ไม่มี ซาลาห์ ไม่ขาดใจ, ดาวรุ่งมรดกชั้นดี! 5 ประเด็นเด็ด ลิเวอร์พูล ถลุง นอริช ศึก เอฟเอ คัพ

การประกาศอำลาตำแหน่งของ เจอร์เก้น คล็อปป์ กลายเป็นการจุดไฟแห่งความมุ่งมั่นของบรรดาขุนพลลิเวอร์พูล ในการงัดฟอร์มสุดยอดด้วยการไล่ทุบ นอริช ซิตี้ 5-2 ที่สนามแอนฟิลด์ ในศึกเอฟเอ คัพ รอบ 4 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 มกราคมที่ผ่านมา โดยสิ่งที่น่าสนใจมากๆ ก็คือแม้ทีมขาด โม ซาลาห์ แต่แนวรุกของทีมยังคงดุดัน และน่าจะอันตรายยิ่งขึ้นกว่าเดิม

ขณะที่ คอเนอร์ แบรดลี่ย์ ยิ่งเล่นยิ่งมั่นใจ นอกจากจะเล่นเกมรุกดุดันแล้ว การเปิดบอลก็เฉียบคม ส่งผลให้เขาทำได้ 2 แอสซิสต์ ส่วนดาวรุ่งอีกคนที่ไม่ชมไม่ได้เลยนั่นก็คือ เจมส์ แม็คคอลเนลล์ ลงตัวจริงแมตช์แรกและทำ 1 แอสซิสต์ แถมยังเล่นด้วยความมั่นใจมากๆ

สำหรับตอนนี้ "เดอะ เร้ดส์" กำลังเดินหน้าเพื่อสร้างความทรงจำที่งดงามที่สุดให้กับ คล็อปป์ สำหรับฤดูกาลสุดท้ายของเขาในถิ่นแอนฟิลด์ ส่วนจะเป็นความทรงจำที่ยิ่งใหญ่ขนาดไหนต้องมาลุ้นกันจนกระทั่งจบซีซั่น 

1. ไม่มี ซาลาห์ ไม่ใช่ปัญหา

ตอนที่รู้ว่า โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ต้องไปรับใช้ทีมชาติอียิปต์ ในศึกแอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ เชื่อว่าสาวก "เดอะ ค็อป" คงรู้สึกใจหาย เนื่องจากหวาดหวั่นว่าเกมรุกของทีมจะขาดประสิทธิภาพ เพราะทั้ง ดาร์วิน นูนเญซ และ โคดี้ กัคโป ยังไม่สามารถฝากผีฝากไข้ได้เท่าที่ควร 

อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่ที่ "บังโม" ไม่อยู่แนวรุกของ "หงส์แดง" ยังคงดุดันหรือน่าจะอันตรายยิ่งกว่าเดิมด้วยซ้ำ โดยเฉพาะ นูนเญซ กับ ดีโอโก้ โชต้า ที่ประสานงานกันได้อย่างลงตัว โดยมี หลุยส์ ดิอาซ และ กัคโป คอยทำหน้าที่สอดแทรกเพื่อสร้างความแตกต่าง

ต้องยอบว่าในช่วงที่ ซาลาห์ ไม่อยู่ โชต้า ถือเป็นความหวังในแดนหน้าอย่างแท้จริง ขณะที่ นูนเญซ สามารถสวมบทหน้าเป้าได้ดี และยังโดดเด่นเมื่อขยับไปยืนทางริมเส้นฝั่งซ้าย 

สำหรับตอนนี้ หัวหอกทีมชาติโปรตุกีส มีส่วนเกี่ยวข้องกับ 9 ประตูใน 10 เกมหลังสุดของ "เดอะ เร้ดส์" ส่วน นูนเญซ ตะบันไปแล้ว 10 ประตูในทุกรายการ ฉะนั้นทั้งคู่กำลังอยู่ในช่วงฟอร์มร้อนแรงสุดๆ แน่นอนว่าแฟนหงส์คงอยากเห็นพวกเขารักษาผลงานแบบนี้เมื่อ ซาลาห์ กลับมาช่วยทีมอีกครั้ง 

2. ดาวรุ่งมรดกล้ำค่าจาก คล็อปป์ 

หลังจากที่ คล็อปป์ ประกาศอำลาตำแหน่งหลังจบฤดูกาลนี้ แน่นอนว่านี่คือเรื่องที่น่าเศร้าสำหรับแฟนบอล "หงส์แดง" แต่ก็ต้องยอมรับการตัดสินใจของ "บอส" อย่างไรก็ตามหนึ่งในสิ่งที่เขาได้ทิ้งเอาไว้ให้กับทีมก็คือบรรดาดารุ่งชั้นยอด

จาร์เรลล์ ควอนซาห์, คอเนอร์ แบรดลี่ย์ และ เจมส์ แม็คคอนเนลล์ ได้โอกาสลงสนามพร้อมกัน ซึ่งนั่นเป็นการแสดงให้เห็นว่า นายใหญ่ชาวเยอรมัน มีความเชื่อมั่นในศักยภาพของทั้ง 3 ดาวรุ่งเหล่านี้มากขนาดไหน

สำหรับ ควอนซาห์ และ แบรดลี่ย์ ตอนนี้สามารถก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญของทีมได้แล้ว หลังจากที่พิสูจน์ศักยภาพของพวกเขาให้เห็นมาแล้วทั้งในเกมลีก, ฟุตบอลถ้วยในประเทศ และยูฟ่า ยูโรปา ลีก 

ขณะที่ แม็คคอนเนลล์ เป็นอีกแข้งดาวรุ่งที่ได้รับโอกาสเดบิวต์ตัวจริง และก็ไม่ทำให้เจ้านายผิดหวังเมื่อโชว์ฟอร์มในแผงมิดฟิลด์ได้ยอดเยี่ยม เล่นได้นิ่งทั้งๆ ที่อายุเพียง 19 ปี ที่สำคัญยังจัด 1 แอสซิสต์ด้วย ส่วน แบรดลี่ย์ ทำ 2 แอสซิสต์

เชื่อว่ามรดกที่ คล็อปป์ ทิ้งเอาไว้ให้ไม่เพียงแค่การวางรากฐานที่เข็มแข็งให้กับทีมเท่านั้น แต่พวกนักเตะดาวรุ่งเหล่านี้จะมีขึ้นมาให้เห็นอย่างต่อเนื่อง และเป็นกำลังหลักของทีมในอนาคต 

3. ตัวหลักกลับมาพร้อมฟิตสมบูรณ์

หนึ่งในเรื่องที่น่ายินดีสำหรับแมตช์นี้ก็คือการได้เห็นนักเตะคีย์แมนของทีมหายเจ็บกลับมาลงสนามเคาะสนิทออกจากหน้าแข้ง ซึ่งนั่นเป็นสัญญาณที่ดีเยี่ยมสำหรับช่วงครึ่งซีซั่นหลังของฤดูกาลนี้ 

ก่อนหน้านี้ "หงส์แดง" ต้องเจอวิกฤตินักเตะตัวหลักโดนโรคเดี้ยงเล่นงานทั้ง โดมินิค โซโบซไล, เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน และ คอสตาส ซิมิกาส 

ทำให้ คล็อปป์ ต้องปรับทัพด้วยการจับ โจ โกเมซ ไปยืนแบ็กซ้าย ส่วน แบรดลี่ย์ ทำหน้าที่แทน "รองเทรนต์" ซึ่งทั้งสองคนก็รับบทบาทได้อย่างดีไม่มีที่ติ จนสามารถเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปได้อย่างสมบรูณแบบ

สำหรับตอนนี้ โซโบซไล, อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และ โรเบิร์ตสัน กลับมาฟิตสมบูรณ์ และได้ลงเล่นเป็นตัวสำรองในแมตช์นี้ พร้อมกับโชว์ฟอร์มได้ดีทั้งหมดด้วย ดังนั้นเชื่อว่าในแมตช์ดวล เชลซี เกมลีก วันพุธที่ 31 ม.ค. คงได้เห็นพวกเขาลงเล่นตัวจริงแน่นอน 

4. "รองเทรนต์"+แบรดลี่ย์ เล่นคู่กัน 

สิ่งที่แฟนบอลลิเวอร์พูลอย่างเห็นมากๆ ในตอนนี้ก็คือ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ลงสนามพร้อมกับ แบรดลี่ย์ เพราะนั่นหมายความว่าจะเป็นนิมิตหมายที่ดีสำหรับการปรับแท็กติคของ คล็อปป์ แบบเต็มสูบ

ช่วงที่ผ่านมาหลายคนมักจะเรียกร้องให้ "รองเทรนต์" ทำหน้าที่กองกลางเต็มตัว หลังจากแสดงผลงานได้อย่างโดดเด่นในตำแหน่งอินเวอร์ท ฟูลแบ็ก และเวลาที่ลงเล่นให้ทีมชาติอังกฤษ บ่อยครั้งที่ แกเร็ธ เซาธ์เกต จะเลือกจับเขายืนอยู่ในแผงมิดฟิลด์

เหตุผลที่ กุนซือเลือดด๊อยท์ช ยังไม่สามารถจับ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ยืนตำแหน่งมิดฟิลด์เต็มตัว เพราะเขายังหาคนที่จะมาทำหน้าที่แบ็กขวาไม่ได้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าทุกอย่างน่าจะลงตัวแล้ว เมื่อ แบรดลี่ย์ ตอบโจทย์ที่รอคอยมานานได้สำเร็จ

การได้เห็น คล็อปป์ เปลี่ยนตัว สตาร์ชาวอังกฤษ ลงสนามโดยที่ไม่ถอด แบรดลี่ย์ ออก เป็นการบ่งบอกว่าเขาพร้อมที่จะจับ "รองเทรนต์" สวมบทมิดฟิลด์แล้ว และเกมนี้เจ้าตัวก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะฟอร์มการเล่นโดดเด่นมากๆ ทั้งการเล่นที่มีอิสระ, จ่ายบอลแม่นยำ และมีโอกาสยิงไกล ด้วย 

5. เดินหน้าสร้างความทรงจำร่วมกับ คล็อปป์ 

สำหรับตอนนี้สิ่งที่บรรดาพลพรรค "หงส์แดง" ต้องการทำก็คือการสร้างความทรงจำที่งดงามที่สุดเท่าที่จะทำได้สำหรับฤดูกาลสุดท้ายภายใต้การกุมบังเหียนของ คล็อปป์ 

"เดอะ เร้ดส์" เดินหน้าเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ศึกเอฟเอ คัพ ขณะเดียวกันพวกเขายังทะลุเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ เกมคาราบาว คัพ พบ เชลซี ส่วนในศึกพรีเมียร์ลีก ก็รั้งตำแหน่งจ่าฝูง และยูฟ่า ยูโรปา ลีก ได้เล่นในรอบน็อกเอาต์

การลุ้น 4 แชมป์ในฤดูกาลนี้ อาจจะเป็นเรื่องที่ยากมากๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เพราะด้วยฟอร์มการเล่นที่กำลังดุดัน กอปรกับแรงกระตุ้นจากการที่ คล็อปป์ เตรียมอำลาทีม อะไรที่ไม่น่าเป็นไปได้ก็อาจเป็นไปได้

ฉะนั้นในแมตช์ต่อไปที่จะพบกับ เชลซี ในเกมลีก แม้จะเป็นเกมที่ยากลำบาก แต่ด้วยภารกิจพิชิตความฝัน งานนี้คงได้เห็นการสู้แบบถวายหัวเพื่อ "บอส" 

ทอมเม้ง


ที่มาของภาพ : gettyimages,
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport