้จากคลิปสัมภาษณ์ หลุยส์ เอ็นริเก้ ที่สนามซ้อมของเปแอสเช ซึ่งมันถูกแชร์กันในโลกออนไลน์
คลิปวิดีโอมีชื่อว่า 'นี่คือสิ่งที่เปแอสเชขาดหายมาตลอดใช่หรือไม่?' (Is This the mindset PSG were lacking all this time?)
คลิปนี้เผยให้เห็น เอ็นรีเก้ กำลังพูดกับกล้องอย่างตรงไปตรงมาตามแบบฉบับของเขา
เอ็นรีเก้ บอกว่า หนึ่งในแมสเสจที่เราพยายามปลูกฝังลงไปหลายปีแล้วก็คือ "ไม่มีใครในพวกคุณที่พิเศษเลย”
“ถ้ามีใครทำให้คุณเชื่อแบบนั้น พวกเขากำลังทำให้คุณเข้าใจผิด พวกเขากำลังหลอกคุณอยู่
“เพราะทันทีที่คุณรีไทร์ คุณจะเลิกเป็น ‘คนพิเศษ’ คนที่พิเศษอย่างแท้จริงคือคนที่ช่วยชีวิตหรืออุทิศชีวิตทั้งหมดของพวกเขาเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ซึ่งนั่นไม่ใช่เรา
“เราแค่เป็นคนโชคดีมากๆที่มีทักษะและได้รับค่าตอบแทนที่ดี ถ้าเราเล่นปิงปอง คงไม่มีใครสังเกตเห็นเลย เราคงเดิน ขึ้นรถบัส หรือปั่นจักรยาน และไม่มีใครมองเราซ้ำสอง
ครับ นี่คือสิ่งที่ เอ็นรีเก้ ปลูกฝังลงไปให้ลูกทีม และเคยเป็นสิ่งที่ เปแอสเช ขาดหายมาตลอดหลายปี จนกระทั่ง เอ็นรีเก้ นำเข้ามา กลายเป็นเข็มทิศนำพาพวกเขาไปสู่ความยิ่งใหญ่
แนวคิดที่ว่า "เราไม่ได้พิเศษไปกว่าใคร" คือการทลายอีโก้ หรือตัวตนของนักเตะ ยิ่งเก่งมาก อีโก้ ก็ยิ่งสูง ยิ่งอีโก้สูงก็ยิ่งมองไม่เห็นคนอื่น เห็นแต่ตัวเอง
เมื่อเทรนเนอร์สั่ง แม้พวกเขาจะไม่พูดอะไร แต่พวกเขามีคำถาม และคัดค้านอยู่ในใจ เมื่ออีโก้สูง ย่อมส่งผลต่อทัศนคติที่มีต่อทีม ต่อเพื่อนร่วมทีม และต่อเทรนเนอร์
เพราะฟุตบอลเล่นเป็นทีม การมองเห็นความสำคัญของทีม ของเพื่อนร่วมทีม การเสียสละ การทำตามแท็คติก หรือคำร้องขอของเทรนเนอร์นับเป็นสิ่งจำเป็น
เมื่อใดก็ตามที่อีโก้ยังบดบัง ทัศนคติแย่ๆก็จะออกมาเรื่อยๆ และนั่นทำให้ทุกอย่างพังทลาย
ลืมเรื่องแท็คติก ลืมเรื่องระบบ ลืมเรื่องทีมเวิร์คไปได้เลย จัดการกับอีโก้ก่อนเป็นลำดับแรก
ทำให้ซูเปอร์สตาร์กลายเป็นนักเตะ และให้นักเตะช่วยกันสร้างทีมที่ดีขึ้นมา
#เจมส์ลาลีกา