ทีมที่จะไปเป็นแชมป์

พวกเขาพร้อมใจกันตะเบ็งลำคอและกอดคอกันกระโดนจนอัฒจันทร์สั่นไหวราวกับว่าจะเป็นเกมสุดท้ายแล้วที่ได้มาเชียร์ ต่อให้เป็นเรื่องคุ้นเคยที่พบเจอได้ประจำทุกครั้งที่ดูอาร์เจนติน่าแต่ก็ไม่เคยจะวางกล้องให้อยู่นิ่งได้เลย

กดชัตเตอร์ครั้งแล้วครั้งเล่าทั้งภาพนิ่งภาพเคลื่อนไหว

ขณะเดียวกันก็อดสงสัยไม่ได้ต่อบทเพลงที่ทุกครั้งต้องได้ยินแถมครั้งละหลายรอบด้วยจึงดุ่มเข้าไปหาสาวกฟ้าขาวที่ยังวัยรุ่นอยู่ เขาพอพูดอังกฤษได้บ้างก่อนจดเนื้อเพลงมาให้ชื่อว่า"Vamos, vamos Argentina"ซึ่งความหมายในนั้นก็เป็นการปลุกเร้านักเตะตัวเองให้ใส่เต็มที่ยามได้สวมเครื่องแบบ ไม่ว่าผลการแข่งขันออกมาอย่างไรก็จะมีแฟนบอลคอยให้กำลังใจไม่เคยเปลี่ยน

อยากให้ลองไปหาฟังในยูทูปครับ เป็นเพลงที่เมโลดี้กระตุ้นให้อยากร่วมปรบมือเข้าจังหวะด้วยอย่างยิ่ง

ตลอด90นาทีในสนามที่ประกอบจากตู้คอนเทนเนอร์974ตู้ก็มีแต่เสียงของสาวกฟ้าขาวโดยตลอด ก็มองไปทางไหนก็เจอแต่พวกเขา มีแค่หยิบมือเดียวจริงๆที่พอเห็นสีแดงของโปแลนด์สอดแทรกเข้ามา ก็แค่นี้ก็เหมือนเอาชนะได้ตั้งแต่บอลยังไม่เขี่ยแล้ว

คำว่า'ผู้เล่นคนที่12'ไม่เคยตกยุค    


เราต่างสะท้านมานักต่อนักว่าพลังงานที่ถ่ายทอดจากรอบทิศน้ันมีเอฟเฟกต์โดยตรงกับพวกนักเตะ นี่ก็เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ว่าหากอาร์เจนติน่าจะก้าวไปหยิบแชมป์โลกสมัยสาม

แน่นอนว่าลำพังเสียงจากกองเชียร์คงไม่เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาฝ่าด่านอรหันต์เข้าไปยืนในวันสุดท้าย18 ธันวาคมนี้ มันต้องมีจุดเด่นด้านอื่นด้วยซึ่งในเกมกับโปแลนด์ก็เริ่มแสดงสิ่งเหล่านั้นออกมาเรียบร้อย

นี่เป็นเกมที่ลิโอเนล เมสซี่กับเดอะ แก๊งค์โชว์ฟอร์มเข้าตาที่สุดในเวิล์ด คัพหนนี้ 

เอาว่ามันทำให้เราทุกคนลืมไปเลยว่าเมื่อเร็วๆมานี้เคยมีต่อมน้ำตาแตกจากหลายคนมาแล้วภายหลังโดนซาอุดิอาระเบียกะซวก2-1

ฟุตบอลเปลี่ยนเร็วเสมอ

ประวัติศาสตร์ของบอลทัวร์นาเมนต์เองก็มีให้เห็นชาติที่ออกสตาร์ทตะกุกตะกักแต่ก็ค่อยๆดีขึ้นตามลำดับจนในที่สุดทะยานไปเป็นแชมเปี้ยน เอาที่คงจำกันได้ก็สเปนในปี2010ที่ก็แพ้ในเกมนัดแรกมาเหมือนกัน

จากที่เคยเล่นเหมือนคนที่แบกความกดดันไว้เต็มสองบ่าก็ดูผ่อนคลายขึ้น นั่นจึงทำให้ตั้งแต่เสียงนกหวีดยาวดังก็เแทบจะเป็นเกมของทางอาร์เจนติน่าลุยฝ่ายเดียว เอาว่าตลอดเกมโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ไม่ได้ง้างสับไกเลยสักครั้ง

นี่ก็เป็นอีกจุดที่ชวนให้รู้สึกว่าบางทีอาจจะเป็นปีของทีมฟ้าขาวภายหลังหายไปนานนับแต่'แฮนด์ ออฟ ก็อด'ปี1986ในยุคดีเอโก้ มาราโดน่า

บอลทัวร์นาเมนต์ไม่มีหรอกพวกพระเอกขี่ม้าขาวม้วนเดียวจบ ส่วนใหญ่จะมาแบบเหมือนลุ่มๆดอนๆซึ่งอย่างสี่ปีที่แล้วผลงานของฝรั่งเศสในรอบแบ่งกลุ่มเองก็ใช่ว่าจะโดดเด่น แข่ง3เกมชนะ2กับเสมอ1ยิงได้เพียง3ลูกเท่านั้น

ใช่ ดังนั้นทำไมความฝันสูงสุดของเมสซี่กับเหล่าแฟนบอลทุกคนถึงจะเป็นไปไม่ได้?

ตอนนี้ลิโอเนล สกาโลนี่ก็ดูได้ทีมลงตัวขึ้น จากที่สังเกตเขาจะจัดทีมต่างไปอยู่ที่ฟอร์มกับคู่ต่อสู้โดยเกมกับโปแลนด์จัดการดร็อปเลาตาโร่ มาร์ติเนซ ส่งฆูเลี่ยน อัลบาเรซเป็นตัวจริงซึ่งกองหน้าจากแมนฯซิตี้ก็ตอบแทนด้วยประตู

ในแนวรับกลายว่าใช้คริสเตียน โรเมโร่คู่นิโกล่าส์ โอตาเมนดี้บ้างทำให้ลิซานโดร มาร์ติเนซต้องกลับไปอยู่บนม้านั่งสำรอง ส่วนแดนกลางเป็นเอ็นโซ่ เฟอร์นานเดซที่ได้รับความวางใจให้ออกสตาร์ท ตำแหน่งนี้มีลองผิดลองถูกมาทุกเกมจนกระทั่งน่าจะเป็นมิดฟิลด์วัย21จากเบนฟิก้ารายนี้ที่ยึดตำแหน่งได้

ไม่ว่าใครจะได้โอกาสจากโค้ช ความหมายของทีมที่ดีก็คือคนที่ลงมาต้องเล่นได้ตามแท็กติก คนที่ได้โอกาสก็จะต้องทุ่มเทสุดตัวเพื่อทีมและเมื่อคืนวันพุธก็ได้พบสิ่งนี้จากนักเตะอาร์เจนติน่าทุกคน

เส้นทางของพวกเขาก็ดูสดใสโดยรอบ16ทีมเจอออสเตรเลีย ถ้าผ่านทีมจิงโจ้ได้ก็มีแนวโน้มต้องวัดกับฮอลแลนด์ของหลุยส์ ฟาน กัลที่ย่อมไม่ง่ายแต่ก็ไม่ได้ว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวในระดับเดียวกับบราซิล

เชื่อไหมว่าวินาทีที่เมสซี่พลาดลูกโทษก็ยังคงมีความเชื่อว่ายังไงสามคะแนนก็ต้องเป็นของทีมฟ้าขาวแน่ ด้วยเวลาที่เหลืออีกเยอะ ด้วยเสียงเชียร์ของแฟนบอลที่คงร้องกันไม่หยุด มันจึงมีเซนส์ที่เกิดขึ้นว่านี่แหละคุณสมบัติของทีมที่อาจจะไปเป็นแชมป์    

หากมันเป็นเพียงการคาดเดาจากชิ้นส่วนของหลักฐานที่สัมผัสได้ตลอดสามเกมในรอบแบ่งกลุ่ม มันก็อาจจะถูกหรือผิดได้ทั้งนั้น

แรงกระหายของเมสซี่กับบอลโลกครั้งสุดท้ายย่อมทำให้เพื่อนร่วมทีมทุกคนอยากทำให้ได้ เขาก็เหมือนมาราโดน่าเป็นเทพเจ้าของทุกคนในอาร์เจนติน่า มีเพลงสดุดีให้โดยเท่านั้นไม่พอต้องมีการทำท่าศิโรราบประกอบตามด้วย




ก็จำได้ว่าก่อนนี้ในรถเมโทรสายสีแดงของกรุงโดฮาก็มีกองเชียร์บราซิลที่ร้องแซวคู่อริว่า"Bye Messi Bye Messi"โดยตอนนั้นเพิ่งพลิกเสียท่าให้ซาอุฯมาหมาดๆ ทว่าเชื่อได้เลยว่าหากเลือกได้แล้วชาติสุดท้ายที่พวกเขาชาวแซมบ้าอยากเลือกเจอก็ต้องเป็นอาร์เจนติน่า

ความมั่นใจกำลังมา

แฟนบอลทุกคนก็กำลังฮึกเหิม

เมสซี่เคยอกหักมาแล้วในปี2014ซึ่งหนนั้นเจอทีเด็ดของเยอรมันไปในช่วงต่อเวลา ทุกอย่างล้วนเป็นความเจ็บปวดที่ย่อมถูกรีดออกมาให้เป็นตัวขับเคลื่อนเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย การแพ้ในเกมแรกไม่เคยจะใช้เป็นบรรทัดฐานได้เลยว่าจะไปเป็นแชมป์ไม่ได้

ถึงตรงนี้มันก็แค่ฝันร้ายเท่านั้น...

"ไก่ป่า"


ที่มาของภาพ : getty images
BY : ไก่ป่า
เอกราช นิติสุทธิ์สกุล
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport