เยนส์ แคสทรอป กองกลางลูกครึ่งเยอรมัน-เกาหลีใต้ วัย 22 ปี กลายเป็นนักเตะลูกครึ่งคนแรกที่ลงเล่นให้ทีมชาติเกาหลีใต้ หลังฟีฟ่าไฟเขียวเปลี่ยนสัญชาติ พร้อมสร้างสีสันใหม่ให้ทัพพลังโสมในเส้นทางสู่ฟุตบอลโลก 2026
ฟีฟ่า เดย์ กันยายน 2025 กลายเป็นจุดเริ่มต้นประวัติศาสตร์ใหม่ของวงการฟุตบอลเกาหลีใต้ เมื่อชื่อของ เยนส์ คาสทรอป มิดฟิลด์ลูกครึ่งเยอรมัน-เกาหลีใต้ วัย 22 ปี ถูกเรียกติดทีมชาติชุดใหญ่ พร้อมประเดิมสนามให้ทัพ "โสมขาว" อย่างเป็นทางการ
ในประเทศที่ให้คุณค่ากับ “ความเป็นชาตินิยม” แบบเคร่งครัด การเปิดประตูรับแข้งลูกครึ่งเข้าสู่ทีมชาติชุดใหญ่จึงไม่ใช่เรื่องเล็ก และนั่นทำให้ เยนส์ คาสทรอป กลายเป็นมากกว่าแค่นักเตะธรรมดา — เขาคือ “สัญลักษณ์แห่งการเปลี่ยนผ่าน” ของวงการลูกหนังแดนกิมจิ
วัยเด็กและเส้นทางอาชีพ
คาสทรอป เกิดที่ประเทศเยอรมนี เป็นลูกครึ่งระหว่างคุณพ่อชาวเยอรมัน และคุณแม่ชาวเกาหลีใต้ โดยเริ่มต้นเส้นทางลูกหนังในอะคาเดมี่ของ ฟอร์ทูนา ดุสเซลดอร์ฟ ก่อนย้ายเข้าสู่ระบบเยาวชนของ โคโลญจน์ ตั้งแต่อายุ 12 ปี
แม้จะถูกเรียกซ้อมกับทีมชุดใหญ่ของโคโลญจน์ แต่ไม่เคยได้รับโอกาสลงสนาม กระทั่งปี 2022 ถูกปล่อยให้ เนิร์นแบร์ก ทีมในบุนเดสลีกา 2 ยืมตัว และสามารถแจ้งเกิดได้สำเร็จ จนถูกซื้อขาดในฤดูกาล 2023/24
ผลงานกับเนิร์นแบร์กตลอด 2 ปี มีทั้งการยิงประตูจากการลากเดี่ยวข้ามครึ่งสนาม รวมถึงการเล่นที่ดุดัน และสปีดต้นที่โดดเด่น จนเพื่อนร่วมทีมเรียกเขาว่า "อาร์ตูโร่" ตามชื่อ อาร์ตูโร่ วิดัล มิดฟิลด์พันธุ์บู๊ระดับโลก
แม้ในตอนนั้น คาสทรอป จะยังไม่คิดถึงการเล่นให้เกาหลีใต้ เพราะเคยติดทีมชาติเยอรมันชุด U15 ถึง U21 มาแล้วครบทุกระดับ
สู่ลีกสูงสุดกับกลัดบัค
หลังโชว์ฟอร์มกับเนิร์นแบร์กได้อย่างน่าประทับใจ (54 นัด ยิง 5 จ่าย 7) ในปี 2025 โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค ตัดสินใจคว้าตัวไปร่วมทัพด้วยค่าตัว 6 ล้านยูโร (ราว 223 ล้านบาท) เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในแดนกลาง
ฤดูกาล 2025/26 นี้ คือการประเดิมบุนเดสลีกา ครั้งแรกของเขา โดยได้ลงเล่นแล้วทั้งในลีก (พบ ฮัมบูร์ก และ สตุ๊ตการ์ท) รวมถึงฟุตบอลถ้วย เดเอฟเบ โพคาล
ทำไมเลือกเกาหลีใต้?
แม้จะเคยเล่นให้เยอรมนีชุดเยาวชน แต่ในปี 2025 ฟีฟ่าอนุมัติให้คาสทรอปเปลี่ยนสัญชาติทีมชาติได้ เนื่องจากยังไม่เคยเล่นชุดใหญ่ให้ "อินทรีเหล็ก" มาก่อน
หลังได้ไฟเขียว ฮง เมียง-โบ เฮดโค้ชทีมชาติเกาหลีใต้ ไม่รอช้า เรียกติดทีมทันทีในเดือนกันยายน 2025 และให้ลงสนามประเดิมทันทีในแมตช์อุ่นเครื่อง
โค้ชฮง เผยว่า “แม้เขาจะยังหนุ่ม แต่พัฒนาการต่อเนื่องของคาสทรอปในบุนเดสลีกา คือสิ่งที่น่าจับตา และที่สำคัญคือเขามีแรงปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเล่นให้เกาหลีใต้”
ด้าน คาสทรอป เองก็ยืนยันว่า นี่คือสิ่งที่ "หัวใจ" ของเขาเรียกร้อง
“มันเป็นการตัดสินใจที่ยากมาก แต่สุดท้าย ผมต้องฟังหัวใจของตัวเอง… และหัวใจผมบอกว่าอยากเล่นให้เกาหลีใต้”
สไตล์การเล่น: มิดฟิลด์บู๊ดุดัน พร้อมพลังและความอเนกประสงค์
เยนส์ คาสทรอป คือนักเตะที่มีความครบเครื่องในตำแหน่งกองกลาง ด้วยสรีระแข็งแกร่ง ความเร็วต้น และสไตล์บู๊แบบ "Box-to-Box" อย่างแท้จริง เขาสามารถขึ้นเกมรุก และลงมาช่วยเกมรับได้ตลอดทั้งแมตช์
ที่ผ่านมา เขาเคยถูกใช้งานทั้ง ปีก, ฟูลแบ็ก, เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ และมิดฟิลด์ตัวกลาง ทำให้เป็นผู้เล่นที่โค้ชสามารถวางใจได้ในหลายแท็กติก
หลายคนเปรียบว่าเขาคล้าย มาริโอ เกิตเซ่อ ทั้งเรื่องเทคนิค การครองบอล และไหวพริบในจังหวะเข้าทำ — แต่เหนือสิ่งอื่นใด คือ ความกล้า, ความดุดัน และความทุ่มเท ที่สื่อถึงจิตวิญญาณนักสู้ได้อย่างแท้จริง
“ผมเคยเล่นทั้งแบ็กขวา, เบอร์ 6, เบอร์ 8… ผมพร้อมเล่นทุกตำแหน่งที่ทีมต้องการ” — คาสทรอป กล่าวไว้เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
โอกาสลุยเวิลด์คัพ 2026?
เกาหลีใต้ผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2026 แล้ว — คำถามคือ คาสทรอป จะมีโอกาสติดทีมชุดลุยศึกใหญ่หรือไม่?
ปัจจุบันแดนกลางของเกาหลีใต้มีตัวหลักอย่าง ฮวัง อิน-บอม (เฟเยนูร์ด), อี แจ-ซอง (ไมนซ์) และ พัค ยง-อู (อัล ไอน์) ประจำการอยู่ แต่ในบรรดาทั้งหมด ไม่มีใครที่มี “สไตล์ลูกผสม” อย่างเยนส์ คาสทรอป
ด้วยอายุเพียง 22 ปี และโอกาสพิสูจน์ตัวเองในบุนเดสลีกาอีก 9 เดือนข้างหน้า ยังมีโอกาสสูงที่เจ้าหนุ่มลูกครึ่งรายนี้จะก้าวขึ้นไปคว้าตั๋วเวิลด์คัพได้ในที่สุด
เยนส์ คาสทรอป ไม่ได้เป็นเพียงแข้งลูกครึ่งคนแรกของทีมชาติเกาหลีใต้ แต่เขาคือภาพแทนของยุคสมัยใหม่ ที่ "เลือด" ไม่ใช่ข้อจำกัด แต่ "ความสามารถ + ความตั้งใจ" คือคำตอบเดียวของการติดธง