ทั้งก่อนและหลังการเปิดตัวกับ เรอัล มาดริด ในฐานะเทรนเนอร์คนใหม่ผู้มาสานงานต่อจากกุนซือระดับตำนาน คาร์โล อันเชล็อตติ
คำถามที่ มาดริดิสโม่ ทั้งโลกอยากรู้มากที่สุดก็คือ "เรอัล มาดริด ในมือ ชาบี อลอนโซ่ จะออกมาแบบไหน ?"
หลายคนโฟกัสไปที่การเล่นระบบ 3 เซนเตอร์แบ็ก มีวิงแบ็กซ้าย-ขวา เป็นอาวุธร้าย ซึ่งถือเป็นของแปลกใหม่สำหรับ เรอัล มาดริด เนื่องจากตลอดหลายปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ยุค โชเซ่ มูรินโญ่ จนมาถึง อันเชล็อตติ สมัยที่ 2 ทีมไม่เคยเล่นระบบหลัง 3 อย่างจริงจังเลย
อย่างไรก็ตาม หลัง 3 หรือแบ็กโฟร์ นั้น ส่วนตัวมองว่า เป็นเพียงกระบวนการขั้นปลายน้ำเท่านั้น
ระบบเป็นแค่ตัวเลขที่ไม่ว่าจะแยกส่วนยังไง สุดท้ายก็ต้องบวกกันให้ครบ 10 หากแต่สำคัญกว่านั้นคือ "วิธีการเล่น"
ตอนนึงของคำพูดในงานเปิดตัว อลอนโซ่ ได้หล่นวรรคสำคัญไว้ว่า
"ผมอยากให้แฟนๆที่ดูเรา พากันพูดว่า ว้าว ! นี่แหละคือทีมที่ฉันชอบ"
จากวรรคนี้ ช่วยให้เรามองเห็นภาพในอนาคตได้ชัดขึ้น
คอบอลต่างรู้ดีว่าทีมฟุตบอลที่แฟนยุคนี้ชื่นชอบนั้นส่วนใหญ่เล่นสไตล์ไหน
เมื่อประกอบเข้ากับสถิติที่ว่า เลเวอร์คูเซ่น คือทีมที่มีเปอร์เซนต์การครองบอลในพื้นที่ 'final third' มากที่สุด 68.1 % สูงเป็นลำดับที่ 5 จาก 5 ลีกใหญ่ของยุโรปในรอบ 2 ปีหลัง ก็ยิ่งชัดเจน
ข้อสรุปเบื้องต้นที่ได้คือ ไม่ว่าจะหลัง 3 หรือ แบ็กโฟร์ เรอัล มาดริด ในมือของ อลอนโซ่ จะไม่ใช่ทีมที่เน้นการเล่นแบบทราสซิสชั่นแบบในยุคของ อันเชล็อตติ อีกต่อไป
ถามว่า อลอนโซ่ ไม่ถนัด ยังงั้นหรือ ?
คำตอบคือ 'ไม่เลย'
ในทางตรงกันข้าม เขาคือหนึ่งในคนที่รู้จักมันดีมากๆ
ย้อนกลับไปสมัยที่ยังค้าแข้ง ครึ่งนึงของชีวิตนักเตะ อลอนโซ่ เล่นใหักับกุนซือที่ยึดแนวทางเดียวกับ มาดริด ยุคปัจจุบัน
นี่ไม่ใช่การวิเคราะห์ แต่มาจากปากคำของ อลอนโซ่ ที่เคยพูดถึงการเล่นของตัวเองในเว็บไซต์ลูกหนังดังอย่าง coaches voice ในช่วง master class
กับ ลิเวอร์พูล (2004-2009)
อลอนโซ่ เล่นให้ ราฟา เบนิเตซ ในระบบ 4-2-3-1
บทบาทคือ ดับเบิ้ล 6 ต้องปรับตัวให้เข้ากับคู่หูอีกคน ทำให้ต้องเปลี่ยนสไตล์การเล่น หรือ บทบาทนิดหน่อย ขึ้นอยู่กับว่าเล่นกับใคร
"เกมการเล่นของ ราฟา ค่อนข้างไดเรคและเข้มข้น แต่โดยรวมเกมออกมาดีเลย เพราะ เจอร์ราร์ด กับ ตอร์เรส ประสานงานกันได้เยี่ยม"
เรอัล มาดริด (2009-2014)
พีเรียดนี้ของ อลอนโซ่ ส่วนใหญ่เล่นให้ โชเซ่ มูรินโญ่ คู่หูคนสำคัญที่เล่นด้วยคือ ซามี่ เคห์ดิร่า
อลอนโซ่ เล่าว่า เคห์ดิร่า เป็นนักเตะที่มีพลังงานสูงมาก วิ่งขึ้นลงได้ตลอดทั้งเกม มี เมซุต โอซิล เล่นหน้าไลน์ มี โรนัลโด้ อยู่ปีกซ้าย อังเคล ดิ มาเรีย อยู่ปีกขวา
อลอนโซ่ ยกย่องว่า โรนัลโด้ ทำให้ทุกอย่างง่าย บางครั้งเขาได้บอล แค่มองหาและจ่ายบอลให้ จากนั้น โรนัลโด้ ก็จะใช้ความสามารถเฉพาะตัวจัดการเอง
"ใน มาดริด สไตล์การเล่นส่วนใหญ่ เน้นการทรานซิสชั่น บอลไดเรค ไม่ค่อยเน้นการเล่นร่วม" (collaboration)
"ทีมเล่นเกมรุกด้วยแอ็คชั่นที่รวดเร็วฉับไว แต่เกมรุกมีศักยภาพสูงมาก ทีมยิงประตูได้เยอะมาก ทีมสามารถยิงประตูได้แม้กระทั่งไม่มีจังหวะการเล่นอะไรเลย" อลอนโซ่ อธิบาย
จากบอลไดเรค เน้นทรานซิสชั่น ไม่เน้นประสานงาน อลอนโซ่ ย้ายมาอยู่ บาเยิร์น มิวนิค (2014-2017) และนี่คือช่วงเวลาที่ส่งผลกระทบต่อมุมมองด้านฟุตบอล อลอนโซ่ อย่างมาก
ฟุตบอลในแบบฉบับของ เป๊บ กวาร์ดิโอล่า สร้างแรงบันดาลใจให้เขา
พีเรียดนี้ของ อลอนโซ่ เล่นเป็นหมายเลข 6 มีมิดฟิลด์ตัวรุกขนาบข้าง 2 คน
กับตำแหน่งนี้ อลอนโซ่ อธิบายว่า เขาต้องคอนเนคกับเซนเตอร์ฮาล์ฟทั้งสองคนของทีม เพื่อครีเอตการบิวด์อัพที่เหมาะสม
เขาคือตัวเริ่มเกมของทีม ต้องสร้างพื้นที่ในการจ่ายบอลให้เซนเตอร์ฮาล์ฟ ต้องระวังหมายเลข 10 ของฝั่งตรงข้ามที่คอยตามติด
ต้องคอยอ่านสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา เมื่อเห็นว่าเซนเตอร์ฮาล์ฟกำลังตกที่นั่งลำบาก หรือ อาจจะตกที่นั่งลำบากจากการกดดันของคู่กองหน้าฝั่งตรงข้าม เขาจะต้องลงต่ำไปช่วย แม้กระทั่งลงไปแทรกอยู่ตรงกลางระหว่างคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟ
อลอนโซ่ ยอมรับว่าตลอดเวลา 3 ปีที่ บาเยิร์น กับการเล่นตำแหน่งนี้ เขาได้เรียนรู้อะไรมากมาย ได้วิชั่นส์ใหม่ๆ เข้าใจเกมในอีกรูปแบบเพราะเขาต้องควบคุมมัน
จากนั้น อลอนโซ่ จึงมาลองวิชากับทีมเยาวชนของ มาดริด ระยะสั้นๆ (2018-2019)
กับการจับงานโค้ชครั้งแรก อลอนโซ่ วางแนวทางให้ทีมเล่นเกมรุกเป็นหลัก เปิดเกมรุกก่อนคู่ต่อสู้ เป็นฝ่ายครอบครองบอล สอนให้ผู้เล่นรู้วิธีที่จะเชื่อมต่อกับเพื่อนร่วมทีม มีการรักษาระยะห่างที่ดี
ในงานโค้ชครั้งแรก อลอนโซ่ เลือกเล่นในระบบ 4-3-3 เป็นหลัก แต่บางครั้งก็เล่นหลัง 3 คน มิดฟิลด์ 2 หรือจะเรียกว่าระบบ 3-2-2-3
สาเหตุที่ใช้หน้า 3 เพราะ อลอนโซ่ ต้องการให้มีสิ่งเร้าที่แตกต่างกัน ไม่อยากให้ทีมเล่นได้แค่สถานการณ์เดีย
หลักๆใช้เซนเตอร์ 2 คนในการบิวด์อัพ ส่วนเซนเตอร์ฯอีกคนจะต้องทำหน้าที่ต่างออกไป จะต้องขยับขึ้นไปเล่นเกมรุก
จาก มาดริด เยาวชนตัดตอนช่วงทีมเยาวชน เรอัล โซเซียดาด ไปที่การคุม เลเวอร์คูเซ่น (2022-2025) ซึ่งเขาคุมทีมลงเล่นทั้งหมด 140 นัด
ในการคุม เลเวอร์คูเซ่น อลอนโซ่ เริ่มต้นด้วยระบบ 3-2-4-1 แต่ระหว่างเกมจะมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งอยู่ตลอดเวลา ทำให้ยากต่อการคาดเดาของคู่ต่อสู้
ในการบิวด์อัพ ชาบี ใช้ระบบ 4-2-4 ด้วยเชฟการยืนที่ไม่สมมาตร
อเล็กซ์ กริมัลโด้ วิงซ้าย ดร็อปลงมายืนเป็นแบ็กโฟร์ แต่ฝั่งขวา เฌเรมี่ ฟริมปง ยืนตำแหน่งอยู่ในลักษณะเดิม
การบิวด์อัพจะเคลื่อนไปตามตำแหน่ง ลักษณะคือการทดแทนตำแหน่งของกันและกัน
นอกจากนี้ยังอาศัยการเพรสซิ่งของคู่แข่งเป็นเหมือนอาวุธเล่นงานกลับ เพราะในทุกครั้งที่คู่แข่งเคลื่อนที่เข้ามาเพรส จะเกิดพื้นที่ว่าง และ เลเวอร์คูเซ่น ของเขาจะใช้ประโยชน์จากจุดนี้ นักเตะจะเตรียมเคลื่อนที่ล่วงหน้าทันทีเพื่อไปยังอีกจุดนึง
ตัวอย่างเช่น เมื่อ เอ็ดมอนด์ แท็ปโซบา ออกบอลให้ กรานิต ชาก้า , โจนาธาน ทาห์ จะขยับทันที เพื่อรอรับบอลจาก ชาก้า
เมื่อบอลมาถึง ทาห์ จังหวะต่อไป อเลฆานโดร ปาลาซิออส ก็จะเคลื่อนที่เพื่อรับบอล เมื่อคู่ต่อสู้ขยับเข้ามาไล่ โดยมากจะเปิดพื้นที่ระหว่างไลน์ให้
และ ฟลอรียน เวี๊ยต ก็จะดร็อปลงมาเพื่อเอาบอลระหว่างไลน์
เมื่อบอลจาก ปาลาซิออส ไปสู่ เวี๊ยต เกมรุกของ เลเวอร์คูเซ่น ที่แท้จริงก็จะเริ่มต้นขึ้น
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงแค่การยกตัวอย่างจากหนึ่งในหลากหลาย scenario เท่านั้น ในสถานการณ์จริงตัวรับ-ส่งบอล สามารถปรับเปลี่ยนไปได้เรื่อยๆ เนื่องจาก อลอนโซ่ ยังมีแพทเทิร์นการขึ้นเกมเป็นกระตั๊ก !
ดูรวมๆแบบไม่คิดอะไร มันคือการต่อบอลตามช่องไปเรื่อยๆ
แต่ลึกลงไปแล้วรายละเอียดสำคัญที่ เลเวอร์คูเซ่น ของ อลอนโซ่ ทำไปพร้อมๆกันคือการเคลื่อนไปยังพื้นที่ว่าง และ การสร้างพื้นที่
สรุปแล้ว แก่นการเล่นที่แท้จริงคือ "การมองหาพื้นที่ว่างอยู่เสมอ" ซึ่งการจะได้มาซึ่งพื้นที่ว่างนั้น อลอนโซ่ เลือกใช้การเคาะบอลและเคลื่อนที่เรื่อยๆ
อาศัยการเพรสซิ่งของคู่ต่อสู้เป็นอาวุธย้อนเล่นงานกลับ เพราะในทุกๆครั้งที่การเพรสซิ่งเริ่มขึ้น แม้พื้นที่นึงจะถูกปิดตาย แต่ก็จะมีพื้นที่นึงเปิดออกอยู่เสมอ
นอกจากวิธีการนี้แล้ว อลอนโซ่ ยังมีอีกหลายรูปแบบในการแก้ปัญหา
ตัวอย่างเช่น หาก ชาก้า ถูกปิดตายไม่สามารถออกบอลให้ได้โดยง่าย ปาลาซิออส ก็จะดร็อปลงมาในระนาบเดียวกันเพื่อให้คู่แข่งสับสนว่าจะเข้าประกบใครดี
ตรงนี้ เซนเตอร์ ก็จะประเมินสถานการณ์ว่าใครคือคนที่มีศักยภาพในการรับบอลสูงสุดในเวลานั้น
อีกหนึ่งวิธีที่ ชาบี อลอนโซ่ ชอบเล่นมากๆคือการโอเวอร์โหลดคน
กับ เลเวอร์คูเซ่น ที่เราเห็นทำอยู่บ่อยๆคือการโอเวอร์โหลดนักเตะไปอยู่ทางกราบขวา ยืนสร้างเกมร่วมกันเป็นบล็อค 6 คน ซึ่งในเวลาเดียวกัน กรีมัลโด้ จะสอดขึ้นไปทางซ้าย เมื่อคู่ต่อสู้เข้ามาเพรสซิ่ง บอลจะถูกเคลื่อนไปมาจนช่องเปิด และสุดท้ายบอลจะถูกส่งไปยังพื้นที่ว่างที่ กรีมัลโด้ สร้างไว้ทางซ้าย
ทั้งหมดที่เอ่ยถึง เป็นเพียงเศษเสี้ยวของวิธีการและรูปแบบการเล่นของ alonso's ball ซึ่งคาดกันว่าเขาจะนำมันมาติดตั้งในทีมเรอัล มาดริด
หลับตาแล้วจินตนาการ มาดริด ยุค อลอนโซ่ จะเป็น มาดริด ที่เปี่ยมด้วยพลังงาน เน้นการเคลื่อนที่ เน้นการเล่นร่วม ผ่านการพาสซิ่งที่แม่นยำ และเต็มไปด้วยความเข้าใจ เพื่อสร้างพื้นที่ นำไปสู่ครอบครองบอล และสุดท้ายจบที่การยิงประตู
มาดริด จะเป็นบอลเกม ! แบบที่ ฟลิค ปลูกฝังให้กับ บาร์ซ่า !!
กระนั้นเงื่อนไขที่สำคัญที่สุดคือ นักเตะมาดริดชุดนี้ไม่คุ้นเคยกับการเล่นที่ว่า
มาดริด ยุคปัจจุบัน ก็เหมือน ลิเวอร์พูล ของ เบนิเตซ และ มาดริด ของ มูรินโญ่ ในอดีต ยืนไลน์เกมรับค่อนข้างต่ำ บอลเร็ว และไดเรค
เกมรุกจะเป็นอย่างไร ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับจินตนาการของตัวรุก
กับ วินิซิอุส ถึงแม้จะประจำอยู่ฝั่งซ้าย แต่บทบาทที่แท้จริงคือ freee man อันเชล็อตติ ให้อิสระเขาในทุกด้าน ทั้งการเคลื่อนที่ และไอเดีย
จะวิ่งช่อง หรือ รอรับบอลแล้วค่อย take action ไปตามสถานการณ์ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเขาเป็นหลัก ซึ่งไม่ว่า วินิซิอุส จะเลือกเล่นแบบไหน ผู้เล่นคนอื่นๆจะต้องปรับตัวตาม
เมื่อเกมของ มาดริด ส่วนใหญ่ระหว่าง 90 นาที ดำเนินไปในลักษณะนี้ performance ของ วินิซิอุส จึงมีอิทธิพลต่อผลแข่งขันสูงมากซึ่งมีทั้งผลดีและผลเสีย
อัลบาโร่ เบนีโต้ อดีตนักเตะเรอัล มาดริด (1995-2022) แสดงทัศนะถึงเรื่องนี้ได้อย่างน่าคิดว่า สิ่งที่ยากและท้าท้ายที่สุดสำหรับ อลอนโซ่ ก็คือ "การทำให้นักเตะมาดริดยอมรับกับการเล่นที่เน้นแท็คติกอย่างเข้มข้น"
เบนีโต้ มองว่าที่ เรอัล มาดริด อาจเป็นเรื่องยากมากที่ อลอนโซ่ จะทำในแบบเดียวกับที่เขาทำที่ เลเวอร์คูเซ่น เนื่องจาก เลเวอร์คูเซ่น เป็นทีมที่มีผู้เล่นที่เชื่อฟังในแง่ของความเข้มงวดทางแท็คติก
อดีตที่ผ่านมามีกุนซืออย่างน้อย 2 คนที่พยายามใส่แท็คติกอันเข้มข้นลงไปในทีม มาดริด แต่ล้วนประสบความล้มเหลว
กรณีนี้ เบนีโต้ ยกตัวอย่างถึง ราฟา เบนิเตซ กับ ยูเลน โลเปเตกี
อย่างไรก็ตาม เบนีโต้ มองว่า ถ้าจะมีใครสักคนที่ทำสำเร็จ ทำให้นักเตะมาดริดยอมเปลี่ยนแปลงวิธีคิด เปลี่ยนแนวทาง ปรับทัศนคติ ก็เห็นจะเป็น
อลอนโซ่ นี่เอง
“ไม่ใช่ว่าทุกทีมจะเหมือนกัน แต่แน่นอนว่า อลอนโซ มีความสามารถ เนื่องจากความรู้ บุคลิกภาพ ความคุ้นเคยกับสโมสรของเขา"
"ผมหวังว่าเขาจะสามารถนำแนวคิดนี้มาใช้กับเรอัล มาดริดได้”
ครับ สำหรับ มาดริดิสต้า ส่วนใหญ่ จากที่ติดตามผลงานของ อลอนโซ่ มาก็คงหวังเช่นนั้นเหมือนกัน
ทุกคนอยากพูดออกมาดังๆอย่างที่ อลอนโซ่ ตั้งใจไว้
"ว้าว นี่แหละ มาดริด ที่ฉันชอบ !!"
เจมส์ ลาลีกา