ลูก้า โมดริช กล่าวอำลากับ มาดริดิสต้า แล้วเมื่อช่วงค่ำวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สิ้นสุดการเดินทางอันแสนมหัศจรรย์ระหว่างเขากับ เรอัล มาดริด ตลอดช่วงระยะเวลา 13 ปี
6 แชมเปี้ยนส์ลีก, 4 แชมป์ ลา ลีกา ,5 แชมป์สโมสรโลก , 2 แชมป์โกปา เดล เรย์,5 แชมป์ซูเปร์โกปา, 5 แชมป์ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ, 1 แชมป์อินเตอร์คอนติเนนตัลที่มิดฟิลด์โครแอต หรือ 'เอล บินาเกร' ของเพื่อนๆคว้ามาครอบครอง บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า การเดินทางนี้ประสบความสำเร็จมากเพียงไร
แต่ความสำเร็จนั่นไม่ใช่พรสวรรค์เพียงอย่างเดียว หากแต่มาจากความมุ่งมั่นทุ่มเท สู้อย่างไม่ลดละ เมื่อปีแรกของการมายัง มาดริด จบลงด้วยการถูกโหวตให้เป็น 'การซื้อที่น่าผิดหวังที่สุดแห่งปี 2012'
ตลอดชีวิตเทรนเนอร์อันแสนโลดโผนของ โชเซ่ มูรินโญ่ เขาอาจทำอะไรไม่ถูกไม่ควรหลายอย่าง ทว่ามุมมองด้านฟุตบอลยังคงเฉียบขาดเสมอ
'มู' ชื่อเรียกสั้นๆจากสื่อสเปน บอกกับ มาดริดิสต้า ในวันนั้นเมื่อ 13 ปีก่อนว่า "ขอให้อดทนรอ ขอเวลาให้ โมดริช อีกสักหน่อย เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก แล้ว เบร์นาเบว จะตกหลุมรักคลาสฟุตบอลของเขา"
จากวันนั้นถึงวันนี้ 589 เกม ไม่ผิดแม้สักเสี้ยวคำพูดเดียว
โมดริช ทำให้ เบร์นาเบว ตกหลุมรักฟุตบอลของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า
ทั้งโลกให้การยอมรับ ยกย่องให้เป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดในโลก การันตีจากหลายสถาบัน
บัลลงดอร์ในปี 2018 คือหนึ่งในบัลลงดอร์ที่ใสสะอาดและไร้ข้อถกเถียงที่สุดครั้งนึง
อย่างที่เจ้าตัวเขียนอำลาไว้ โมดริช ผ่านช่วงเวลาอันน่าจดจำมากมายกับ มาดริด
เผื่อใครลืมไปแล้ว โมดริช คือคนเปิดลูกเตะมุมให้ รามอส โขกตีเสมอ แอต.มาดริด ที่ ลิสบอน ก่อนทัพชุดขาวจะพลิกสถานการณ์เถลิงแชมป์ ลา เดซิม่า อย่างยิ่งใหญ่
แล้วยังมีจ่ายลูกไซด์ก้อยซิกเนเจอร์ให้ โรดรีโก้ ยิงไล่ เชลซี เป็น 1-3 ใน ชปล. 2021/22 รอบควอเตอร์ไฟนั่ล ช่วยให้ทีมรอดจากการตกรอบ ก่อน มาดริด จะไปถึงแชมป์สมัยที่ 14 ด้วยการล้ม ลิเวอร์พูล 1-0 ที่ แซ็ง-เดอนี
หรือลูกยิงสวยๆใส่ แมนฯยูไนเต็ด,แอธ.บิลเบา,บาเลนเซีย,กรานาด้า,บียาร์เรอัล,เรอัล โซเซียดาดฯ
ไม่เพียงแค่ยิงประตูและการเล่นที่ชาญฉลาดอัดแน่นด้วยคลาสฟุตบอลอันนำมาซึ่งความสำเร็จระดับประวัติศาสตร์ โมดริช ยังเป็นหนึ่งในผู้นำคนสำคัญของ มาดริด ตลอดกว่าหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา
ในสนาม เขาไม่ลังเลที่จะตะโกนด่า ตักเตือน นักเตะคนไหนก็ตามที่เห็นว่ากำลังหลุดออกจากเกม
อิสโก้,วินิซิอุส,มิลิเตา หรือกระทั่ง เอ็มบั๊บเป้ ล้วนผ่านฝีปาก โมดริช มาหมดแล้ว
กับฟุตบอล โมดริช จริงจังในทุกขั้นตอน กับการซ้อมเขาก็จริงจังมากถึงมากที่สุด ทุกครั้งต้องเต็มที่ และนั่นเป็นที่มาของฉายา 'บีนาเกร' (vinagre) หรือ น้ำส้มสายชูสเปน เพราะเขาจะหงุดหงิดจนทุกคนสัมผัสได้ถึงความเปรี้ยวในทุกครั้งที่แพ้ในสนามซ้อม
แต่เพื่อนร่วมทีมทุกคนไม่มีใครโกรธเลย ด้วยตระหนักว่าทุกสิ่งที่ โมดริช ทำนั่นคือแบบอย่างที่ควรปฏิบัติตาม ในทีมจะรู้กันว่าเมื่อไหร่ที่โดน โมดริช ตำหนิ เมื่อนั้นคุณต้องปรับปรุงตัว
โมดริช จริงจังเมื่ออยู่ในสนาม นอกสนามเขาคือคนที่จริงใจที่สุดคนนึงเท่าที่คุณจะหาได้
ระหว่างซีซั่น 2012/13 ไมเคิ่ล เอสเซียง จัดงานฉลองวันเกิด เขาออกปากเชิญเพื่อนร่วมทีมมาดริดทุกคนมาร่วมงาน ทุกคนตอบรับ แต่เมื่อถึงเวลาแทบไม่มีใครมา
ในงานวันเกิดวันนั้น ทั้งงานมีเพียง 3 คน คือ เอสเซียง,ริการ์โด้ การ์วัลโญ่ และแน่นอน...โมดริช
โมดริช ให้ความสำคัญกับทุกความสัมพันธ์ กระทำทุกอย่างด้วยความจริงใจ ทำตัวเป็นแบบอย่างเสมอ เมื่อรวมกับวิชั่นส์กับฝีเท้าอันสุดยอดในเกมลูกหนังแล้วจึงทำให้เขาเป็นที่เคารพนับถือของนักเตะมาดริดทุกคน
ข้อความ tribute ถึง โมดริช จาก โรดรีโก้ นั้น กองหน้าบราซิเลี่ยนเลือกขึ้นต้นโยคด้วยการเรียก โมดริช ว่า 'ป๊ะป๋า'
นั่นสามารถอธิบายได้เป็นอย่างดีว่า โมดริช เป็นอย่างไรในสายตาของนักเตะรุ่นหลัง
แต่จากนี้ เวลาของ โมดริช กำลังเริ่มนับถอยหลัง ยุคสมัยแห่งการเปลี่ยนแปลงใน มาดริด เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ
นับจาก กาเซมีโร่ ในปี 2022 ,โครส ในปี 2024 และ โมดริช ในปีนี้ 3 มิดฟิลด์ที่ได้รับการยกย่องว่าดีที่สุดในประวัติศาสตร์มาดริดกำลังจะกลายเป็นอดีตอย่างสมบูรณ์แบบ
สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าตามคำนิยามของ คาร์โล อันเชล็อตติ จะไม่มีอีกต่อไปแล้ว
หลังสิ้นสุดทัวร์นาเมนท์ชิงแชมป์สโมสรโลก มาดริดิสต้า จะไม่ได้เห็น โมดริช สวมเสื้อมาดริดไล่หวดลูกหนังอีกต่อไป ฉากชีวิตนักเตะของเขาจะปิดด้วยเลยหรือไม่ หรือไปต่อ ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ
ถึงไม่ได้รัก ไม่ได้เชียร์ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ารู้สึกนับถือและชื่นชมในฝีเท้า,ความสำเร็จและการวางตัวของ โมดริช ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาจริงๆ
ใจหายครับ เจนฯนี้กำลังจะไปกันหมดแล้วสินะ
Adios Luka !
#เจมส์ลาลีกา