โทรฟี่ ไทยลีก ของ แบงค็อก ที่คงจะต้องรอต่อไป

ผลเสมอกับ ขอนแก่น ยูไนเต็ด 2-2 น่าจะทำให้การลุ้นแชมป์ ไทยลีก 2023-24 ของ แบงค็อก ยูไนเต็ด ค่อยๆ เลือนลางลงไปทุกที

   ปัจจุบันเหลือการแข่งขัน 3 เกม ทว่าพวกเขามีแต้มตามหลัง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นจ่าฝูงอยู่ 7 คะแนน

   ในทางทฤษฎียังมีความเป็นไปได้อยู่ แต่ในทางปฏิบัติ ทุกอย่างแทบจะเป็นศูนย์ เนื่องจากปราสาทสายฟ้ายังรักษามาตรฐานได้ไม่มีตก แถมโปรแกรมก็ไม่ได้หนักมากนัก แถมได้เล่นในบ้านตัวเองอีก 2 นัด 

   คือต่อให้ บุรีรัมย์ แพ้ 2-3 จาก แมตช์ต่อจากนี้ โอกาสที่ยอดทีมจากแดนอีสานจะเป็นแชมป์ก็ยังสูงลิบลิ่วอยู่ดีนั่นเอง

   ตอนผ่านเลกแรกซีซั่น 2023-24  ผู้เชี่ยวชาญฟุตบอลไทย แทบทุกสำนักต่างยกให้ แบงค็อก เป็นเต็งหนึ่งที่จะกระชากโทรฟี่ได้สำเร็จ เนื่องจากผลงานการเล่นที่คงเส้นคงวา บวกกับการพลิกกลับมาได้แต้มในเกมที่เหมือนจะแพ้ รวมไปถึงยิงประตูชัยในวินาทีสุดท้าย

   ประมาณว่า 'ราศีแชมป์' จับเข้าเต็มเบ้าตา

   ฟอร์มของบียูเริ่มมาแผ่วหลังผ่านปี 2024 เป็นต้นมา เพราะนับถึงปัจจุบันที่ลงสนามไป 13 นัด ปรากฏว่าชนะแค่ 5 เกม เท่านั้น โดยที่เหลือเน้นหนักไปทางเสมอ (6) และแพ้ 2 แมตช์

   ผิดกับ บุรีรัมย์ ที่เก็บชัยไป 11 จาก 13 เกมของเลกที่สอง

   ด้วยเหตุนี้เอง ปราสาทสายฟ้าที่ส่วนใหญ่อยู่อันดับ 4 ในครึ่งแรกของฤดูกาล จึงค่อยๆ ทำคะแนนแซงบียู ก่อนที่จะทิ้งห่างถึง 7 แต้ม ในปัจจุบัน

   จริงๆ แล้วซีซั่นนี้นี่น่าจะเป็นฤดูกาลที่พวกเขาใกล้เฉียดใกล้ถ้วย ไทยลีก มากที่สุดเสียด้วยซ้ำ เนื่องจาก บุรีรัมย์ เองก็ฟอร์มตกในเลกแรก, บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ก็ลุ่มๆ ดอนๆ, การท่าเรือ เอฟซี ก็เปลี่ยนแปลงบ่อย หรือ เมืองทอง ยูไนเต็ด ก็ยังอยู่ในช่วงเปลี่ยนถ่าย

   คู่แข่งจริงๆ ของบียูคือตัวพวกเขาเองนั่นแหละ

   ประสบการณ์ลุ้นแชมป์ของ แบงค็อก ก็ใช่ว่าจะน้อยนิด เพราะนับตั้งแต่ได้กลุ่ม ทรู คอร์ปอเรชั่น เข้ามาเทกโอเวอร์สโมสรในปี 2010 พวกเขาก็ค่อยๆ แปลงร่างกลายเป็นทีมเต็งในทุกๆ ฤดูกาล 

   ซีซั่น 2016 ที่ขับเคี่ยวกับ เมืองทอง ได้คู่คี่สูสีสุดๆ แต่เนื่องจากปีนั้นต้องยุติตอนแข่งขันไปถึงสัปดาห์ที่ 31 

   ซีซั่น 2018 อาจจะได้รองแชมป์อีกก็จริง แต่แต้มห่างไกลจาก บุรีรัมย์ แบบสุดกู่ 

   ซีซั่น 2022-23 ก็ไม่ต่างจาก 2018 เพราะรั้งรองจ่าฝูงแทบทั้งฤดูกาล ก่อนจะจบด้วยการมีคะแนนตามหลังปราสาทสายฟ้า 8 แต้ม

   องค์ประกอบของทีมในปีนี้ถือว่าสมบูรณ์มากทีเดียว เมื่อไล่ดูตั้งแต่ผู้รักษาประตู, ฟูลแบ็ก, เซนเตอร์ฮาล์ฟ, มิดฟิลด์, ริมเส้น, กองหน้า รวมไปถึงขุมกำลังสำรอง - แบงค็อก อุดมไปด้วยผู้เล่นชั้นนำของประเทศทุกตำแหน่ง

   ปราการด่านสุดท้ายพวกเขามี ปฏิวัติ คำไหม มือหนึ่งทีมชาติไทย ยืนอยู่ ขนาบด้วย นิติพงษ์ เสลานนท์ กับ พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา ที่พกดีกรีช้างศึกเช่นกัน ส่วนเซนเตอร์ฮาล์ฟ เอแวร์ตอน เป็นตัวหลัก โดยสลับระหว่าง สุพรรณ ทองสงค์ และ มานูเอล ทอม บีร์ห

   แดนกลาง ตรงนี้น่าเสียดายที่ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ บาดเจ็บหนักจนรักษาตัวยาว มันจึงส่งผลกระทบต่อแท็กติกของ ธชตวัน ศรีปาน โดยตรง แต่คนอื่นๆ ก็จัดอยู่ในหมวดแนวหน้า ไม่ว่าจะเป็น ทศวรรษ ลิ้มวรรณเสถียร หรือ ปกเกล้า อนันต์ แถมยังได้ วีระเทพ ป้อมพันธ์ มาเสริมในเลกที่สองอีกต่างหาก

   ส่วนบนม้านั่งสำรองก็ยังมี รัชนาท อรัญญไพโรจน์ กับ ทัศนพงษ์ หมวดดารักษ์ ที่สแตนด์บายอยู่เสมอ รวมไปถึง วิศรุต อิ่มอุระ ที่เพิ่งกลับมาฟิตสมบูรณ์อีกครั้ง

   ขณะที่แดนบน รุ่งรัฐ ภูมิจันทึก ฟอร์มร้อนฉ่าจนกลับสู่ทำเนียบทีมชาติอีกครั้ง พ่วงด้วย มะห์มู๊ด ไอด์ นักเตะทีมชาติปาเลสไตน์ ที่สามารถสร้างความแตกต่างได้ทุกวินาที โดยมี วิลเลน โมโต้ ยืนค้ำเป็นหัวหอกตัวเป้า

   เท่านั้นไม่พอ อานนท์ อมรเลิศศักดิ์, ชญาวัต ศรีนาวงษ์ และ กัณตภณ คีรีแลง ก็พร้อมสำหรับโอกาสทุกเมื่อ เช่นเดียวกันกับ วานแดร์ ลุยส์ หนึ่งในนักเตะต่างชาติที่เก่งกาจที่สุดของ ไทยลีก ก็เพิ่งสลัดอาการบาดเจ็บหวนคืนสนามได้แล้ว

   แต่ที่น่าผิดหวังคือโควตาแข้งนอกอย่าง บราเซล จราดี้ ที่มาด้วยโปรไฟล์ทีมชาติเลบานอน กลับไม่ค่อยมีส่วนร่วมเท่าไหร่นัก เช่นเดียวกับ อมาดู ซูคูน่า แนวรุกฝรั่งเศส ที่มีโอกาสเล่นให้บียูเพียง 4 เกม 

   ทว่าภาพรวม องค์ประกอบของ แบงค็อก ก็ยังดีกว่าหลายๆ ทีมในลีกอยู่ดี

   ฤดูกาลหน้า โอกาสจะยากยิ่งทวีคูณ เพราะคู่แข่งอย่าง บีจี ปทุม และ การท่าเรือ จะกระหายมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน บุรีรัมย์ ก็ยังคงอยู่ในมาตรฐานเดิม แถมยังมี เมืองทอง ที่ค่อยๆ ดีวันดีคืน ทั้งยังปรารถนาจะกลับมาทวงความยิ่งใหญ่อีกครั้ง

   การแข่งขันจะเข้มข้นกว่าที่ผ่านๆ มาอย่างแน่นอน

   นี่คือ 'บทเรียน' อันล้ำค่าที่พวกเขาต้องกลับไปแก้ไขแบบหนักหน่วงในช่วงปรี-ซีซั่น เพราะการจะก้าวไปเป็นแชมป์ฟุตบอลลีกได้นั้นต้องอาศัยปัจจัยหลายหลาก โดยเฉพาะเรื่องของการรักษามาตรฐานที่ต้องยืนระยะยาวให้ได้

   โทรฟี่ ไทยลีก ของ แบงค็อก ที่คงจะต้องรอต่อไป

ชิกกะด้าว


ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport