ช้างกระทืบโรงตัวนั้น

ช้างกระทืบโรงตัวนั้น
มีใครเป็นแฟน "ช้างกระทืบโรง" โคเวนทรี ซิตี้ หรือคิดถึงพวกเขากันบ้างครับ

ฤดูกาลนี้ทีมสกายบลูส์ออกตัวได้อย่างน่าประทับใจ มองดูตารางคะแนนลีกต่าง ๆ ของยุโรป ลีกแชมเปี้ยนชิพของอังกฤษที่โคเวนทรีเล่นอยู่ชวนให้สะดุดตาไม่แพ้บุนเดสลีกาของเยอรมัน

ที่เยอรมัน บาเยิร์น มิวนิค นำลิ่วด้วยผลงานชนะรวด 8 นัด

กับโคเวนทรี ซิตี้ อาจไม่ได้ชนะรวดอย่างนั้น เกมล่าสุดเมื่อคืนวันศุกร์ก็เพิ่งจะแพ้ เร็กซ์แฮม 2-3 แต่สิ่งที่สะดุดตาเหมือน ๆ กันคือผลต่างประตูได้เสียที่ทิ้งทีมร่วมลีกชนิดขาดลอย

"ช้างกระทืบโรง" มีผลต่าง +24 ทิ้งห่างทีมอื่น ๆ ไกลหลายโยชน์ เพราะนอกจากทีมสกายบลูส์แล้วไม่มีทีมไหนมีผลต่างประตูได้เสียเป็นบวกเลขสองหลักเลย ที่ใกล้ที่สุดคือ บริสตอล ซิตี้ +9

ไม่เพียงเท่านั้น ประตูได้เพียว ๆ ของโคเวนทรี ซิตี้ ก็ยังทิ้งไกล สถิติ 36 ประตูจากการลงเตะ 13 เกมเท่ากับว่าเฉลี่ยแล้วแต่ละเกมทีมของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ยิงได้ถึง 2.8 ประตู

นี่ก็ทิ้งห่างคู่แข่งร่วมลีกอีกเช่นกัน เพราะ บริสตอล ซิตี้ กับ ฮัลล์ ซิตี้ 2 ทีมที่ทำประตูได้มากที่สุดตามมาเพิ่งจะยิงได้ทีมละ 20 ประตูเท่านั้น

ห่างกันเกือบเท่าตัว

แฟนบอลโคเวนทรี ซิตี้ ในบ้านเราน่าจะมีจำนวนหนึ่งนะครับ แต่กระทั่งคนที่เป็นกองเชียร์ของทีมอื่น ผมเชื่อว่าก็คงจะมีไม่น้อยทีเดียวที่คิดถึงพวกเขาเช่นกัน

โคเวนทรีห่างหายจากลีกสูงสุดมา 21 ปีแล้วนะครับ นับตั้งแต่ตกชั้นจากพรีเมียร์ลีกเมื่อปี 2001 ก็ไม่เคยได้กลับขึ้นไปอีกเลย เคยร่วงไกลลงไปถึงลีกทูด้วยซ้ำเมื่อปี 2017 แต่ก็ตั้งหลักกลับขึ้นมาสู่แชมเปี้ยนชิพได้อีกครั้งเมื่อปี 2020 และอยู่มาถึงปัจจุบันเป็นฤดูกาลที่ 6 ติดต่อกันแล้ว

ผลงานดีที่สุดของโคเวนทรีในแชมเปี้ยนชิพรอบนี้คือเข้าชิงเพลย์ออฟเมื่อ 2 ปีก่อนในยุค มาร์ค โรบินส์ แพ้จุดโทษ ลูตัน ทาวน์ ที่เวมบลีย์ ขณะที่ฤดูกาลที่แล้วแลมพาร์ดพาทีมปีนจากพื้นที่หนีตกชั้นขึ้นมาจบที่ 5 ได้เพลย์ออฟอีกครั้งแต่พ่ายซันเดอร์แลนด์ในรอบตัดเชือกด้วยประตูนาที 120+3 ของ แดน บัลลาร์ด

ในภาพกว้าง ๆ ของโคเวนทรี ซิตี้ ฤดูกาลนี้ แลมพาร์ดยังคงสานต่อผลงานยอดเยี่ยมเมื่อฤดูกาลที่แล้วได้ เปิดซีซั่นมา 6 เกมแรกชนะ 2 เสมอ 4 ไม่แพ้ใคร จากนั้นยิงยาวชนะ 6 เกมรวดก่อนจะเพิ่งสะดุดแพ้ที่ เรซคอร์ส กราวนด์ ของเร็กซ์แฮมเมื่อคืนวันศุกร์

เป็นทีมสุดท้ายใน 4 ลีกอาชีพของอังกฤษที่แพ้ มันเพิ่งเกิดขึ้นสด ๆ ร้อน ๆ นี้เอง

ในบรรดาเกมที่โคเวนทรีชนะฤดูกาลนี้ มีสกอร์มโหฬารเกิดขึ้นหลายเกมไม่ว่าจะเป็นการบุกชนะ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ 5-3 อัดควีนส์พาร์ค เรนเจอร์ส 7-1 ยำเบอร์มิงแฮม ซิตี้ 3-0 ถล่มมิลล์วอลล์ 4-0 หรือกระซวกเชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ 5-0

เป็นทีมที่สร้างโอกาสทำประตูมากที่สุด ได้ยิงมากที่สุด ยิงตรงกรอบเยอะที่สุด มีโอกาสทองมากที่สุด ค่าคำนวน xG เยอะที่สุด ทั้งยังเปลี่ยนโอกาสเป็นประตูดีที่สุด

ก่อนแฮตทริกของ คีฟเฟอร์ มัวร์ กองหน้าเร็กซ์แฮมเมื่อคืนที่ทำให้ยอดรวมของหัวหอกชาวเวลส์ขึ้นมาเป็น 7 ประตูรั้งอันดับสามดาวซัลโวของลีก โคเวนทรี ซิตี้ จับจองพื้นที่ Top 3 ดาวซัลโวแชมเปี้ยนชิพอย่างน่าภูมิใจ

แบรนดอน โธมัส-อซานเต้ กองหน้าทีมชาติกานา 9 ประตู.. ฮาจี ไรท์ กองหน้าทีมชาติสหรัฐฯ 8 ประตู และ วิคตอร์ ทอร์ป กองกลางชาวเดนมาร์กที่ยิงได้ 6 ประตูเท่ากับ โอลี่ แม็คเบอร์นี่ ของฮัลล์ ซิตี้ และ ซาน วีพ็อตนิค ของสวอนซี ซิตี้

ฟุตบอลสไตล์ของแลมพาร์ดไม่ได้เน้นการครอบครองบอลหรือผ่านบอลมากมาย ค่าเฉลี่ยการครองบอลของโคเวนทรีฤดูกาลนี้อยู่ที่เพียง 52.8% เท่านั้น แต่เป็นบอลไดเร็กต์ที่เคลื่อนขึ้นหน้าเร็ว ตรงไปยังประตูคู่ต่อสู้ ความเร็วของบอลขึ้นหน้า 2.1 เมตรต่อวินาทีช้ากว่าแค่ 2.2 เมตรต่อวินาทีของควีนส์พาร์ค เรนเจอร์ส เท่านั้น

การเล่นปรับเปลี่ยนได้ทั้งระบบแนวรับ 4 คน และเซนเตอร์แบ๊ก 3 คนที่แลมพาร์ดนำมาใช้ช่วงครึ่งฤดูกาลหลังของซีซั่นที่แล้วและพาทีมดีดจากพื้นที่หนีตายไปจบที่อันดับเพลย์ออฟ

ที่เพิ่มเข้ามาคือเกมรับที่แข็งแกร่งกว่าเดิม ก่อนเกมล่าสุดกับเร็กซ์แฮม โคเวนทรีเสียเพียงแค่ 9 ประตูจาก 12 เกมในลีก มีเพียง มิดเดิลสโบรช์ กับ สโต๊ค ซิตี้ เท่านั้นที่เสียน้อยกว่า (8 ประตู)

เส้นทางยังอีกยาวไกลกว่าจะจบซีซั่นที่ 46 เกม แต่การขยับขึ้นมาอยู่ตรงนี้ของโคเวนทรีน่าจะเรียกความคึกคักขึ้นได้มาก

เพราะชื่อโคเวนทรี ซิตี้ โยงใยเราเข้ากับความทรงจำเก่า ๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้..

ลูกโหม่งของ คีธ เฮาเช่น ในวันอันยิ่งใหญ่ที่เวมบลีย์เมื่อปี 1987 แคแร็กเตอร์หนักแน่นของ มาร์ค เฮทลี่ย์ ความคล่องแคล่วของ ไซรีล รีจีส

จอมหนึบอย่าง สตีฟ อ๊อกริโซวิช จอมถล่มประตูหุ่นตุ้ยนุ้ยอย่าง มิคกี้ ควินน์ ความรอบจัดของ แกรี่ แม็คอัลลิสเตอร์ การลากเลื้อยของ ดาร์เรน ฮัคเคอร์บี้ หรือศูนย์หน้าครบเครื่องที่ชื่อ ดิออน ดับลิน

ยังมีใครอีกที่โผล่เข้ามาในความทรงจำ.. เดวิด บุสส์ท ผู้โชคร้าย, เดวิด สปีดี้, เควิน กัลลาเกอร์, ฟิล บ๊าบบ์, รอย วีเกอร์ลี่, ปีเตอร์ เอ็นด์โลวู, ริชาร์ด ชอว์, นิอิ แลมพ์ตีย์, จอห์น ซาลาโก้, โนเอล วีแลน, ร็อบบี้ คีน, เคร็ก เบลลามี่, มุสตาฟา ฮัดจิ, จอห์น ฮาร์ทสัน..

ในวันที่ดี โคเวนทรี ซิตี้ สามารถเอาชนะทีมยักษ์ใหญ่ของประเทศได้ง่าย ๆ ลิเวอร์พูลเคยยกพลไปถูกช้างสีฟ้ากระทืบยับเยิน 1-5 ที่ไฮฟิลด์ โร้ด ในซีซั่นแรกของพรีเมียร์ลีกมาแล้ว เดอะค็อปฝันร้ายถึงเจ้าซูโม่ มิคกี้ ควินน์ สเก๊าเซอร์ตัวท้วมที่ซัด 2 ประตูในเกมนั้นไปหลายคืน

แม้อันดับส่วนใหญ่จะอยู่ต่ำสิบ แต่โคเวนทรี ซิตี้ ก็ประคองตัวรอดในลีกสูงสุดมาได้ตลอด นับตั้งแต่เลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในดิวิชั่นหนึ่งเดิมเมื่อปี 1967 พวกเขาก็คงสถานะระดับนั้นเอาไว้ยาวนานถึง 34 ปีติดต่อกันก่อนที่จะตกชั้นในที่สุดเมื่อปี 2001 หรือเมื่อ 24 ปีที่แล้ว

เผลอแผล็บเดียวเวลาก็ผ่านไป 2 ทศวรรษครึ่งแล้วนะครับ

'ช้างกระทืบโรง' เคยขึ้นไปถึงอันดับ 6 ของดิวิชั่นหนึ่งเดิมเมื่อปี 1970 ได้สิทธิ์ไปเตะแฟร์ส คัพ ฤดูกาลสุดท้าย 1970/71 (แพ้ บาเยิร์น มิวนิค รอบสองด้วยประตูรวม 3-7) ส่วนเกียรติประวัติสูงสุดของพวกเขาคงหนีไม่พ้นชัยชนะเหนือ สเปอร์ส ในนัดชิงเอฟเอ คัพ ปี 1987 ที่ เฮาเช่น พุ่งโหม่งตีเสมอ 2-2 ก่อนพิชิตชัยในช่วงต่อเวลาพิเศษ ทีมชุดนั้นมี จอห์น ซิลเล็ตต์ เป็นผู้จัดการทีม

นั่นคือนัดชิงเอฟเอ คัพ ที่ได้ชื่อว่าสนุกเร้าใจและมีเสน่ห์ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของการแข่งขัน

โคเวนทรี ซิตี้ ในวันนี้เปลี่ยนแปลงไปมากเมื่อเทียบกับวันนั้น สนาม ไฮฟิลด์ โร้ด ที่ใช้มาตั้งแต่ปี 1899 ถูกทุบทิ้งพัฒนาไปเป็นบ้านพักอาศัยแล้ว ย้ายสนามเหย้าไปอยู่ที่ ริโกห์ อารีน่า หรือชื่อปัจจุบัน Coventry Building Society Arena ที่อยู่ห่างออกไป 5 กิโลเมตรมาตั้งแต่ปี 2005 แล้ว

แฟนบอลเรียกสนามเหย้าของทีมสั้น ๆ ว่า CBS Arena หรือ Coventry Arena

กวาดตาดูทีมในแชมเปี้ยนชิพอีกครั้ง ผมเชื่อว่าหลายทีมเรียกอารมณ์คิดถึงอดีตของเรากลับมา ทีมอย่าง เบอร์มิงแฮม ซิตี้ หรือ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ที่เคยมีสถานะขึ้น ๆ ลง ๆ ระหว่างพรีเมียร์ลีกกับแชมเปี้ยนชิพบ่อย ๆ จนน่าเบื่อเองก็ยังหายหน้าไปนานหลายปีจนหลายคนอาจดีใจถ้าได้เห็นพวกเขากลับสู่พรีเมียร์ลีกอีกครั้ง

มิดเดิลสโบรช์ ชาร์ลตัน แอธเลติก สโต๊ค ซิตี้ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ พอร์ทสมัธ มิลล์วอลล์ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ควีนส์พาร์ค เรนเจอร์ส เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์.. ชื่อเหล่านี้ล้วนชวนให้เราคิดถึงความหลังทั้งสิ้น

และแน่นอนครับ โคเวนทรี ซิตี้ ก็คงเป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน

ตังกุย  



ที่มาของภาพ : getty images
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport