"การ์ตูน-วรรณวิสาข์"ตบดาวรุ่งสุดแกร่งที่ทุกคนจับตา

นักเทเบิลเทนนิสดาวดังระดับประเทศของไทยทุกคนล้วนแล้วแต่เริ่มต้นด้วยการเป็นเพชรประกายแสงเมื่อครั้งเป็นนักกีฬาวัยรุ่น มือพระกาฬของทีมชาติในปัจจุบันนี้อย่าง "หญิง" สุธาสีนี เสวตรบุตร, "แป๋ว" นันทนา คำวงศ์, "ทิพย์" อรวรรณ พาระนัง, "ไบร์ท" ภาดาศักดิ์ ตันวิริยะเวชกุล, "แตงโม" ธมลวรรณ เขตต์เขื่อน หรือแม้แต่พวกที่พ้นรุ่นเยาวชนมาไม่กี่อึดใจอย่าง "บัว" จิณห์นิภา เสวตรบุตร และ "ภูมิ" ญาณพงศ์ พนากิจกุล ต่างก็เคยสร้างผลงานระดับสุดยอดในรุ่นเยาวชนมาแล้วแทบทั้งสิ้น และหากพูดถึงนักกีฬาปิงปองดาวรุ่งของไทยในเวลานี้ที่ใกล้เคียงจะกลายเป็นซุปตาร์คนต่อไปมากที่สุด มั่นใจได้เลยว่าคนในวงการบ้านเราส่วนใหญ่คงต้องมีชื่อของ "การ์ตูน" วรรณวิสาข์ เอื้อวิริยะโยธิน รวมอยู่ในใจด้วยอย่างแน่นอน
ปัจจุบันแม้ วรรณวิสาข์ เอื้อวิริยะโยธิน จะมีอายุอานามเพียง 16 ปี ซึ่งยังคงต้องมีอุปสรรคขวากหนามอีกมากมายกั้นขวางเจ้าตัวอยู่ในการจะขึ้นชั้นเป็นดาวจรัสฟ้าได้ แต่ทว่าด้วยผลงานที่สาวน้อยคนนี้เริ่มสั่งสมมาตั้งแต่เยาว์วัย อาทิการผ่านการคัดเลือกเป็นตัวแทนของไทยและฝ่าฟันคู่แข่งนานาชาติผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมทีมเอเชียรุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี แล้วไปสู้ศึกเยาวชนชิงแชมป์โลกก่อนคว้าตำแหน่งรองแชมโลกในประเภททีมหญิงมาครองได้เมื่อปี 2018
รวมไปถึงสไตล์การเล่นที่ดุดันแข็งแรงเกินเด็ก จนเหล่าผู้ฝึกสอนทีมชาติถึงกับเคยเอ่ยปากว่าเห็นเด็กคนนี้ตีแล้วเหมือนกับเห็น "แป๋ว" นันทนา คำวงศ์ ตำนานทีมชาติที่ยังไม่เลิกตีในปัจจุบันตีในสนามเมื่อครั้งเป็นละอ่อนอย่างมาก ทั้งหมดนี้จึงทำให้หลายคนในวงการถึงขั้นกับยกให้ "การ์ตูน" คือเบอร์ 1 ของประเทศไทยในบรรดานักกีฬาหญิงที่อายุต่ำกว่า 18 ปีลงมาทั้งหมดในเวลานี้ ว่าแล้วเห็นทีไม่ควรรอช้า ทีมงานสยามกีฬาควรให้ท่านผู้อ่านได้มารู้จักกับสาวน้อยคนเก่งวัย 16 ปีนี้โดยเร็วที่สุด.....
สยามกีฬา : เริ่มรู้จักกับกีฬาเทเบิลเทนนิสได้อย่างไร ?
การ์ตูน : ตอนอายุประมาณ 8 ขวบ หนูเรียนอยู่ที่โรงเรียนเทศบาลบ้านโนนทัน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตอนนั้นได้เล่นกีฬาปิงปองครั้งแรกเพราะเป็นหนึ่งในการเรียนการสอนของวิชาพละ พอได้เล่นตอนนั้นก็รู้สึกว่ามันสนุก เกิดเป็นความชอบจนติดใจขึ้นมา เวลามีแบบทดสอบต่างๆ เราก็เหมือนจะทำได้ดีกว่าคนอื่น อย่างเช่นการเดาะลูกปิงปองบนไม้ หนูก็ทำได้มากกว่าเพื่อนในห้อง จนครูสมใจ พัดขุนทด ครูสอนวิชาพละซึ่งอดีตท่านก็เคยเป็นนักกีฬาปิงปองมาก่อน เขาเห็นความตั้งใจ เห็นความมุ่งมั่นในการเล่นของเรา จึงชวนให้เราไปลองฝึกซ้อมจริงจังหลังเลิกเรียนเพื่อลองไปแข่งขันดู หนูก็บอกกับที่บ้านว่าอยากลองมาฝึกซ้อมหลังเลิกเรียนแล้วเข้าแข่งขันดูอย่างที่ครูที่โรงเรียนชวน ที่บ้านก็ลองให้เราทำ และรายการแรกในชีวิตที่สมัครเข้าแข่งขันคือกีฬาอบท. หรือ กีฬาองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น จำได้ว่าตอนนั้นอายุ 8 ขวบแต่ว่าเข้าแข่งขันรุ่นไม่เกิน 12 ปี และสามารถคว้าเหรียญทองแดงมาได้ หลังจากนั้นที่บ้านก็เหมือนเห็นฝีมือของหนู คุณแม่หนูเลยเริ่มพาหนูทัวร์แข่งขันรายการต่างๆ ค่ะ
สยามกีฬา : จากเด็กน้อยต่างจังหวัด ชีวิตหลังจากนั้นเป็นอย่างไร ?
การ์ตูน : จริงๆ แรกเริ่มเลยหนูเกิดที่จ.นครราชสีมาค่ะ จากนั้นช่วง 3 ขวบที่บ้านต้องย้ายไปอยู่ขอนแก่นตามที่ทำงานของพ่อ จนช่วงอายุประมาณ 10 ขวบที่คุณแม่เริ่มพาหนูแข่งปิงปอง ตอนนั้นครูสมใจที่ติดตามเรื่องปิงปองของประเทศอยู่แล้วก็รับทราบข่าวมาแล้วมาบอกคุณแม่ว่าจะมีการคัดนักกีฬารุ่นโฮปทีมชาติ หรือนักกีฬาทีมชาติรุ่นอายุไม่เกิน 12 ปีเพื่อเป็นตัวแทนไปแข่งขันในรายการนานาชาติต่อไป ซึ่งที่บ้านก็สนใจและมองว่าน่าจะเป็นโอกาสที่ดีรวมทั้งตัวหนูก็อยากที่จะลองดูด้วย พ่อกับแม่ก็เลยตัดสินใจพาหนูและน้องสาวนั่งรถทัวร์จากขอนแก่นไปกรุงเทพฯ เพื่อที่จะส่งหนูคัดตัวโฮป ซึ่งปรากฎว่าจากเด็กที่มาสมัครจากทั่วประเทศหนูก็สามารถติดเป็น 1 ใน 12 คนสุดท้ายที่ได้รับเลือกเข้าแคมป์เก็บตัวโฮปได้สำเร็จ ตอนนั้นจำได้ว่าเข้าแคมป์ทั้งหมด 1 สัปดาห์ที่ม.ธนบุรี พอจบแคมป์ก็จะมีแข่งคัดเลือกให้เหลือ 6 คน และสุดท้ายหนูคัดไม่ติด ก็เสียใจมาก ร้องไห้หนักมาก แต่ว่าในเรื่องราวร้ายๆ ที่เสียใจตอนนั้นเรื่องที่ดีที่เกิดขึ้นก็คือมี "โค้ชปริญ" ปริญญา นนท์สาเกตุ ผู้ฝึกสอนระดับทีมชาติได้เข้ามาพูดคุยกับหนูกับครอบครัวแล้วบอกว่าสนใจในความสามารถของหนู อยากให้ลองมาฝึกที่กรุงเทพฯ ที่ยิมเทเบิลเทนนิสของโค้ชปริญดู เพราะโค้ชเขามองว่าหนูมีแวว
ช่วงเวลาตอนนั้นจำได้ว่าหนูและที่บ้านคิดกันหนักมาก ถึงแม้ว่ายิมปิงปองแบริ่ง 30 ของโค้ชปริญจะอยู่แถวบางนา ซึ่งพอดีว่าหนูมีคุณยายที่มีบ้านอยู่แถวนั้นพอดี ตอนแรกก็มีลองมาอยู่ฝึกสัก 1 เดือน แต่พอหลังจากนั้นที่จะต้องตัดสินใจย้ายมาเรียนที่กรุงเทพฯ เลยที่บ้านก็ค่อนข้างเป็นห่วง คุณพ่อหนูเองก็เป็นนายหน้าอยู่ที่ขอนแก่น ถ้าจะมาเรียนก็ต้องมาอยู่กับยายเท่านั้น พ่อและแม่คงไม่ได้มาด้วย ตัดสินใจกันอยู่นานค่ะ แต่สุดท้ายแล้วคุณแม่ก็บอกว่าโอกาสแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นได้ง่ายๆ ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ ที่บ้านจึงตัดสินใจเชื่อมั่นในฝีมือหนูและเชื่อมั่นในตัวโค้ชปริญที่บอกว่าหนูมีแวว มีโอกาสไปได้ไกล ให้หนูย้ายมาเรียนที่ร.ร.ผ่องพลอยอนุสรณ์ ในชั้นป.5 หลังจากนั้นพอได้เป็นนักกีฬาเต็มตัวก็ย้ายที่เรียนไปเรียนในช่วงมัธยมต้นที่ร.ร.เทศบาล 4 เจริญอุปถัมภ์ปัญญาธร จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นสถานศึกษาที่ให้การช่วยเหลือหนูได้จัดสรรค์เวลาในการแข่งขันกีฬากับการเรียนได้อย่างเต็มที่ ทำให้ได้มาใช้ชีวิตเป็นนักกีฬาอยู่ที่กรุงเทพฯ ตลอดแล้วค่ะ
สยามกีฬา : ก้าวสู่การเป็นนักกีฬาเยาวชนทีมชาติ ?
การ์ตูน : ตอนหนูอายุได้ 13 ปี หนูไปคัดนักกีฬาเยาวชนทีมชาติรุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี แล้วก็ติดได้รับโอกาสไปแข่งขันกีฬาเทเบิลเทนนิส เยาวชนชิงแชมป์อาเซียน ปี 2017 ที่ประเทศสิงคโปร์ ตอนนั้นพอคัดติดก็โทรไปหาที่บ้านแล้วก็กรี๊ดลั่นบ้านเลยค่ะ (หัวเราะ) มันเป็นอะไรที่หนูดีใจมาก แล้วพอได้ไปแข่งขันที่สิงคโปร์ก็ถือเป็นการออกต่างประเทศครั้งแรกของหนูด้วย ซึ่งผลงานในรายการนั้นก็สามารถได้เหรียญทองแดงประเภททีมหญิงรุ่นไม่เกิน 15 ปีมาค่ะ
สยามกีฬา : สไตล์การตีและจุดแข็งที่ใช้เผด็จศึกคู่แข่งของการ์ตูน ?
การ์ตูน : มีแต่คนบอกว่าหนูท็อปสปินได้เหมือนผู้ชายน่ะค่ะ ตีได้ทั้งในรูปแบบของผู้ชายและผู้หญิง คือจะแรงก็ได้หรือเร็วก็ได้ เวลาจะทำใส่คู่แข่งจะใช้การขึ้นลูกท็อป โฟร์แฮนด์ หรือแบ็คสปิน เวลาหนูโจมตีด้วยลูกเหล่านี้จะค่อนข้างหนักเกินกว่าเพื่อนๆ รุ่นเดียวกัน
สยามกีฬา : ผลงานที่ตนเองประทับใจที่สุด ?
การ์ตูน : น่าจะเป็นการได้สิทธิ์ไปแข่งขันรายการเวิลด์ คาเดท ตอนปี 2018 ค่ะ ตอนนั้นสามารถคัดตัวเยาวชนทีมชาติผ่านเป็นผู้เล่น 1 ใน 3 คนสุดท้ายของประเทศไทยในรุ่นอายุไม่เกิน 15 ปีหญิง ไปแข่งขันรายการเทเบิลเทนนิส เยาวชนชิงแชมป์เอเชีย ที่ประเทศเมียนมา ซึ่งในประเภททีมหญิงตอนนั้นตกรอบแรก แต่ประเภทเดี่ยวหนูสามารถเอาชนะนักกีฬาจากประเทศอินเดียที่มีเวิลด์แรงกิ้งเป็นอันดับ 7 ของโลกได้ในรอบแรก 3-1 เกม เป็นนักกีฬาหญิงรุ่น 15 ปีของไทยคนเดียวในปีนั้นที่ได้ผ่านเข้าสู่รอบ 8 คนสุดท้าย ซึ่งนักกีฬา 8 คนสุดท้ายจะได้สิทธิ์เป็นผู้เล่นตัวแทนทีมเยาวชนเอเชียไปแข่งขันรายการเทเบิลเทนนิส เยาวชนชิงแชมป์โลก หรือ เวิลด์ คาเดท ที่เมืองโตโตริ ประเทศญี่ปุ่นทันที โดยผลงานที่ญี่ปุ่นในประเภททีมนั้น ทีมเอเชียที่หนูร่วมด้วยคว้าตำแหน่งรองแชมป์โลกค่ะ ส่วนในประเภทเดี่ยวหนูได้อันดับที่ 15 ของโลก ก็ถือเป็นผลงานที่หนูไปได้ไกลมากๆ อย่างที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะไปถึงจุดนั้นค่ะ
สยามกีฬา : ช่วงเวลาที่ยากลำบากในชีวิต ?
การ์ตูน : ก็คงน่าจะเป็นช่วงที่ต้องจากคุณพ่อคุณแม่มาอยู่ที่กรุงเทพฯ แรกๆ ค่ะ ตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่หนักมากสำหรับหนู ด้วยความที่เรายังเด็ก มาอยู่ที่บ้านคุณยายซึ่งใกล้กับยิมที่ซ้อมจริง แต่บางช่วงเวลาบ้านคุณยายก็ไม่พร้อม ก็ต้องมีไปพักบ้านพี่ซึ่งไกลออกไปมาก พอเลิกเรียนเสร็จก็ต้องไปซ้อมถึงดึกประมาณ 3-4 ทุ่ม กว่าจะถึงบ้านพี่ แล้วตอนเช้าก็ต้องรีบตื่นประมาณตี 4 เพื่อจะนั่งรถไปเรียนให้ทันเวลา ตอนนั้นมีความคิดที่เริ่มจะท้อแล้ว และมีช่วงหนึ่งที่ต้องไปพักกับโค้ชปริญเป็นปี ด้วยความเป็นเด็กไม่เคยต้องแยกกับพ่อแม่มานอนกับคนแปลกหน้ามาก่อน ตอนนั้นร้องไห้อยากกลับบ้านคิดถึงพ่อแม่ทุกวันเลยค่ะ แล้วหนูก็โทรหาคุณพ่อคุณแม่ทุกวันซึ่งพ่อแม่ก็ให้กำลังใจหนูตลอด บอกให้หนูสู้เพื่อความฝัน สู้เพื่อที่จะให้ชีวิตประสบความสำเร็จและไปให้ถึงยังจุดที่รุ่นพี่ทีมชาติเขาทำได้ค่ะ พอเริ่มโตขึ้นมามองย้อนกลับไปช่วงเวลาเหล่านั้นก็ทำให้หนูแข็งแกร่งขึ้นจริงๆ ค่ะ
สยามกีฬา : อะไรคือสิ่งสำคัญที่ทำให้การ์ตูนพัฒนาตนเองขึ้นมาได้เรื่อยๆ จนทุกคนจับตามอง ?
การ์ตูน : หนูคิดว่าสิ่งสำคัญเลยคือการสนับสนุนของครอบครัวหนูค่ะ บ้านหนูไม่ได้รวย เป็นครอบครัวที่มีความลำบาก ด้วยความที่หนูอยากได้เงินรางวัลไปช่วยที่บ้านเลยอยากพยายามถีบตัวเองให้เก่งขึ้น รวมทั้งโค้ชปริญก็พยายามวางแผนการพัฒนาให้หนูเป็นอย่างดี วางเป้าหมายให้หนูชัดเจน หนูเลยอยากพยายามทำให้ตัวเองประสบความสำเร็จ พ่อแม่หนูจะได้สบาย หนูมีเป้าหมายที่จะทำเพื่อครอบครัวน่ะค่ะ
สยามกีฬา : ตั้งเป้าหมายในเส้นทางสายเทเบิลเทนนิสนี้ไว้อย่างไร ?
การ์ตูน : เป้าหมายสูงสุดของหนูตอนนี้คืออยากไปแข่งขันยูธโอลิมปิกค่ะ หนูอยากได้เหรียญรางวัลด้วย ถ้าทำได้คงเป็นประวัติศาสตร์เพราะยังไม่เคยมีนักปิงปองไทยทำได้ และถ้าทำได้จริงก็คงได้เงินรางวัลหลายล้าน พ่อแม่หนูจะได้สบายค่ะ ส่วนในอนาคตก็อยากเป็นนักกีฬาอาชีพค่ะ
สยามกีฬา : มีอะไรอยากฝากบอกแฟนๆ ที่ชื่นชอบเราหรือเชียร์เราอยู่มั้ย ?
การ์ตูน : ขอบคุณคนที่คอยเชียร์คอยติดตามผลงานการแข่งขันของหนูนะคะ ขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้กันค่ะ หนูจะทำให้ดีที่สุดตามที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้ เจอกันที่สนามก็เข้ามาทักทายกันได้นะคะ และสามารถติดตามผลงานหนูได้ทางเฟซบุ๊ค Aueaviriyayothin Wanwisa และไอจี cartoon_wws ค่ะ แล้วเจอกันนะคะ ^v^
ความในใจจากคุณพ่อคุณแม่
คุณพ่อคุณแม่ของการ์ตูน : ตั้งใจที่จะสนับสนุนเขาตั้งแต่เด็ก ในวันที่รู้ว่าจะมีเปิดคัดนักกีฬารุ่นไม่เกิน 12 ปีทีมชาติก็พร้อมที่จะพาลูกนั่งรถทัวร์จากขอนแก่นไปคัดที่กรุงเทพฯ เลย มองย้อนกลับไปในวันนั้นไม่ได้มีความกลัวหรือกังวลว่าจะเสียเวลาเดินทางไปไกลแล้วลูกจะคัดไม่ติดแต่อย่างใด คิดแค่ว่าในตอนนี้เรายังมีแรงมากพอที่จะพาลูกไปหาประสบการณ์ ในช่วงแรกที่เขาเริ่มตีปิงปองก็คิดแค่ว่าอยากให้ลูกได้รู้จักออกกำลังกาย ดีกว่าการเล่นโทรศัพท์ แต่ที่มาได้ไกลขนาดนี้ก็น่าจะเป็นเพราะพรสวรรค์ของเขาบวกกับพรแสวงที่เขามุ่งมั่นตั้งใจ ก็พยายามสอนเขาให้เขามีความตั้งใจมากๆ เพราะเรามีต้นทุนชีวิตไม่เหมือนคนอื่น อยากให้ตั้งใจให้คุ้มกับที่พ่อแม่ลงทุนลงแรง ผลที่ออกมาจะเป็นยังไงก็ช่าง ขอแค่ให้เขาตั้งใจให้เต็มที่ และอยากให้เขารักษามาตรฐานของตัวเองเอาไว้ ทำให้เต็มที่ ผลออกมาเป็นไงพ่อและแม่รับได้อยู่แล้วและจะคอยอยู่ข้างๆ เขาเป็นกำลังใจให้เขาเสมอ
วรรณวิสาข์ เอื้อวิริยะโยธิน (นักเทเบิลเทนนิสเยาวชนทีมชาติไทย)
ชื่อเล่น : การ์ตูน อายุ : 16 ปี
เกิด : 2 มิ.ย. 2547
หนัก : 60 กก. สูง : 165 ซม.
ภูมิลำเนา : จ.นครราชสีมา
สังกัด : สโมสรกีฬาเซ็นทรัล
บิดา : ญาณวัฒน์ พันธ์สนิท
มารดา : ศิริพร เอื้อวิริยะโยธิน
น้องสาว : "กีต้า" พิชญาภา เอื้อวิริยะโยธิน
โค้ชคนแรก : ครูสมใจ พัดขุนทด และ "โค้ชปริญ" ปริญญา นนท์สาเกตุ
ผลงาน : รองแชมป์โลกประเภททีมหญิง (ร่วมทีมเอเชีย) รุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี รายการ เทเบิลเทนนิสเยาวชนชิงแชมป์โลก 2018 ที่เมืองโตโตริ ประเทศญี่ปุ่น, เหรียญทองแดงประเภททีมหญิง รุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี รายการ หัว ซิน คัพ 2019 ที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน, เหรียญทองประเภทหญิงคู่และเหรียญเงินประเภททีมหญิง รุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี รายการ เทเบิลเทนนิสเยาวชนชิงแชมป์อาเซียน 2019 ที่แฟชันไอส์แลนด์
เลิฟ...เลิฟ