สู่ยุคผลัดใบ! วิเคราะห์3เด็กเทพทีมชาติอังกฤษกับโอกาสลุยยูโรครั้งต่อไป

เชื่อว่า แกเร็ธ เซาธ์เกต กุนซือทีมชาติอังกฤษจะต้องหนักใจกับการเลือกผู้เล่นติดทีมไปลุยศึกยูโร 2020 อย่างแน่นอน หลังจากเวลานี้มีบรรดาวแข้งดาวรุ่งต่างพร้อมกันโชว์ผลงานโดดเด่นกับต้นสังกัดในฤดูกาลนี้ โดยเฉพาะในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
ด้วยการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส "โควิด-19" ทั่วทวีปยุโรป ทำให้การแข่งขันฟุตบอลภายในแต่ละประเทศได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง และจำเป็นต้องมีการระงับการแข่งขันเอาไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งส่งผลกระทบมาถึงการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป "ยูโร 2020" ที่ประกาศเลื่อนการแข่งขันไปในปีหน้าระหว่างวันที่ 11 มิถุนายน ถึง 11 กรกฎาคม แทน
อย่างที่ทราบกันดีว่าทีมชาติอังกฤษมีผู้เล่นดาวรุ่งมากมายที่พร้อมกลายเป็นกำลังสำคัญช่วยทีมในอนาคต โดยเฉพาะในศึกยูโรครั้งต่อไปที่ผ่านการรับใช้ทีมชุดใหญ่มาแล้วทั้ง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ แบ็กขวา ลิเวอร์พูล, เจดอน ซานโช่ ปีกจาก ดอร์ทมุนด์ หรือ มาคัส แรชฟอร์ด กองหน้าจาก แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ไม่น่าจะหลุดทีมไป
กระนั้นก็ดีช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาลแบบนี้นั้นเป็นเวลาที่เราได้เห็นบรรดาแข้งดาวรุ่งลงมาปล่อยของมากขึ้น และชั่วโมงนี้คนที่ร้อนแรงที่สุดคงหนีไม่พ้นเจ้าหนู เมสัน กรีนวู้ด ดาวยิงวัย 18 ปี จาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่กระหน่ำไปตูได้เป็นกอบเป็นกำ ด้วยการทำไปแล้ว 15 ประตู จากการลงเล่น 41 เกมในทุกรายการ โดยล่าสุดเขาทำได้ 2 ลูกจนช่วยให้ต้นสังกัดเปิดรัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เอาชนะ บอร์นมัธ 5-2 ในเกมลีก เมื่อวันเสาร์ที่ 4 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
แน่นอนว่าความยอดเยี่ยมดังกล่าวหากเขายังสามารถรักษาฟอร์มการเล่นได้สม่ำเสมอตลอดทั้งปีนี้ก็มีโอกาสที่ดาวเตะวัย 18 ปี จะมีโอกาสถูกเรียกตัวติดทีมชาติชุดใหญ่เป็นครั้งแรก และมีโอกาสได้ประเดิมในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ทันทีเช่นกัน อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เจ้าหนู กรีนวู้ด ดูจะได้เปรียบกว่าแข้งรายอื่นๆคือการที่เขาสามารถเล่นได้ทั้งกองหน้าตัวเป้า รวมถึงโยกมาเล่นเป็นริมเส้นทั้งสองฝั่งได้ด้วย
หากมองไปที่แข้งตัวรุกในตอนนี้ของทัพ "สิงโตคำราม" มีทั้ง แฮร์รี่ เคน, ราฮีม สเตอร์ลิง, มาคัส แรชฟอร์ด และ เจดอน ซานโช่ แต่หาก กรีนวู้ด จะถูกหนีบติดทีมไปด้วยนั้นในฐานะตัวสำรองของดาวยิงจากสเปอร์สดูจะเป็นไปได้มากที่สุด เพราะแคนดิเดตคนอื่นๆในตำแหน่งนี้ก็ดูยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่นักทั้ง แทมมี่ อับราฮัม ของ เชลซี ที่ฟอร์มดร็อปลงไป โดยจะมีเพียง แดนนี่ อิงส์ ของ เซาธ์แฮมป์ตัน เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ดูมีภาษีมากสุด
ข้ามมาดูที่ตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุกเป็นสิ่งที่น่าจะสร้างความหนักใจให้กับ เซาธ์เกต มากที่สุดแล้ว เพราะมีตัวเลือกเพิ่มมาอีกคนคือ ฟิล โฟเด้น ที่ก้าวขึ้นมาแจ้งเกิดได้อย่างเต็มตัวกับ แมนฯ ซิตี้ ในฤดูกาลนี้ จากผลงาน 7 ประตูกับ 4 แอสซิสต์จากการลงเล่นรวมทุกรายการ 29 นัด ซึ่งสวนทางกับดาวรุ่งอย่าง เมสัน เมาท์น ของ เชลซี ที่กลับมีผลงานที่ตกลงไปจากช่วงต้นฤดูกาลและอาจต้องหลุดทีมไปแทน
ขณะเดียวกันในรายของ เดเล่ อัลลี ของ สเปอร์ส และ เจมส์ แมดดิสัน จาก เลสเตอร์ ซิตี้ สองแคนดิเดตสำคัญในตำแหน่งนี้ก็ฟอร์มตกลงไปอย่างน่าใจหาย ด้วยเหตุนี้เองอาจทำให้โอกาสการเล่นให้ทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรกอยู่แค่เอื้อม หลังจากติดทีมชุดเล็กมานับตั้งแต่ชุดยู-16 ถึง ยู-21 และมีส่วนสำคัญพาทีมคว้าแชมป์โลกรุ่น ยู-17 เมื่อปี 2017 มาแล้วด้วย
ส่วนในตำแหน่งฟูลแบ็กนั้น บูกาโย่ ซาก้า ก็เข้ามาลุ้นมีชื่อติดทีมชาติชุดใหญ่เป็นครั้งแรกเช่นกัน หลังจากเจ้าตัวพัฒนาฝีเท้าจนกลายขุนพลเอกในยุคของ มิเกล อาร์เตต้า กุนซือชาวสแปนิชไปแล้ว แม้ก่อนหน้านี้จะต้องลงไปยืนเป็นแบ็กซ้ายจำเป็นแต่เขาก็ทำผลงานได้อย่างไร้ข้อกังขา และหลังจากพรีเมียร์ลีกกลับมารีสตาร์ตอีกครั้งนั้น ซาก้า ก็ยังคงได้รับความไว้วางใจให้ลงเล่นอย่างต่อเนื่อง โดยได้กลับมาประจำตำแหน่งถนัดคือตำแหน่งปีก หลังจาก คีแรน เทียร์นีย์ และ เซอัด โคลาซินัช สลัดอาการบาดเจ็บกลับมาประจำการได้แล้ว
ซึ่งนั่นหมายความว่าหากเจ้าตัวถูกเรียกติดทีมไปก็มีโอกาสที่จะไปในฐานะแบ็กซ้ายมากกว่าในตำแหน่งตัวรุก โดยมีคู่แข่งอย่าง เบน ชิลเวลล์ จาก เลสเตอร์ ซิตี้ และ ลุค ชอว์ จาก แมนฯ ยูไนเต็ด ที่อยู่ในข่ายทั้งหมด
เชื่อว่าสุดท้ายแล้วหาก แกเร็ธ เซาธ์เกต กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงแล้วให้โอกาสกับแข้งเจนเนอเรชั่นใหม่มากขึ้น บางทีเราอาจจะเห็นทีมชาติอังกฤษไปถึงฝั่งฝันได้เร็วยิ่งขึ้น..
[ ไม่อนุญาตให้คัดลอกรูปภาพหรือนำไปเผยแพร่รูปภาพต่อไม่ว่าวิธีใดๆ ถ้าฝ่าฝืนมีความผิดตามกฎหมายที่ระบุไว้สูงสุด ]