ทีมชาติไทย U23 ไปแบบไม่มีหวัง กลับได้หวัง สุดท้ายผิดหวัง

ทีมชาติไทย U23 ตกรอบแรกฟุตบอลชิงแชมป์เอเชียรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี..

ทีมชาติไทย U23 เป็นการตกรอบที่ก่อให้เกิดอารมณ์ที่แตกต่าง นะครับ เพราะจากที่ไม่มีความหวังอะไรกลับมีความหวัง แล้วสุดท้ายก็ผิดหวัง

ทีมชาติไทยแพ้ ทาจิกิสถาน ในเกมสุดท้ายทำให้จบการแข่งขันด้วยการเป็นอันดับสุดท้ายของกลุ่ม จากสถานการณ์ก่อนเตะที่มีลุ้นถึงการเข้ารอบในฐานะรองแชมป์กลุ่ม

เราเดินทางไปเตะที่กาตาร์โดยมีความพร้อมค่อนข้างน้อย ด้วยโปรแกรมเตะของทัวร์นาเม้นต์ชนกับช่วงเวลาที่ไทยลีกกำลังเข้าสู่โค้งสุดท้ายพอดี

นักเตะที่เป็นตัวหลักมาตลอดบางคนจึงไม่ได้ร่วมทีมมาด้วยเนื่องจากต้นสังกัดจำเป็นต้องเก็บไว้เพื่อเป้าหมายในลีก

ตรงนี้เข้าใจได้ตรงที่แต่ละทีมก็มีอุปสรรคที่กำลังเผชิญหน้าอยู่แตกต่างกัน บางทีมกำลังลุ้นแชมป์ บางทีมกำลังหนีตกชั้น ตัวทัวร์นาเม้นต์เองก็เลื่อนมาจากต้นปีที่ถ้าเป็นช่วงนั้นยังพอคุยเรื่องปล่อยตัวผู้เล่นกับสโมสรได้

นักเตะที่ อิสระ ศรีทะโร ได้มาใช้งานในรายการนี้จึงไม่เต็มร้อยนักในแง่ขุมกำลังที่เขาต้องการจริง ๆ ทั้งที่เป็นรายการใหญ่ระดับชิงแชมป์ทวีปและมีตั๋วโอลิมปิกมอบให้

ความคาดหวังก่อนลงแข่งจึงแทบไม่มี ได้แต่บอกตัวเองกันว่าทำให้ดีที่สุด รอดูว่าเด็กชุดนี้จะทำผลงานได้ดีแค่ไหน

ช้างศึกชุดนี้ไม่ได้แพ้รวดแบบหมดสภาพ เกมแรกที่เอาชนะ อิรัก 2-0 นั้นคือผลงานที่หลายคนประทับใจ

เราไม่ควรลืมเกมนั้นแล้วไปเลือกจำแค่ 2 เกมที่แพ้ ซาอุดีอาระเบีย กับ ทาจิกิสถาน

แต่เช่นเดียวกันครับ เราก็คงไม่ควรเอาแต่จำเกมชนะอิรักนัดนั้นนัดเดียวแล้วหลับตาไม่มองความพ่ายแพ้อีก 2 เกมที่เกิดขึ้นเลย

ทุก ๆ เกมเป็นประสบการณ์ของเด็ก ๆ ในทีมชุดนี้ทั้งสิ้น จะเป็นประโยชน์หรือไม่เป็นประโยชน์ในภายภาคหน้าก็อยู่ที่การจัดการของพวกเขาแต่ละคน ของสโมสรต้นสังกัด และของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยต่อไป

ในเกมสุดท้ายกับทาจิกิสถาน เกมของเราไม่ดีเลยโดยเฉพาะในครึ่งแรกที่แทบไม่มีโอกาสยิง ก่อนจะมากระเตื้องในครึ่งหลัง

ผมคิดว่าส่วนหนึ่งน่าจะมาจากเกมแพลนที่วางเอาไว้ก่อนเตะ

ไม่ใช่ว่าวางแผนให้เล่นแย่หรือโดนล่อเป้า แต่เล่นให้รัดกุม ประคองตัว ถ้าเป็นไปได้ผลเสมอในครึ่งแรกถือว่าโอเค

ฟังดูแปลกนะครับ จริง ๆ แล้วเราก็ต้องการชนะนั่นแหละแต่ถ้าเป็นไปได้คือชนะโดยที่ให้ ซาอุดีอาระเบีย มีความกดดันบ้าง

เราเตะกับทาจิกิสถาน แล้วเกี่ยวกับซาอุดีอาระเบียตรงไหน แล้วมันย้อนกลับมาเชื่อมโยงกับเราอย่างไร..

เพราะความซับซ้อนของโอกาสเข้ารอบ ทำให้มันมีโอกาสเป็นอย่างนั้น

ต้องบอกแบบนี้ก่อนนะครับว่าเป็นเพียงการคาดการณ์ของผมคนเดียว จากการที่เห็นเกมในครึ่งแรกของเราดูเนือย ๆ กล้า ๆ กลัว ๆ ในการเล่น

สถานการณ์ก่อนเตะนั้น ซาอุดีอาระเบีย มี 6 คะแนน เรา กับ อิรัก มี 3 คะแนน และ ทาจิกิสถาน ไม่มีคะแนน

สองอันดับแรกของกลุ่มเท่านั้นที่จะผ่านเข้ารอบ โดยใช้เกณฑ์เฮดทูเฮดมาก่อนผลต่างประตูได้เสียในกรณีแต้มเท่ากัน

เรื่องนี้ล่ะครับที่ทำให้มันซับซ้อนขึ้น เพราะต่อให้เราชนะ เราก็อาจจะยังตกรอบได้

ถ้าเราชนะทาจิกิสถาน แต่อิรักก็ชนะซาอุดีอาระเบียเช่นกัน เราจะตกรอบทันทีเว้นแต่ว่าอิรักจะชนะซาอุฯ ด้วยสกอร์ 8-0 ขึ้นไป

ไม่เพียงเท่านั้น สำหรับซาอุดีอาระเบียแล้ว ชัยชนะของเราจะยิ่งเป็นประโยชน์กับเขาในแบบที่ว่าการันตีแชมป์กลุ่ม ได้เข้าไปเจองานเบาในรอบ 8 ทีมสุดท้ายแน่ ๆ

เพราะถ้าเราชนะทาจิกิสถาน เราจะมี 6 คะแนน ซาอุฯ สามารถแพ้อิรักได้เลยโดยที่ยังเป็นแชมป์กลุ่มด้วย เนื่องจากทั้ง 3 ทีมจะมี 6 คะแนนเท่ากันแต่พวกเขามีประตูได้เสียดีที่สุดในกลุ่ม 'มินิลีก' นี้ เว้นแต่ว่าจะแพ้อิรัก 4 ประตู

พูดง่าย ๆ ว่าถ้าต้องตัดสินกันที่มินิลีก 3 ทีม ก็เสร็จซาอุฯ เพราะสกอร์ 5-0 ที่ตุนมาจากทีมชาติไทย และในทางตรงกันข้ามมันก็เป็นหายนะของเราแท้ ๆ

ถ้าเป็น มินิลีก มี 6 คะแนนเท่ากันหมด เราจะตกรอบทันที..

ด้วยเงื่อนไขนี้นี่เองที่ทำให้ต้องคิดเยอะ เราอยากชนะนั้นแน่นอนครับ แต่ต้องวางแผนให้ละเอียดที่สุดด้วยว่าต้องชนะอย่างไร

มาถึงตรงนี้จะไม่คิดเรื่องเข้ารอบคงไม่ได้ แต่จะทำอย่างไรดีเพื่อให้โอกาสเข้ารอบมีความเสี่ยงน้อยที่สุด

เราไม่ได้เก่งกาจในระดับที่สามารถกำหนดผลการแข่งขันได้เองหรอกครับ แต่ก็มีทางที่ต้องเลือกเช่นกัน และทุกทางที่เลือกล้วนมีความเสี่ยงในด้านดีด้านแย่แตกต่างกันไป

สมมติว่าเราเร่งเครื่องเต็มที่เล่นเพื่อชนะตั้งแต่นาทีแรกแล้วขึ้นนำ ทาจิกิสถาน ได้ มีโอกาสไหมที่ซาอุดีอาระเบียจะเล่นอย่างสบายใจในครึ่งหลัง

เพราะผลอย่างนี้ยิ่งเข้าทางพวกเขา แพ้ก็ยังเข้ารอบเป็นแชมป์กลุ่ม หากถูกอิรักยิงนำก็มีโอกาสไม่รีบทวงเอาประตูคืน ด้วยไม่มีความกดดันที่จะเล่นเพื่อชนะหรือห้ามแพ้

แต่ถ้าเราจบครึ่งแรกด้วยการเสมออยู่ ซาอุดีอาระเบียก็ยังวางใจไม่ได้กับตำแหน่งแชมป์กลุ่มเพราะหากเราไม่ชนะแล้วพวกเขาแพ้ ซาอุฯ จะหล่นไปเป็นอันดับสองเจองานยากขึ้นในรอบต่อไปทันที

มันมีโอกาสเป็นไปได้ว่าปฏิกิริยาของผู้เล่นซาอุดีอาระเบียกรณีถูกอิรักยิงนำจะแตกต่างกันระหว่างอีกสนามหนึ่งทีมชาติไทยนำอยู่ กับอีกสนามหนึ่งทีมชาติไทยยังไม่ขึ้นนำ

ถ้าอิรักชนะ.. เราก็ตกรอบทันทีแม้จะเอาชนะทาจิกิสถานได้

เพราะฉะนั้นด้วยเงื่อนไขนี้นอกจากงานตรงหน้าแล้ว เราต้องทำอย่างไรให้อิรักมีโอกาสชนะน้อยที่สุดด้วย คำตอบคือก็ต้องพึ่งความมุ่งมั่นของซาอุดีอาระเบียที่จะลงเตะกับอิรัก

บางทีโจทย์ของเราที่จะเข้ารอบนั้นอาจต้องการให้อิรักไม่ชนะยิ่งกว่าเป็นฝ่ายชนะเองเสียอีก

ฟังดูน่าตลกนะครับ แต่กับเงื่อนไขการเข้ารอบมันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ

มันจึงเป็นเกมจิตวิทยาอย่างหนึ่ง เกมของตัวเองก็ต้องเอาด้วย แต่ก็ต้องไม่ให้ซาอุดีอาระเบียสบายใจเกินไปด้วยเช่นกัน

สิ่งที่พอจะทำได้มากที่สุดคือให้เขาระแวงบ้างกับผลตอนพักครึ่ง อย่างน้อยพวกเขาก็จะลงสนามในครึ่งหลังด้วยความสบายใจไม่ได้ว่าแพ้ก็ไม่เป็นไร ถ้าโดนยิงต้องเอาคืน

อ่านสถานการณ์อย่างนี้ไม่ได้หมายความว่าซาอุดีอาระเบียจะมาผ่อนหรือหย่อนหรือไม่มีมือมีเท้า เขาจะคิดอย่างไรเราไม่มีทางรู้อยู่แล้ว แต่เราแค่ประเมินสถานการณ์ในความเสี่ยงด้านต่าง ๆ ว่ามีโอกาสเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนอย่างไร

ดูซับซ้อนวุ่นวายและคิดมากเกินไปนะครับ แต่ก็นั่นล่ะ ถึงเกมสุดท้ายที่เรายังมีลุ้นเข้ารอบมันก็ต้องคิดให้มาก เพราะเรื่องมันไม่ง่ายอย่างที่คิด

ถ้าแค่เล่นเพื่อชนะก็เข้ารอบโดยไม่ต้องสนใจอีกสนาม ผมเชื่อว่าเราน่าจะได้เห็นรูปเกมออกมาอีกแบบหนึ่งโดยเฉพาะในครึ่งแรก (อิรักอยู่ในสถานการณ์แบบนี้เลยคือหลังพิงฝาต้องชนะเท่านั้น ถ้าชนะเข้ารอบ 100 เปอร์เซนต์ ถ้าเสมอต้องมาลุ้นให้ไทยแพ้)

แต่ก็นั่นล่ะครับ ทั้งหมดเป็นเพียงการคาดเดาของผมหลังจากที่เห็นเกมครึ่งแรกออกมาดูระแวงและระวังแบบนั้นจนกลายเป็นไม่มีโอกาสทำประตูเลย

ไม่เร่งเกม ฟูลแบ๊กไม่เติม แค่เล่นตามจังหวะ ประคองตัวไม่ให้เพลี่ยงพล้ำกับเกมบุกของทาจิกิสถานที่เขาต้องเอาแน่

แต่มันอาจเป็นแค่การเล่นหลุดฟอร์มด้วยความเกร็งกันไปเอง ไม่ได้มีอะไรในกอไผ่เรื่องมินิลีกเลยก็ได้

ในแง่ของเกมล้วน ๆ ไม่มีเรื่องอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง ครึ่งแรกของเกมเมื่อวันจันทร์เป็นผลงานที่แย่จริง ๆ เราถูกการไล่บดบี้ของผู้เล่นทาจิกิสถานสร้างปัญหาตลอดเวลา เสียบอลง่ายทั้งถูกบีบให้เสียและส่งรับกันผิดพลาดเอง

ไม่มีอะไรให้ได้ลุ้นในช่วง 45 นาทีแรกนั้น ถ้าจะมีลุ้นก็เพียงลุ้นไม่เสียประตู

ส่วนเกมครึ่งหลังผมเห็นว่าเราเปิดเกมมากขึ้น พร้อมเล่นเพื่อเป็นผู้ชนะ บอลเร็วกว่าเดิม ขึ้นหน้ามากกว่าเดิม มันประกอบกับเกมของทาจิกิสถานที่ยิ่งเปิดแลกเต็มตัวขึ้นไปอีกด้วยเพราะต้องการชนะเรา 2 ลูกขึ้นไป

เราจึงได้เห็นโอกาสได้ประตูของทีมชาติไทยมากขึ้นเพราะเราเล่นเกมบุกมากขึ้น แต่สิ่งที่ขาดหายไปคือคุณภาพในการตัดสินใจจังหวะสุดท้าย

หลายครั้งที่โอกาสดี ๆ ในเกมบุกจบลงด้วยการเลือกยิงไกล หรือรีบยิงในจังหวะที่ถูกขวาง ตรงนี้น่าเสียดายเพราะโดยธรรมชาติแล้วการยิงไกลมีโอกาสเป็นประตูน้อยมาก

ถ้าทีมยังมีทางเลือกอื่นในการเล่นจะเป็นการดีกว่าถ้าเลือกการเล่นที่ทำให้ทีมมีโอกาสได้ประตูมากกว่านี้ โดยเฉพาะการผ่านบอลให้เพื่อนที่เติมขึ้นมาถึงเขตโทษแล้ววิ่งทำทางเข้าไปเป็นตัวเลือกให้เพื่อนที่ได้บอลว่าจะแต่งบอลยิงเองหรือจ่ายเข้ากลาง

ตรงนี้ต้องขัดเกลากันไปสำหรับประสบการณ์ในเวทีระดับนี้และความกดดันระดับนี้

ส่วนการเปลี่ยน เอราวัณ การ์นิเย่ร์ ออกผมคิดว่าเกมนี้เอราวัณโดนรุมกินโต๊ะน่วมพอสมควร แน่นอนว่าครึ่งแรกการสร้างอิทธิพลต่อเกมย่อมมีไม่มากอยู่แล้วด้วยวิธีการเล่นของทีม แต่ครึ่งหลังเขาก็ยังไม่มีบทบาทมากนัก

การผ่านเกมระดับสูงมาทำให้ เอราวัณ มีความแตกต่าง บอลจากเท้าของเขาหวังผลได้ ความเร็วของเขาสร้างปัญหาให้คู่แข่งได้ แต่การประสานงานกับเพื่อนยังมีภาพของความขาด ๆ เกิน ๆ ให้บอลแล้วเพื่อนไม่ทันด้วยความคิดและมุมมองเกมที่ต่างกัน

เขาเป็นประโยชน์ต่อทีมชาติไทยแน่นอนอยู่แล้วครับ แต่ ณ เวลาหน้างานตอนนั้น เกมผ่านไปถึงกลางครึ่งหลังแล้ว ความสดลดน้อยลงแล้วและการเล่นร่วมกับเพื่อนก็ยังไม่ลงตัว เพื่อนยังตามไม่ทัน การเปลี่ยนเพื่อให้เกมสมดุลขึ้นก็เป็นเรื่องที่มีเหตุผลรองรับ

บางครั้งการเปลี่ยนตัวก็เกิดขึ้นด้วยเหตุผลด้านอื่นที่ไม่ใช่เรื่องฝีเท้าของนักเตะเพียงอย่างเดียว ไม่ใช่ว่าคนเก่งจะถูกเปลี่ยนตัวไม่ได้เลย และกับเกมนี้ถ้าจะมองดูสิ่งที่เกิดขึ้น ทีมชาติไทยก็มีโอกาสทำประตูเรื่อย ๆ หรืออาจจะมากขึ้นด้วยซ้ำหลังจากที่เปลี่ยนตัว เอราวัณ ออก

ผมพูดอย่างนี้ก็ไม่ได้หมายความว่า เอราวัณ ไม่ดี ไม่เก่ง หรือไม่มีประโยชน์ ตรงกันข้ามเลยผมชอบเด็กคนนี้มาก แต่ก็พยายามทำความเข้าใจกับเกมและการตัดสินใจของโค้ช มันเป็นจังหวะของเกม เป็นนาทีที่ทีมงานต้องตัดสินใจเพื่อผลงานของทีม ถูกผิดไม่รู้หรอกต้องมาลุ้นกันหลังจากนั้น

ถ้าจะเสียดายเรื่องนี้ก็คือหากเกมแพลนเราวางไว้แบบนั้นจริง การพักเอราวัณในครึ่งแรกแล้วส่งลงมาในครึ่งหลังอาจเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ แต่ก็เคารพการตัดสินใจของทีมงานที่อยู่กับทีมตลอดเวลา

ต้องไม่ลืมว่า ทาจิกิสถาน เองก็ยังมีโอกาสเข้ารอบด้วย โจทย์ของพวกเขาคือต้องชนะเรา 2 ประตูขึ้นไปและให้อิรักแพ้ซาอุฯ เกมรุกของพวกเขาก็โอเคยิงได้ 4 ประตูใน 2 เกมที่ผ่านมา บอลที่เล่นแบบสู้ตายอย่างนี้ก็ถือว่ายังต้องระวัง

และสุดท้ายเลยก็คือเราต้องไม่ลืมว่าเราเองก็ไม่ได้เก่งกาจถึงขนาดสามารถกำหนดผลการแข่งขันที่ต้องการได้ การเตรียมความพร้อมก็ไม่เต็มร้อย ความฟิตก็ยังไม่ได้เหนือกว่าหรือเป็นรองด้วยซ้ำจากนักเตะแต่ละคนที่ไม่ได้มีเกมลงเล่นมากนักในลีก

แล้วเราต้องเจอกับคู่แข่งแข็ง ๆ ทั้ง อิรัก และ ซาอุดีอาระเบีย 2 เกมในรอบ 3 วัน ถ้ารวมเกมนี้เข้าไปด้วยก็คือ 3 เกมในรอบ 6 วัน

จริงอยู่ว่าทุกทีมเจอเงื่อนไขเหมือนกันหมด แต่การที่เราเอาชนะ อิรัก อย่างสวยงามได้ในเกมแรกก็น่าจะถือว่าเราทำได้ยอดเยี่ยมจริง ๆ และการลงสนาม 3 เกม ชนะอิรัก แพ้ซาอุฯ กับโดนทาจิกิสถานยิงนาทีสุดท้ายมันก็ไม่ได้เลวร้ายราวกับทำความผิดร้ายแรงอย่างที่ถูกแฟนบอลบางคนด่าสับไม่มีชิ้นดี

ผมรู้ว่าเดี๋ยวก็จะต้องมีคำพูดทำนองว่า "โอ๋ ๆ กันไป สปอยล์กันไป ก็พัฒนากันอยู่แค่นี้ต่อไปแล้วกัน" อันนี้ก็คงแล้วแต่มุมมองและการแสดงออก

เพราะการตกรอบของเราไม่ได้เป็นเพราะนักฟุตบอลอย่างเดียว มันมีเหตุผลปัจจัยอื่นมากมายตั้งแต่พื้นฐานฟุตบอลของเรา ความแข็งแรงของลีก การวางแผนเตรียมความพร้อม การสนับสนุนที่มีให้คนทำงาน

ถ้าจะโยนความผิดทั้งหมดใส่ทีมทำงานที่ต้องแบกรับความไม่พร้อมทั้งหลาย ผมคิดว่าไม่ใช่ ยิ่งโยนความผิดใส่พวกเขาด้วยคำพูดบั่นทอนเลวร้ายดูถูกด้อยค่าก็ยิ่งไม่น่าใช่ ไม่เป็นประโยชน์ใด ๆ

หลังจากนี้ก็ได้แต่หวังว่าสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยภายใต้การบริหารของคณะทำงานชุดใหม่จะนำเรื่องนี้ไปพิจารณา จัดลำดับความสำคัญของแต่ละรายการให้ชัดเจน

เท่าที่ทราบมาเรื่องนี้ก็เป็นหนึ่งในภารกิจที่สมาคมฯ ตั้งใจจะทำ ผมหวังว่ามันจะเกิดขึ้นในที่สุดจากการร่วมมือกันอย่างจริงจังของทุกฝ่าย เพื่อทำให้ทีมชาติทุกชุดมีความพร้อมที่เหมาะสมที่สุดในการเข้าแข่งแต่ละรายการ

แน่นอนครับ รวมถึงเรื่องอื่น ๆ ที่ต้องมีการวางรากฐานที่แน่นหนา การกำหนดทิศทางที่ชาญฉลาดและถูกต้อง รวมทั้งการร่วมแรงร่วมใจกันอย่างเต็มที่ด้วย

สำหรับศึกชิงแชมป์เอเชีย ยู-23 ครั้งนี้ ผมคิดว่าเราสามารถนำเอาเกมชนะ อิรัก รวมทั้งนักเตะใหม่ ๆ ที่ได้รับโอกาสและทำผลงานให้เห็นว่าพวกเขาเล่นได้มาเป็นเรื่องดี ๆ ได้

ลองคำนึงถึงความพร้อมและความคาดหวังก่อนเดินทางไปเตะรายการนี้ เสียงดูถูกดูแคลนทั้งหลายว่าตกรอบตั้งแต่ก่อนขึ้นเครื่องบิน แล้วสามารถเรียกรอยยิ้ม สร้างความหวังให้เกิดขึ้นได้จนมีลุ้นถึงนัดสุดท้าย

ถามว่าไปได้ไกลเกินคาดไหม มันก็เกินคาด ถามว่าประสบความสำเร็จไหมคงไม่ใช่แต่ก็ไม่ได้ล้มเหลวอย่างทุเรศทุรังเหมือนกัน มาตรฐานที่เรามีบวกกับความพร้อมที่เราเตรียมไป มันยากจริง ๆ ที่จะฝ่าด่านไปได้

แต่แน่นอนครับพอเราเปิดตัวได้ดีมันก็มีความหวัง และเมื่อผิดหวังก็เจ็บปวด เป็นเรื่องธรรมดา

ผมคิดว่าเราไม่ควรลืมเกมชนะอิรัก นำมันมาเป็นกำลังใจและต่อยอดให้ดีขึ้น เช่นเดียวกับเก็บความล้มเหลวในเกมแพ้ ซาอุดีอาระเบีย กับ ทาจิกิสถาน มาพัฒนาตัวเองต่อไป

เรื่องหน้าบ้าน เรื่องหลังบ้าน ปัญหาใด ๆ ที่เกิดขึ้นก็หยิบมาพูดคุยหาวิธีแก้ปัญหาให้เด็ดขาด

เด็ก ๆ นักฟุตบอลทั้งหลาย หรือทีมงานสตาฟฟ์โค้ชก็เช่นกัน หลังจากนี้ไม่รู้ว่าทีมงานของโค้ชหระจะยังได้รับโอกาสต่อไปไหม ก็คงต้องรอดูการตัดสินใจจากสมาคมฯ อีกที

ส่วนพวกเราแฟนบอลก็ฝากความหวัง.. หวังว่าหลังจากนี้เราจะได้ไปเล่นในรายการใด ๆ แบบพร้อมสุดตัวสักที ซึ่งเรื่องนี้ต้องอาศัยความทุ่มเท ความเข้าใจ ความจริงจัง และความเสียสละเป็นอย่างมาก

แต่ก็นั่นล่ะครับ.. เราต่างก็หวังจะได้เห็นมันเกิดขึ้น เป็นกำลังใจให้ทุก ๆ ฝ่ายครับ


ที่มาของภาพ : -
BY : ตังกุย
ณัฐพล ดำรงโรจน์วัฒนา
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport