บาร์เซโลน่า ปิดดีลคว้า โจน การ์เซีย จาก เอสปันญ่อล ในราคาฉีกสัญญา 25 ล้านยูโร
ถามว่าเป็นดีลที่คุ้มมั๊ย จะประสบความสำเร็จหรือเปล่า ? ยิ่งหากต้องแลกมากับการผลักดันหนึ่งในนายทวารที่โดดเด่นที่สุดคนนึงของวงการฟุตบอลยุโรปในรอบหลายปีหลังอย่าง มาร์ค อังเดร แทร์ ชตีเก้น ออกไป
ในแง่ของความคุ้มค่า ผมมองว่าในตลาดนักเตะรอบนี้ไม่มีผู้รักษาประตูที่มีศักยภาพเช่น โจน การ์เซีย ในค่าตัว 25 ล้านยูโรอีกแล้ว
ศักยภาพเทียบกับราคา ความคุ้มค่าเริ่มจากจุดนี้
ไม่กี่วันก่อน เป๊บ กวาร์ดิโอล่า พูดถึง การ์เซีย ว่า "ทุกอย่างบ่งชี้ว่าเขาจะเป็นผู้รักษาประตูระดับโลก"
ส่วน โธมัส เอ็นโคโน่ อดีตผู้รักษาประตูในตำนานของเอสปันญ่อล และเคยเป็นโค้ชนายทวารของทีมนกแก้วกล่าวถึง การ์เซีย ว่า
"เขาเป็นผู้รักษาประตูที่ครบเครื่องมาก มีความรู้และทักษะในการตัดสินใจในแต่ละช่วงเวลาของการแข่งขัน เขาครองพื้นที่ได้ คุมพื้นที่ด้านหลังได้ดี โดดเด่นลูกกลางอากาศ และมีปฏิกิริยาตอบสนองที่ยอดเยี่ยม"
ได้รับคำชื่นชมจาก กวาร์ดิโอล่า และ เอ็นโคโน่ ขนาดนี้ บวกกับฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นกว่านายทวารรายใดใน ลา ลีกา เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา แน่ใจได้ว่า โจน การ์เซีย มีศักยภาพสูงจริงๆ
แต่คำถามสำคัญคือ เขาจะเข้ากับระบบการเล่นของ ฮันซี่ ฟลิค หรือไม่ ? เพราะการเล่นที่ บาร์เซโลน่า เขาจะต้องเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆอย่าง
อันดับแรก การ์เซีย จะเปลี่ยนจากการเล่นให้ทีมหนีตกชั้น มาเล่นกับแชมเปี้ยน มันเป็นการเปลี่ยนแปลงชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ
แม้จะอยู่เมืองเดียวกัน แต่ความกดดันระหว่างการเล่นให้ เอสปันญ่อล กับ บาร์เซโลน่า นั้นต่างกันมหาศาล
38 นัดใน ลา ลีกา การ์เซีย เสียไปทั้งหมด 51 ประตู เป็นจำนวนที่เยอะติดท็อป 8 ของลีก แต่ทุกคนต่างชื่นชม แม้กระทั่งในเกมที่เสียถึง 4 ประตู ไม่ว่าจะกับ เรอัล มาดริด,แอธ.บิลเบา หรือ จีโรน่า การ์เซีย ก็ไม่เคยถูกตำหนิ
หนึ่งในเหตุผลสำคัญคือแนวรับ เอสปันญ่อล ไม่ได้แข็งแกร่งอะไร ดังนั้นแม้เขาจะพลาดจนทีมเสียประตูมันก็ไม่เคยเป็นประเด็นใหญ่โต
แต่กับ บาร์เซโลน่า ถ้าเขาพลาดขึ้นมาสักครั้ง หรือ อาจไม่ได้ทำพลาดจะแจ้งแต่ทีมเสียประตูเยอะ เขาจะถูกหยิบมาวิจารณ์ทันที
ด้วยคุณภาพของแนวรับ บาร์ซ่า มันชัวร์อยู่แล้วว่า การ์เซีย จะโดนล่อเป้าน้อยกว่าที่ เอสปันญ่อล ทว่าในทางกลับกัน แต่ละครั้งที่คู่ต่อสู้สับไก นั่นหมายความว่าเขาจะต้องเด็ดขาดในจังหวะป้องกันให้มากที่สุด
นั่นคือ ความกดดันก้อนมหึมาที่ การ์เซีย จะต้องแบกรับ
ในแง่แท็คติก
จากที่เคยเล่นให้ เอสปันญอล ที่แนวรับยืนไลน์ต่ำที่สุดเป็นอันดับสองของลีก ปรับมาเป็นการเฝ้าเสาที่ไลน์ดีเฟนซ์อยู่ห่างจากกรอบประตูออกไป 50-55 เมตร เพื่อผลักดันเกมรุกตามแนวทางของ ฟลิค นั่นคือสิ่งที่ การ์เซีย ไม่คุ้นเคย
ในงานแถลงข่าวอำลาของ บิคตอร์ บัลเดส นักข่าวถือโอกาสถามว่า "ผู้รักษาประตูของ บาร์ซ่า ควรมีคุณสมบัติอะไรบ้าง ?"
คำตอบของ บัลเดส สร้างเซอร์ไพรส์เล็กๆ เมื่อเขาบอกว่า "ผู้คนมีการพูดคุยกันมากมายเกี่ยวกับการเล่นบอลด้วยเท้า แต่จริงๆแล้ว ผู้รักษาประตูบาร์ซ่ามักจะเน้นการทำงานแบบตัวต่อตัวเสมอ"
"ผู้รักษาประตู บาร์ซ่า ต้องเก่งที่สุดในเรื่องนี้ แต่ไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้ และในฐานะผู้รักษาประตู ผมอยากเน้นย้ำเรื่องนี้"
"ถึงแม้เวลาจะผ่านมานาน ปัจจุบันสถานการณ์นี้ก็ไม่ได้เปลี่ยนไป ยิ่งเน้นการเช็คล้ำหน้ายิ่งหมายความว่า หากหลุดแนวรับไปได้กองหน้าฝั่งตรงข้ามมักมีเวลาในการตัดสินใจเสมอ โดยที่ผู้รักษาประตูแทบไม่ได้รับการปรับสภาพแวดล้อมจากกองหลังของตัวเองเลย"
จากปากคำของ บัลเดส ทำให้เราตระหนักได้ว่านี่คือสถานการณ์ที่ทำให้ผู้รักษาประตูบาร์ซ่าตกอยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยงที่สุด และ การ์เซีย จะต้องก้าวออกจากเซฟโซนเพื่อคลี่คลายสถานการณ์นี้
เขาจะต้องเดิมพันกับทุกสิ่งทุกอย่างที่มี ปฏิกิริยา การตัดสินใจที่รวดเร็ว การอ่านใจกองหน้า ซึ่งถ้าอ่านผิด นั่นหมายถึงการเสียประตู หรือใบแดง
จริงอยู่ การ์เซีย มีศักยภาพที่จะสร้างความแตกต่างในสถานการณ์ประเภทนี้ เขาพิสูจน์ให้เห็นกับ เอสปันญอล เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมาว่าเป็นผู้รักษาประตูที่ดุดัน ห้าวหาญ ปฏิกิริยาบวกกับส่วนสูงของเขา (191 เซนติเมตร) สามารถบีบให้กองหน้าต้องเผชิญกับความกดดันได้ไม่ยาก
กระนั้นเมื่ออยู่กับ บาร์ซ่า นั่นหมายความว่า เขาจะต้องทำได้ดีในทุกครั้ง
เทคนิคสำคัญของ การ์เซีย ในการออกมาดวลตัวต่อตัวคือการพุ่งเข้าหาเท้าของกองหน้า โดยใช้ร่างกาย มือ และเท้าเข้าสกัดบอล
เทคนิคการเล่นนี้ คล้ายคลึงกับ ดิบู มาร์ติเนซ ทว่าเทคนิคนี้ หลายครั้งก็ทำให้เขาโดนกองหน้าหลอกได้ง่ายๆเหมือนกัน
การใช้เท้า
ถึงแม้ บัลเดส จะบอกว่าการดวลตัวต่อตัวสำคัญกับนายทวารบาร์ซ่ามากที่สุด กระนั้นการใช้เท้าก็ยังเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่ง การ์เซีย ไม่ใช่ผู้รักษาประตูที่โดดเด่นในการใช้เท้าออกบอลสั้นหรือ บิวด์อัพ
ตรงนี้ชัดเจนว่าคือจุดที่เขาจะต้องพัฒนาให้ดีขึ้น เพราะแนวทางของ ฟลิค นั้นการใช้เท้าจ่ายบอลระยะสั้น การขยับตำแหน่งเพื่อช่วยแนวรับบิวด์อัพยังเป็นสิ่งจำเป็นอยู่มาก
อย่างไรก็ตาม แม้ไม่เด่นในส่วนนี้ แต่ การ์เซีย กลับมีจุดแข็งที่น่าจะเพิ่มมิติเกมรุกให้ บาร์ซ่า ได้ คือการเปิดบอลยาว
การ์เซีย มีการเปิดบอลยาวที่แม่นยำ สิ่งนี้จะเป็นอาวุธใหม่ของ บาร์ซ่า ที่คู่ต่อสู้ยังไม่เคยเจอมาก่อน
จินตนาการดูครับ บาร์ซ่า สามารถเปิดเกมรุก-ลุ้นยิงประตูได้จากการเตะบอลเพียงครั้งเดียวของนายทวาร น่าสนใจดีทีเดียว
ปฏิกิริยาในกรอบเขตโทษ
ตรงนี้ นักวิจารณ์มองตรงกันว่า การ์เซีย โดดเด่นมาก เขามักจะทะยานไปในมุมที่แทบเป็นไปไม่ได้ ปฏิกิริยาของเขาน่าทึ่งมาก กล่าวได้ว่าการเล่นในกรอบเขตโทษคือจุดแข็งที่สุดของ การ์เซีย ก็ว่าได้
ลูกกลางอากาศ
จุดนี้ก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลเช่นกัน การ์เซีย อยู่ในมาตราฐานที่ยอดเยี่ยม ไม่เพียงแค่รูปร่างที่สูง หากแต่ยังอ่านจังหวะการออกมาตัดบอลได้ดีมากๆด้วย
หนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ช่วยให้เขาทำได้ดีก็คือการสื่อสาร
การ์เซีย เป็นนายทวารที่สื่อสาร สั่งการกองหลังได้เก่ง ซึ่งนั่นรวมถึงการเล่นในจังหวะแบบโอเพ่นเพลย์ด้วย สกิลนี้จะช่วยให้แนวรับบาร์ซ่ามีการจัดระเบียบที่ดียิ่งขึ้น
จุดโทษ
ฤดูกาลที่แล้วกับ เอสปันญ่อล การ์เซีย เซฟจุดโทษได้ 2 ครั้งจากทั้งหมด 6 จุดโทษ ซึ่งจริงๆควรเป็น 3 ครั้ง เพราะในเกมกับ เรอัล มายอร์ก้า เขาเซฟได้ 2 ครั้ง แต่หนึ่งในนั้นถูกผู้ตัดสินให้ยิงใหม่เนื่องจากเพื่อนร่วมทีมวิ่งเข้ามาในกรอบเขตโทษก่อน
ปัจจุบัน การ์เซีย ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผู้รักษาประตูที่เซฟจุดโทษดีที่สุดคนนึงของ ลา ลีกา ซึ่งตรงนี้คือการเข้ามายกระดับให้เกมรับของ บาร์ซ่า อย่างชัดเจน เพราะนายทวารอย่าง เซสนี่ หรือ แทร์ ชตีเก้น มีสถิติการเซฟจุดโทษที่ไม่ดีเอาเสียเลย
สภาพจิตใจ
สภาพจิตใจมีความสำคัญอย่างมากสำหรับตำแหน่งผู้รักษาประตู ความแข็งแกร่งทางจิตใจจะช่วยให้จัดการหรือรับมือกับความผิดพลาดได้ดี
สิ่งที่ การ์เซีย ประสบในเกมประเดิมสนามชุดใหญ่เอสปันญ่อลในวัย 20 นั้นนั้นไม่ง่ายเลย ในเกมกับ เอลเช่ เขาเจอกับฝันร้ายเข้าเต็มๆ เมื่อก่อความผิดพลาดง่ายๆจนทีมเสีย 2 ประตูในช่วงไม่ถึง 15 นาทีแรก
ต่อมาในเกมกับ เรอัล โอเบียโด้ นัดตัดสินการเลื่อนชั้น เขาก็ทำพลาดจนทีมเสียประตู
"ผมเจอกับเรื่องแย่ๆ" การ์เซีย ยอมรับในวันนั้น
แต่ท้ายที่สุดเมื่อเวลาผ่านไป เขาก็แกร่งขึ้น ค่อยๆสั่งสมประสบการณ์พัฒนาฝีเท้าจนระเบิดฟอร์มสุดยอดเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา
จุดนี้พิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของจิตใจ ความมุมานะ ไม่ยอมแพ้ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากๆ เพราะทุกคนล้วนเคยทำผิดพลาด แต่คนที่จะไปต่อได้คือคนที่ลุกขึ้นมาจัดการกับความผิดพลาดไม่ให้เกิดขึ้นอีก
บทสรุป
ข้อหลักๆคือการแบกรับความกดดันที่มากขึ้นกว่าเดิม ,ทำความคุ้นเคยกับเกมรับในแบบของ ฟลิค ที่นิยมยืนไลน์สูง ,มีส่วนร่วมกับการบิวด์อัพที่ต้องแน่นอนแม่นยำ
ส่วนที่เหลือล้วนแต่เป็นเกณฑ์ขั้นพื้นฐานของนายทวารทั้งสิ้น เพียงแต่ครั้งนี้ การ์เซีย จะต้องทำมันออกมาในคุณภาพที่สูงขึ้นกว่าเดิม ลดความผิดพลาดให้น้อยลง เพราะทีมมีเป้าหมายสูงถึงตำแหน่งแชมป์ในทุกรายการ
คู่ต่อสู้ที่เจอก็จะเก่งกว่าเดิม เขี้ยวกว่าเดิมโดยเฉพาะการเล่นเกมยุโรปที่เขายังไม่เคยสัมผัสมาก่อน
#เจมส์ลาลีกา