ศึกยูฟ่า ยูโรปา ลีก นัดชิง 2025 สเปอร์ส ดวล แมนยู เดิมพันโควตา UCL พร้อมเกร็ดเด็ดก่อนเกม ทั้งสถิติเก่า, ฟอร์มปัจจุบัน, ลุ้นสถิติใหม่ของ โซลันกี้–บรูโน่ และโอกาสลุ้นแชมป์ของ อโมริม–อังเก้
ศึก ยูฟ่า ยูโรปา ลีก มาถึงนัดชิงชนะเลิศกันแล้ว โดยอย่างที่รู้กันดีว่าคู่ชิงเป็นการเจอกันระหว่าง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
นี่ถือเป็นครั้งที่ 6 ที่คู่ชิงดำในเกมถ้วยยุโรประดับเมเจอร์เป็นการเจอกันเองของทีมจากเกาะอังกฤษ ซึ่งเราจะมาพูดถึงเกร็ดของคู่นี้เพื่อรับกระแสเกมสำคัญแบบนี้สักหน่อย
- การเจอกันในถ้วยยุโรป
ก่อนหน้านี้ สเปอร์ส กับ แมนยูไนเต็ด เคยเผชิญหน้ากัยในเกมถ้วยยุโรประดับเมเจอร์มาแล้ว นั่นคือรอบ 16 ทีมสุดท้ายของศึก คัพ วินเนอร์ส คัพ ในฤดูกาล 1963-64 ซึ่งหนนั้น สเปอร์ส เปิดบ้านชนะไปก่อน 2-0 ในนัดแรก แต่ในเกมสอง แมนยูไนเต็ด ล้างแค้นด้วยสกอร์ 4-1 จนทำให้ "ปีศาจแดง" ชนะด้วยสกอร์รวม 4-3
- ตอกย้ำอีกครั้ง ?
หลายคนคงจำกันได้ว่าในฤดูกาลนี้ สเปอร์ส กับ แมนยูไนเต็ด เคยเจอกันมาแล้ว 3 นัด โดยที่ "ไก่เดือยทอง" เอาชนะได้ทั้งหมด ซึ่งหากเกมนี้ทีมของกุนซือ อังเก้ ปอสเตโคกลู ย้ำแค้นได้อีก มันก็จะทำให้ สเปอร์ส กลายเป็นทีมที่ 2 ที่สามารถพิชิต แมนยูไนเต็ด ได้ถึง 4 เกมภายในซีซั่นเดียวกัน ต่อจาก เอฟเวอร์ตัน ที่เคยทำได้ในฤดูกาล 1985-86
ไม่เพียงแค่นั้น มันจะยังทำให้ถือเป็นครั้งที่ 2 ในประวัติศาสตร์ของ สเปอร์ส ที่พวกเขาเอาชนะทีมใดทีมหนึ่งภายในซีซั่นเดียวได้ถึง 4 เกมด้วย ซึ่งเหยื่อรายเดียวก่อนหน้านี้ของ สเปอร์ส ก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล แต่เป็น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นั่นเอง โดยมันเกิดขึ้นในฤดูกาล 1992-93
- พักหลัง แมนยูไนเต็ด แพ้ทางหนัก
ตอนนี้ แมนยูไนเต็ด ไม่ชนะ สเปอร์ส มาถึง 6 นัดติดต่อกันเข้าไปแล้วหากนับรวมทุกรายการ แบ่งเป็นการแพ้ 4 ครั้งกับเสมอ 2 หน โดยในจำนวนนั้นเป็นการแพ้ 3 เกมติดต่อกันอย่างที่รู้กันดี
ทั้งนี้ นับตั้งแต่ที่ แมนยูไนเต็ด ก่อตั้งสโมสรขึ้นมานั้น มันไม่เคยมีช่วงไหนเลยที่พวกเขาถึงขั้นไม่ชนะ สเปอร์ส เป็นจำนวนถึง 7 เกมติดต่อกัน รวมถึงไม่เคยแพ้อีกฝ่าย 4 เกมรวดด้วย
- แมนยูไนเต็ด จะจบตามรุ่นพี่ฝั่งไหน ?
ด้วยความที่ฤดูกาลนี้ แมนยูไนเต็ด ยังไม่แพ้ใครกับการเล่นเกม ยูโรปา ลีก เลย ทำให้พวกเขาเป็นทีมที่ 7 ที่มาถึงรอบชิงดำของถ้วยนี้ได้ในสภาพที่ไร้พ่ายในรอบก่อนๆ ต่อจาก เบนฟิก้า ในฤดูกาล 2013-14, เชลซี เวอร์ชั่น 2018-19, อินเตอร์ มิลาน ชุดซีซั่น 2019-20, บียาร์เรอัล ในฤดูกาล 2020-21, ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต ซีซั่น 2021-22 และ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ในฤดูกาล 2023-24 ซึ่งในกลุ่ม 6 ทีมดังกล่าว มีอยู่ 3 ชุดที่ได้แชมป์ ยูโรปา ลีก ไปครองในบั้นปลาย ได้แก่ เชลซี, บียาร์เรอัล และ แฟร้งค์เฟิร์ต
- เกมรุกของ แมนยูไนเต็ด ลุ้นสถิติ
จนถึงตอนนี้ แมนยูไนเต็ด ทำประตูในถ้วยนี้ได้แล้วถึง 35 ลูก ซึ่งในประวัติศาสตร์ของศึก ยูฟ่าคัพ/ยูโรปา ลีก มันมีเพียง 3 ทีมที่เคยทำประตูในรายการนี้ต่อ 1 ซีซั่นได้เยอะกว่าพวกเขา
สำหรับ 3 ทีมที่ว่าประกอบด้วย โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค ชุดฤดูกาล 1972-73 ที่ทำไป 36 ลูก, เอฟซี ปอร์โต้ เวอร์ชั่น 2010-11 ที่ทำได้ 37 ประตู และ เชลซี ในฤดูกาล 2018-19 ที่กดไป 36 ลูก โดยในจำนวนนั้นมี ปอร์โต้ กับ เชลซี ที่สุดท้ายได้แชมป์ไปเชยชม
- ประวัติที่สวยหรูของ อังเก้
ตลอดอาชีพการคุมทีมของ อังเก้ ปอสเตโคกลู เขามักจะมีแชมป์ติดมืออยู่เสมอในการคุมทีมเป็นฤดูกาลที่ 2 ไม่ว่าจะกับสโมสรไหนก็ตาม แถมเขายังมีเปอร์เซ็นต์ชนะนัดชิงชนะเลิศของฟุตบอลถ้วยสูงถึง 88 เปอร์เซ็นต์ หากนับย้อนไปตั้งแต่สมัยทำงานใน ออสเตรเลีย ด้วย
- อโมริม กับการอาจเป็นคนที่ 3
ในกรณีที่ แมนยูไนเต็ด ได้แชมป์ รูเบน อโมริม จะกลายเป็นกุนซือคนที่ 3 ที่ได้แชมป์ระดับเมเจอร์ตั้งแต่ซีซั่นแรกที่เข้ามาคุมทีม ต่อจาก โชเซ่ มูรินโญ่ ในฤดูกาล 2016-17 กับ เอริค เทน ฮาก ในซีซั่น 2022-23
นอกจากนี้ มันจะทำให้ อโมริม ที่ปัจจุบันมีอายุ 40 ปี กลายเป็นกุนซือคนที่ 3 ที่ได้แชมป์ถ้วยยุโรปกับสโมสรในอังกฤษตั้งแต่ในวัย 40 ปีหรือต่ำกว่านั้นด้วย โดย 2 คนก่อนหน้านี้ที่ทำแบบนั้นได้คือ ฮาวเวิร์ด เคนดัลล์ ที่พา เอฟเวอร์ตัน ได้แชมป์ คัพ วินเนอร์ส คัพ ฤดูกาล 1984-85 ด้วยวัย 38 ปี กับ จานลูก้า วิอัลลี่ ที่นำ เชลซี ได้แชมป์ คัพ วินเนอร์ส คัพ ซีซั่น 1997-98 ตอนที่มีอายุ 33 ปี
- โซลันกี้ vs บรูโน่
หนึ่งในตัวอันตรายของ สเปอร์ส คงจะหนีไม่พ้น โดมินิค โซลันกี้ ซึ่งช่วงนี้เขาก็มักจะสร้างความแสบสันต์ใส่ แมนยูไนเต็ด ได้บ่อย หลังจากยิงใส่ แมนยูไนเต็ด ได้ถึง 4 นัดติดต่อกันในทุกรายการเข้าไปแล้ว (ทำได้ 5 ลูก) และหากเกมนี้เขายิงได้อีก มันก็จะทำให้เขาเป็นนักเตะคนที่ 2 ที่ยิงใส่ แมนยูไนเต็ด นับตั้งแต่ที่หมดยุคของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ได้เป็นจำนวนอย่างน้อย 5 เกมติด โดยคนเดียวก่อนหน้านี้ที่ทำแบบนั้นได้คือ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่เคยทำได้ 6 นัดรวด ส่วนถ้านับเฉพาะการเล่นในรายการนี้ โซลันกี้ ทำไปแล้วถึง 5 ประตูกับ 4 แอสซิสต์เลยทีเดียว
ขณะที่ความหวังของ แมนยูไนเต็ด คงจะหนีไม่พ้น บรูโน่ แฟร์นันด์ส โดยซีซั่นนี้เขามีส่วนร่วมกับประตูในถ้วย ยูโรปา ลีก รวมแล้ว 11 ลูก (7 ประตูกับ 4 แอสซิสต์) และหากมีส่วนร่วมเพิ่มอีก 1 ประตู เขาก็จะกลายเป็นคนที่มีส่วนร่วมกับประตูในถ้วยนี้ประจำฤดูกาล 2024-25 มากที่สุดที่จำนวน 12 ลูก เท่ากับ ราย็อง แชร์กี้ ของ โอลิมปิก ลียง ทันที
โซลันกี้ กับ บรูโน่ ยังมีลุ้นกลายเป็นนักเตะอีกคนที่ทำได้อย่างน้อย 5 ประตูกับอีก 5 แอสซิสต์ภายในซีซั่นเดียวกันของการเล่น ยูโรปา ลีก ด้วย โดยก่อนหน้านี้มีเพียง 2 คนที่ทำแบบนั้นได้ นั่นคือ เควิน เดอ บรอยน์ ที่ทำได้ 5 ประตูกับ 5 แอสซิสต์ให้ เฟาเอฟแอล โวล์ฟส์บวร์ก ในฤดูกาล 2014-15 และ ชูเลียโน่ ซึ่งเคยทำ 8 ประตูกับ 6 แอสซิสต์ให้ เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ในซีซั่น 2016-17
- เด็กเกร็ดบอล -