สเปอร์ส คว้าแชมป์ ยูโรปา ลีก หลังจากเฉือนเอาชนะ แมนยูไนเต็ด ไปได้ด้วยสกอร์ 1-0 และต่อไปคือสิ่งที่เด็กผีอย่างผมอยากจะบอกทุกท่าน
1. สารภาพตามตรงว่าผมโคตรเศร้าใจที่ตอนจบของ 'ปีศาจแดง' มันออกมาแบบนี้ พวกเขาไม่ดีพอที่จะประสบความสำเร็จในฤดูกาลที่โคตรบัดซบ และตบชักมากที่สุดเท่าที่เคยเจอมาเลยทีเดียว
ว่าแล้วก็ขอแสดงความยินดีกับแฟนบอลของทีมตราไก่ทุกหมู่เหล่าอย่างจริงใจกับตำแหน่งแชมป์ที่ห่างเหินมานาน นับตั้งแต่ปี 2008
2. ถ้าผลลัพธ์สุดท้ายของเกม มันบ่งถึงการทำงานและการตัดสินใจของผู้จัดการทีมว่ามันผิดหรือถูก
ในเมื่อ แมนยูไนเต็ด เป็นฝ่ายพ่ายแพ้
ผมไม่ค่อยพอใจกับการจัดตัวของ รูเบน อโมริม อยู่ 2 จุด
จุดแรก ผมคิดว่า มานูเอล อูการ์เต้ ควรจะได้ลงตัวจริงในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลางคู่กับ กาเซมิโร่ เพื่อช่วยกันทำลายเกมคู่แข่ง แถม บรูโน่ แฟร์นันด์ส จะได้ขยับขึ้นไปเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุก - หน้าที่สร้างสรรค์เกมรุกพลางสอดขึ้นไปหาจังหวะยิงประตูแบบไม่ต้องพะวงเกมตรงกลาง
อีกจุดหนึ่งคือ เมสัน เมาต์ ควรเป็นตัวสำรองไปก่อน เพราะลงตัวจริงทีไรแทบไม่เคยสร้างประโยชน์ในเกมรุกอะไรมากมาย
หรือถ้าจะให้ 'บรูโน่' ลงตรงกลาง มิดฟิลด์ตัวรุกคู่ควรจะเป็นตัวจี๊ดๆ อย่าง อเลฮานโดร การ์นาโช่ กับ อาหมัด ดิยัลโล่ ไปเลย !!!
3. เกมที่สูสี และไม่มีใครเหนือกว่าอย่างชัดเจนแบบนี้ มันวัดกันที่ใครผิดพลาด แล้วใครสามารถฉวยโอกาสจากความผิดพลาดของอีกฝ่ายได้มากกว่ากัน
สิ่งที่เกิดขึ้นบนฟลอร์หญ้า คือ สเปอร์ส แทบไม่แสดงความผิดพลาดอะไรออกมา ขณะที่ แมนยูไนเต็ด กลับพลาดง่ายๆ นึกจะเสียประตูก็เสียประตูแม่งดื้อๆ ซะอย่างนั้น !!!
4. ประตูชัยของพญาโต้ง มันก็คือจังหวะที่เปิดเข้ามาธรรมดาๆ มาก ไม่ได้กดดันเกมรับอะไรมากมายให้ตายเหอะ
จังหวะนั้นตัวเข้าชาร์จของ สเปอร์ส อย่าง เบรนแนน จอห์นสัน เล่นไม่ได้ด้วยซ้ำ
แต่กองหลังของปีศาจแดงก็ยังอุตส่าห์สกัดกันแบบสะมะกึ๊กสะมะกั๊ก แถมที่เหี้ยเสียยิ่งกว่าคือ อองเดร โอนาน่า ดันออกอาการลุกลี้ลุกลนจนพุ่งไปควักออกมาไม่ทัน...ซะอย่างนั้น
ไม่อยากโทษนายทวารนะครับ
ทว่ามันอดคิดไม่ได้จริงๆ ว่าถ้าเป็นนายทวารที่มีระดับกว่านี้ มันควรจะป้องกันได้หรือเปล่าวะ ???
เสียประตูแบบไม่น่าเสียแบบนี้ มันทำให้งานของ แมนยูไนเต็ด หนักขึ้นโดยใช่เหตุ
5. แล้วก็รู้ๆ กันอยู่ว่าเกมรุกของ แมนยูไนเต็ด มันห่วยแตกขนาดไหน !!!
ราสมุส ฮอยลุนด์ ลงตัวจริงก็เหมือนต่อให้คู่แข่งไปครึ่งตัวอยู่แล้ว
ปีศาจแดง ครองบอลบุกได้มากกว่าก็จริง แต่การเข้าทำมันเป็นไปแบบตามมีตามเกิด โดยอาศัยความสามารถเฉพาะตัวของนักเตะเป็นสำคัญ
ต่อเมื่อ บรูโน่ แฟร์นันด์ส เล่นไม่ออก อาหมัด ดิยัลโล่ ก็ไม่ใช่นักเตะเทวดา มันก็มีแต่เฉี่ยวไปเฉี่ยวมา หาอะไรเป็นชิ้นเป็นอันไม่ได้
ส่วนผู้เป็นกุนซืออย่าง รูเบน อโมริม ก็ยังยึดมั่นในอุดมการณ์ของตัวเอง แถมความรู้สึกช้า เพราะกว่าจะเปลี่ยนตัวครั้งแรกต้องรอถึงนาทีที่ 71 และกว่าจะยอมถอดกองหลังออกไปสักตัว ต้องรอถึงนาทีที่ 90
กูล่ะเบื่อจริงๆ เลย !!!