"ปวิณ" ยันบีจีเปลี่ยนชื่อ พร้อมเผยใครบ้างไม่ได้ไปต่อ

ปวิณ ภิรมย์ภักดี บอสใหญ่ของทีม บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่จะใช้ชื่อนี้แทน บางกอกกล๊าส เอฟซี ในฤดูกาลหน้า เปิดใจอย่างเป็นทางการ ถึงการปล่อยตัวและการดึงนักเตะทำทีม ในซีซั่น 2019
โดยบอสใหญ่ของทีม บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ได้เปิดใจอย่างเป็นทางการ ทีมจะปล่อย ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ไปเซเรโซ่ โอซาก้า อย่างแน่นอน แต่จะแลกกับกองหลังเอเชียของทีมพันธมิตร ซึ่งจะสลับในรูปแบบยืมตัว 1 ปีเต็ม แต่จะเป็นใครนั้นต้องขอให้รอหลัง เจ ลีก ปิดฉาก 1 ธ.ค.นี้ อีกทั้ง จักรกฤษ ลาภตระกูล จะเป็นอีกคนที่ไปแดนปลาดิบ หลังมีทีมใน เจ ทู ให้ความสนใจ ที่สำคัญยังได้เผยว่าเซ็นกับ อิรฟาน ฟานดี้ ลูกชายของ ฟานดี้ อาหมัด กุนซือและตำนานทีมชาติสิงคโปร์ ในโควตาอาเซียนแล้ว จะมาร่วมทีมหลังจบ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2018 รวมถึงทีมเตรียมปล่อย นริศ ทวีกุล, ศราวุฒิ มาสุข, ปิยะชนก ดาฤทธิ์ พ้นทีม เพราะเป้าหมายปีหน้าต้องเลื่อนชั้นกลับมาสู่ไทยลีก 2020 ให้ได้ จึงเป็นสาเหตุที่ต้องการผู้ช้ำชองใน ที 2 อย่าง ดุสิต เฉลิมแสน มากุมบังเหียน อีกทังยังหวังโกยคะแนนมากที่สุดในเลกแรก เพื่อหวังถึงการเป็นแชมป์ฟุตบอลถ้วยปี 2019
หลังจากมีข่าวออกมาว่า “นิว”ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ห้องเครื่องพลังม้าของ บางกอกกล๊าส เอฟซี และทีมชาติไทย ชุดป้องกันแชมป์ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2018 จะโยกไปเล่นให้ เซเรโซ่ โอซาก้า ทีมดังใน เจ ลีก ปี 2019 พันธมิตรของบีจีเอฟซี
ทว่าเงื่อนไขที่กำลังเจรจากันนั้น มีข้อมูลรายงานออกมาว่า “เดอะบลู แมชชีน” ก็ต้องการกองกลางเข้ามาทดแทน ฉะนั้นจึงมองไปที่ “ซูซ่า” มิดฟิลด์ตัวตัดเกมชาวบราซิล คือคนที่ทีมกำลังเล็งอยู่ แต่จะบรรลุหรือไม่นั้นคงจะมีการแถลงกันอีกที เพราะ เจ ลีก จะปิดฉากในวันที่ 1 ธ.ค.นี้
รวมถึงมีข่าวว่า บางกอกกล๊าส เอฟซี จะมีการเปลี่ยนชื่อเป็น "บีจี ปทุม ยูไนเต็ด" (BG Pathum United) ซึ่งความหมายก็คือ เพื่อความเป็นหนึ่งในการร่วมสนับสนุนทีมฟุตบอลของท้องถื่นชาวจังหวัดปทุมธานี โดยจะเริ่มการใช้ชื่อสโมสรใหม่สู่สาธารณะอย่างเป็นทางการ ในซีซั่น 2019 เป็นต้นไป
ทว่ายังคงใช้สีน้ำเงินเป็นแกนหลักเช่นเดิม ส่วนโลโก้สโมสรคงไม่เปลี่ยนแปลง คาดว่าเปลี่ยนฟร้อนท์ตัวอักษรจาก “BGFC” เป็น “BGPU” เพื่อลุยในถิ่น ลีโอ สเตเดี้ยม ต่อไป
เมื่อเวลา 15.00 น. ของวันที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมา ปวิณ ภิรมย์ภักดี ประธานสโมสร บางกอกกล๊าส เอฟซี ได้ออกมาตอบทุกข้อสงสัยในเรื่องดังกล่าว ผ่านทางไลฟ์สดของเพจสโมสรอย่าง "Bangkok Glass FC - สโมสรฟุตบอลบางกอกกล๊าส"
หลังจากผ่านรอบชิงฯ ลีก คัพ 2018 ก็ดีขึ้นแล้วครับ โดยภาพรวมของทีมปีที่ผ่านมา ผมคิดว่า "แย่" มีแค่ ลีก คัพ ที่เราเป็นรองแชมป์ได้ ไม่ได้ไปตามสเต๊ปที่วางไว้ เลยอยากจะมองไปที่ปีหน้าดีกว่า
"ส่วนกระแสข่าวที่หลายคนมองว่าเราตกชั้นแล้วจะยังอยู่ที 1 นั้น มาจากเคสต์ทีมวอลเลย์บอลที่เราขายไปให้ แอร์ฟอร์ซ ซึ่งมันไม่เกี่ยวกับฟุตบอลแน่นอน"
"ในเรื่องของทีมบริหารของสโมสรจะมีการปรับเปลี่ยนอย่างแน่นอน เพราะ 10 ปีที่ผ่านมา เรากลัวกันเอง แต่เราจะมีการเปลี่ยนแปลงให้มันดีขึ้น ความผิดพลาดของทีมเกิดขึ้น คือ การปรีซีซั่นไม่ดี ผู้เล่นเอาเข้ามาไม่ตอบโจทย์แท็คติก โค้ชที่เขามาตั้งแต่ โคโค่ พอไปต่อไม่ได้ ดึงโค้ชจุ่นเข้ามา ฟอร์มก็ตกไปอีก จนผมไม่รู้จะเริ่มอย่างไร"
"10 เดือนที่ผ่านมาไม่มีอะไรดเลย หญ้าเทียมเป็นหญ้าจริง เปลี่ยนสีเสื้อ จนแฟนบอลอยากรู้ว่าซินแสคนไหน ทว่าทุกอย่างก็ต้องกลับมาให้ได้ จะให้มานั่งวิจารณ์กับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้แล้ว ผมต้องแฟร์กับทุกอย่าง ปีที่ผ่านมาผมไม่พอใจฝ่ายบริหาร ที่เรามีเยาวชนฝีเท้าดีอยู่มากแต่เรากลับไม่กล้าใช้ ผมจึงต้องเข้าไปคุมมากกว่าในการใช้เยาวชนมากขึ้น"
"อย่างไรก็ตามเสื้อแข่งในปีหน้า ไนกี้ ก็ยังอยู่กับเราต่อ และเรากำลังเจรจากับ ไนกี้ ว่าจะต้องมีราคาที่ถูกลงกว่าเดิมในรวมถึงต้องขอขอบคุณพาร์ทเนอร์ของเราที่ยังอยุ่กับทีมต่อไป แต่สีเขียวอาจจะกลับมาในรูปแบบทีมเยือนครับ ส่วนทีมเหย้าจะเป็นสีน้ำเงินเช่นเดิม และจะผลิตเสื้อเด็กมากขึ้นครับ"
ทิศทางในการทำทีมซีซั่นหน้านั้น "บิ๊กปิ๊ป"บอกว่า "เราจะเปลี่ยนเยอะแน่นอน โจทย์คือ เราต้องกลับมาไทยลีกให้ได้ภายใน 1 ปี แต่ขึ้นมาแล้วต้องทำยังไงอยู่ให้ได้ในท็อปไฟว์และท็อปซิก ไม่ตกชั้นอีกครั้งหนึ่ง ด้านผู้เล่น 80 เปอร์เซนต์อยู่กับเราแน่นอน อย่าง ต่างชาติบางคนที่อยู่กับเรา 2 คน คือ มี ดาเนียล การ์เซีย โรดริเกวซ "โตติ", ดาวิด บาลา กับ บาร์รอส ทาร์เดลี่ ที่เพิ่งย้ายมาจาก ตราด เอฟซี โดยลงสนามได้ 3+1+1 ในที 2"
"อาเซียน เราได้ อิรฟาน ฟานดี้ ลูกชายของ ฟานดี้ อาหมัด กุนซือและตำนานทีมชาติสิงคโปร์ หลังจากตกลงกันแล้ว ทำสัญญากันแล้ว มาหลัง เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2018 ส่วนเอเชียหนีไม่พ้นกองหลัง แต่มันมีเรื่องของ นิว ฐิติพันธ์ ด้วย เพราะเขามีโอกาสไปญี่ปุ่นสูง ด้วยฟอร์มของเขา จึงมีการพูดคุยกับ เซเรโซ่ โอซาก้า ซึ่งเราก็คุยว่าเราอยากจะได้กองหลังในรูปแบบยืมตัวทั้งคู่"
"เรามีนโยบายอยากจะส่งนักเตะไป เซเรโซ่ฯ อย่างเราปล่อย อินซ์ เชาว์วัฒน์ ไป ก็ดึงกลับมาแล้ว ซ่งเราต้องให้เกียรติทาง เซเรโซ่ ด้วยว่า ให้เขาเล่น เจ ลีก ให้จบภายในวันที่ 1 ธ.ค.นี้ ทุกอย่างดีลกันหมดแล้วล่ะ อีกทั้งในปี 2019 จักรกฤษ ลาภตระกูล จะเป็นอีก 1 เพลงแข้งที่ไปอยู่กับสโมสรแดนปลาดิบ ทว่าอาจจะเป็นทีมใน เจ 2 หลังจากมีการพูดคุยกันอยู่"
การดึง ดุสิต เฉลิมแสน เข้ามากุมบังเหียน ประธานสโมสรคนดึงแห่ง ลีโอ สเตเดี้ยม ชี้แจงว่า "เขาอยู่กับทีมใน ที 2 มาหลายปี ฉะนั้นผมมองว่า "โค้ชโอ่ง" รู้ดีว่าจะทำยังไงให้เรามีแต้มและขึ้นชั้น โดยเลกแรกเราต้องการเก็บแต่ให้เยอะๆไว้ก่อน จากนั้นจะได้มีเวลามาลุ้นฟุตบอลถ้วย"
การโยกย้ายตัวผู้เล่นหลายคนที่เกิดขึ้น "บิ๊กปิ๊ป" เผยว่า ที่ทีมต้องรีบประกาศว่านักเตะคนใดอยู่กับทีมบ้าง ก็เพราะว่าต้องการทำโครงสร้างทีมออกมาเร็วที่สุด ในรายของ ฉัตรชัย บุตรพรม นั้น เราคุยกับประธานสโมสรสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด คุณมิตติ ติยะไพรัช มาตั้งแต่จบเลกแรก
ซึ่งเราก็ยืนยันว่าอยากจะได้จริงๆ บอย เอง ก็อยากจะกลับกรุงเทพฯ เขาก็สนใจว่าอยากจะมาอยู่กับครอบครัว การมาของเขา ทำให้ นริศ ทวีกุล อาจจะต้องย้ายไปหาสโมสรใหม่ ส่วนคนอื่นๆนั้น รายของ ปิยะชนก ดาฤทธิ์ มีทีมสนใจมากจนต้องการที่อยากปิดดีล รวมถึง ศราวุฒิ มาสุข ซึ่งจะออกจากทีมไปในรูปแบบยืมตัวก็สูง ด้าน สุวรรณภัทร กิ่งแก้ว ยังมีสัญญาอยู่กับ เชียงใหม่ เอฟซี ซึ่งคงจะไม่ได้กลับมาร่วมทีมเรา
มีอีกคนหนึ่งที่น่าสนใจจะไป เจ 2 เวลา 1 ปีก็คือ จักรกฤษณ์ ลาภตระกูล ซึ่งเร็วๆนี้น่าจะจบ ด้าน แอเรียล โรดริเกวซ คงไม่อยู่ในแผนการทำทีม อาจจะหาวิธีให้เขาไปอยู๋ทีมอื่นทั้งในหรือนอกประเทศ แม็ต สมิธ เองเราก็ไม่ได้ต่อสัญญา อีกทั้งการปล่อย พีรพงศ์ พิชิตโชติรัตน์ เพราะว่าเรามีกองกลางที่แน่น นอกจาก เชาว์วัฒน์ วีระชาติ ที่กลับมา ยังมี ทัศนพงษ์ หมวดดารักษ์, ศิวกร แสงวงศ์ และ ธนบูนณ์ เกษารัตน์ รวมถึงดาวรุ่งคนอื่นๆที่จขึ้นมาจากทีมเยาวชน
จากนั้นได้มีแฟนบอลเข้ามาสอบถามถึงการไม่ซื้อ อานนท์ อมรเลิศศักดิ์ ซึ่งยืมตัวมาเล่นในเลกสองปี 2018 เจ้าตัวบอกว่า "เรื่องของ อานนท์ เขามีสัญญาซื้อขาด 20 ล้านบาท เขาเองกำลังฟอร์มพุ่งในเวลานี้ แต่ถ้ามาอยุ่กับเราใน ที 2 โอกาสในการพัฒนาคงจะไม่ต่อเนื่อง"
ขณะเดียวกันยังมีเผยเรื่องการสร้างอัฒจันทร์ ไปจนถึงการเปลี่ยนชื่อทีมว่า "เรื่องสนามที่เราจะขยายอัฒจันทร์ฝั่งตรงข้ามประธานนั้น ยังไม่ซื้อพื้นที่นั้นแน่นอน เพราะปีที่ผ่านมาแฟนบอลเข้าน้อย แต่ถ้าเข้ามาเยอะก็ไม่แน่เหมือนกันที่เราจะซื้อพื้นที่เพื่อสร้างอัฒจันทร์เพิ่มข้นมา ส่วนการเปลี่ยนชื่อทีมนั้นทำจริงๆครับ จะเริ่มปีหน้า เป็น บีจี ปทุม ยูไนเต็ด จากเดิมที่ชื่อว่า บีจีเอฟซี ซึ่งมีชื่้อย่อสั้นๆว่า บีจีพียู"