เราไม่สามารถเรียกเบลเยียมว่าทีมม้ามืดได้อีกต่อไปแล้ว เพราะทีมของ มาร์ค วิลม็อตส์ คือหนึ่งในตัวเต็งที่ถูกมองว่าจะงาบแชมป์ยูโร 2016 และถ้าผลงานของพวกเขาเกิดต่ำกว่าการเข้ารอบรองชนะเลิศขึ้นมา ก็จะถือว่าเป็นความล้มเหลวอย่างแน่นอน สำหรับขุมกำลังชุดนี้ที่ได้รับการปลุกปั้นร่วมกันขึ้นมาตั้งแต่สมัยยังเป็นเยาวชน
ทีมปีศาจแดงแห่งยุโรป จบที่รอบก่อนรองชนะเลิศในฟุตบอลโลกครั้งล่าสุดที่บราซิล ด้วยการแพ้ต่ออาร์เจนติน่า 0-1 แต่จากนั้นพวกเขาก็มีผลงานสุดแข็งแกร่งทั้งในการคัดเลือกยูโร และกระชับมิตร จนทำอันดับขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งของโลกได้เลยด้วยซ้ำเมื่อช่วงปีที่ผ่านมา
สำหรับการเล่นรอบคัดเลือกยูโรหนนี้ เบลเยียมแทบไม่เคยเจอกับปัญหาให้ต้องหนักใจเลยในกลุ่มบี สามครั้งที่พวกเขาทำแต้มหลุดมือคือการแพ้ และเสมอเวลส์ รวมถึงการสะดุดเสมอบอสเนียฯ ซึ่งเกมที่แพ้ต่อทีมมังกรแดงนั้นก็เป็นเพียงนัดเดียวที่พวกเขาปราชัย จากประตูชัยของ แกเร็ธ เบล
ก่อนที่จะมาบุกถล่มอันดอร์ร่า 4-1 เป็นการการันตีการเข้ารอบสุดท้ายตั้งแต่นัดรองสุดท้ายของการแบ่งกลุ่ม ที่พวกเขาพังประตูไปทั้งหมดถึง 24 ลูก โดยมี เควิน เดอ บรอยน์ กับ เอแด็น อาซาร์ เป็นดาวซัลโวสูงสุดร่วมกันที่คนละ 5 ประตู
ทัวร์นาเม้นต์ใหญ่ครั้งนี้จึงถูกมองว่าเวลามันน่าจะมาถึงเสียที สำหรับการประกาศศักดาของทีมชาติเบลเยียม ในการเล่นศึกชิงแชมป์ยุโรปรอบสุดท้ายครั้งที่ 3 ของพวกเขาตั้งแต่ปี 1980 เมื่อครั้งที่เคยไปไกลถึงตำแหน่งรองแชมป์