อันซู ฟาติ เคยเป็น "ลามีน ยามาล" มาก่อน! ดาวรุ่งผู้ถูกลืมของบาร์เซโลน่า เกิดอะไรขึ้นกับเขา?

อันซู ฟาติ เคยเป็น "ลามีน ยามาล" มาก่อน! ดาวรุ่งผู้ถูกลืมของบาร์เซโลน่า เกิดอะไรขึ้นกับเขา?
ก่อนที่ "ลามีน ยามาล" จะกลายเป็นดาวรุ่งมหัศจรรย์ของบาร์เซโลน่า ชื่อของ "อันซู ฟาติ" คือสัญลักษณ์แห่งความหวังในถิ่นคัมป์ นู — แต่เหตุใดเขาจึงหายไปจากแสงสปอตไลต์?

เมื่อย้อนดูเส้นทางของ 2 ดาวรุ่งจาก “ลา มาเซีย” เปรียบเทียบกันแบบตัวต่อตัว จะเห็นได้ว่าทั้ง ยามาล และ ฟาติ ต่างก็แจ้งเกิดในวัยที่ใกล้เคียงกัน และมีพรสวรรค์ที่เกินวัยจนถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของ บาร์เซโลน่า อย่างรวดเร็ว

แต่สิ่งที่แตกต่างกันชัดเจนคือ “จังหวะชีวิต” และ “การจัดการเส้นทางอาชีพ”

- อันซู ฟาติ: ดาวรุ่งที่ถูกเร่งเกินไป และจบลงด้วยอาการบาดเจ็บ

ฟาติ เปิดตัวในทีมชุดใหญ่เมื่ออายุเพียง 16 ปี และกลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญทันที ด้วยสถิติ 41 นัด 13 ประตู 4 แอสซิสต์ ก่อนอายุ 18 ปี แต่ปัญหาเริ่มต้นขึ้นเมื่อเขาได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่าอย่างรุนแรงในเดือนพฤศจิกายน 2020 ซึ่งนำไปสู่การพักรักษาตัวนานถึง 9 เดือน

หลังกลับมา แม้จะมีโอกาสลงเล่นกับทีมชุดใหญ่และถูกปล่อยยืมไปเก็บประสบการณ์กับไบรท์ตัน แต่ฟอร์มของเขากลับไม่เคยกลับมาอยู่ในระดับเดิม และในฤดูกาลล่าสุดกับบาร์ซ่า ฟาติลงสนามเพียง 10 นัด และไม่สามารถแย่งตำแหน่งตัวจริงกลับมาได้อีก

- ลามีน ยามาล: ดาวรุ่งที่เติบโตภายใต้จังหวะที่ใช่

ตรงกันข้าม ยามาล ดูเหมือนจะได้เรียนรู้จากกรณีของฟาติอย่างชัดเจน โค้ชและทีมงานของบาร์ซ่ามีความระมัดระวังมากกว่าในการใช้งานเจ้าหนูวัย 17 ปีคนนี้ แม้จะปล่อยให้ลงเล่นต่อเนื่อง แต่มีการจัดการเวลาและจังหวะอย่างเหมาะสม ไม่เร่งไม่ผลักให้เขาเป็น “ความหวังหนึ่งเดียว” จนเกินไป

ยามาลไม่ได้เพียงแค่มีพรสวรรค์ แต่ยังเล่นด้วยความมั่นใจและมีระบบสนับสนุนที่รัดกุมมากกว่าในยุคของฟาติ

- บทเรียนของบาร์เซโลน่า: ดาวรุ่งต้องการมากกว่าพรสวรรค์

เคสของ อันซู ฟาติ สะท้อนให้เห็นว่าแม้จะมีพรสวรรค์แค่ไหน หากไม่มีการดูแลและจัดการเส้นทางอย่างรอบคอบ ก็อาจสูญเสียอนาคตไปได้ง่าย ๆ โดยเฉพาะกับนักเตะวัยรุ่นที่ร่างกายยังไม่พร้อมรับมือกับความถี่ของเกมระดับสูง

บาร์เซโลน่า อาจยังเจ็บจากการที่ฟาติไม่สามารถเติบโตเป็นซูเปอร์สตาร์อย่างที่หวัง แต่ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็กำลังใช้บทเรียนนี้ในการปั้น ลามีน ยามาล ให้เดินบนเส้นทางที่มั่นคงและยั่งยืนกว่าเดิม

ที่มาของภาพ : Getty
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport