หลอนอาถรรพ์ตัดเชือก ! เจาะ 5 ประเด็น แมนยู แพ้ แมนซิตี้ รอบรองคาราบาว คัพ

โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดนอาถรรพ์รอบตัดเชือกตามหลอกหลอนอีกครั้ง หลัง "ปีศาจแดง" แพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-2 ที่สนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในรอบรองชนะเลิศ ศึกคาราบาว คัพ เมื่อวันพุธที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา ทำให้ทีมต้องเจ็บปวดกับการผ่านเข้าชิงเป็นครั้งที่ 4 ในรอบ 12 เดือน
เกมนี้เจ้าบ้านพกความมั่นใจมาเต็มกระเป๋าเนื่องจากฟอร์มในลีกกำลังร้อนแรง ขณะที่ แมนฯ ซิตี้ ก็ไม่แตกต่างกัน โดยในครึ่งแรก "เรือใบสีฟ้า" สามารถครองเกมได้มากกว่า แต่จังหวะหวาดเสียวเรียกเสียงฮือฮาจะเป็นของ "ปีศาจแดง" ขณะที่ บรูโน่ แฟร์นันด์ส, อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล และมาร์คัส แรชฟอร์ด แทบหายไปจากเกมในครึ่งหลัง
ด้าน เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ทำการบ้านมาเป็นอย่างดี แม้ในครึ่งแรกจะสร้างโอกาสได้บ้าง แต่ก็ไม่สามารถเจาะแนวรับของเจ้าบ้านได้มากนัก แต่ครึ่งหลังพวกเขาเปิดเกมรุกข่มทีมคู่อริร่วมเมืองได้จนอยู่หมัด ก่อนจะมาได้สองประตูสำคัญ ทำให้ทีมได้เข้าไปชิงถ้วยใบนี้ 4 ปีติดต่อกัน
ส่วนจะไปถึงแชมป์หรือเปล่า คงต้องไปถาม โชเซ่ มูรินโญ่ นายใหญ่ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ คู่ต่อกรที่สนามเวมบลีย์ ในรอบชิงชนะเลิศในวันที่ 25 เมษายนนี้
1. เกมรุก แมนฯ ยูไนเต็ด พัฒนามากยิ่งขึ้น
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มักจะต้องเจอกับความยากลำบากในการคลำเป้าเวลาที่พวกเขาต้องดวลกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่ว่าจะในการแข่งขันฟุตบอลถ้วย หรือเกมพรีเมียร์ลีก แต่ในครั้งนี้ "ปีศาจแดง" มีการพัฒนาการเล่นเกมรุกมากยิ่งขึ้น และปั่นป่วนแนวรับ "เรือใบสีฟ้า" ได้ดีมากๆ
ในช่วงต้นเกม "ผีแดง" มีจังหวะหวือหวาจากการฉกฉวยโอกาสในการเล่นสวนกลับ ทั้งยังส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายแต่น่าเสียดายที่เป็นจังหวะล้ำหน้า ขณะเดียวกับ มาร์คัส แรชฟอร์ด ใช้ความเร็วในการวิ่งทะลุทะลวงแนวรับของเพื่อนบ้านน่ารำคาญ และมีโอกาสที่จะส่องประตูเช่นกัน
ด้าน บรูโน่ แฟร์นันด์ส มีโอกาสได้ส่องบริเวณกรอบเขตโทษ แต่ แซ็ค สเตฟเฟ่น โชว์ฟอร์มซูเปอร์เซฟป้องกันได้อย่างหวุดหวิด ในครึ่งแรก แมนฯ ซิตี้ ครองเกมได้เหนือกว่า แต่จังหวะหวาดเสียวเรียกเสียงฮือฮาส่วนใหญ่จะเป็นฝั่ง "เร้ด เดวิลส์"
อย่างไรก็ตามในครึ่งหลัง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ปรับหมากได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้เกมรุกของเจ้าบ้านดับไปดื้อๆ ขณะที่ แมนฯ ซิตี้ ฟอร์มโหดไล่บดขยี้จนมาได้ประตูขึ้นนำ จากนั้น "ปีศาจแดง" เริ่มตั้งสติได้และเปิดเกมรุกใส่อย่างหนัก แต่ต้องชมแนวรับของทีมเยือนที่เล่นได้อย่างเหนียวแน่น ก่อนจะมาได้ประตูตอกฝาโลงในช่วงท้ายเกม
แม้จะพ่ายแพ้ก็ตามแต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือแนวรุกของแมนฯ ยูไนเต็ด ที่ดูแล้วอันตรายมากขึ้นเรื่อยๆ และถ้าหาก โซลชา สามารถทำให้ทีมมีการเล่นที่คงเส้นคงวา และเฉียบคมยิ่งกว่านี้ ผลงานของพวกเขาน่าจะประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้นแน่นอน
2. แผงกองกลาง แมนฯ ยูไนเต็ด ดูดีแต่ยังไม่สุดยอด
การส่ง สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ กับ เฟร็ด เล่นคู่กันถือเป็นเรื่องน่าดีมากๆ สำหรับกองกลางของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพราะช่วยทำให้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส กับ ปอล ป็อกบา มีอิสระในการเล่นเกมรุกได้อย่างเต็มที่ โดยทั้งสองคนสามารถรับมือกับแผงมิดฟิลด์ของ "เรือใบสีฟ้า" ได้อย่างยอดเยี่ยม
ดาวเตะเลือดวิสกี้ ประสานงานกับ มิดฟิลด์ชาวบราซิเลียนได้อย่างลงตัว โดยพยายามจัดการกับ เควิน เดอ บรอยน์ จอมทัพแมนฯ ซิตี้่ ไม่ให้เขาได้มีโอกาสที่จะผ่านบอลสวยๆ แม้ในช่วงกลางครึ่งแรกจะปล่อยให้ เดอ บรอยน์ มีโอกาสได้หลุดไปส่องไกล แต่โชคดีที่ดันยิงแม่นเสา
ขณะที่ช่วงที่เหลืออยู่ของเกมทั้งสองคนทำหน้าที่ได้ดี คอยคุมจังหวะ และตัดเกมแดนกลางทีมเยือนไม่ให้พวกเขาได้มีโอกาสเล่นง่ายๆ ส่วน บรูโน่ ต้องบอกว่านี่เป็นเกมที่ต่ำกว่ามาตรฐานของเขา เพราะ ดาวเตะชาวโปรตุกีส ไม่สามารถร่ายเวทมนตร์ในการจ่ายบอลเข้าไปพื้นที่สุดท้าย แมนฯ ซิตี้ ได้เลย
ส่วน ป็อกบา ยังคงโดนจับไปเล่นมิดฟิลด์ฝั่งซ้ายหลังโชว์ฟอร์มได้ดีเยี่ยมในเกมลีกชนะ "สิงห์ผงาด" แอสตัน วิลล่า แมตช์นี้เจ้าตัวก็ยังรักษาฟอร์มเก่งเอาไว้ได้ และพยายามทำงานหนักในการครองบอล และผ่านบอลสวยๆ ให้กับกองหน้าได้บ่อยๆ แต่น่าเสียดายที่แนวรุก "ผีแดง" ขาดความเฉียบคมในการจบสกอร์
3. เกมรับยังไม่ค่อยเหนียวแน่น
การจับ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ยืนคู่กับ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ดูเหมือนจะทำให้เซนเตอร์แบ็กของ "ปีศาจแดง" แข็งแกร่ง เพราะในช่วงครึ่งแรกทั้งสองคนสามารถช่วยปิดเกมบุกของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ดีพอสมควร โดยเฉพาะกัปตันทีมเลือดผู้ดี ที่สามารถรับมือจังหวะสวนกลับ และตัด ราฮีม สเตอร์ลิง แทบหายไปจากเกม
อย่างไรก็ตามมีหลายจังหวะที่ แมนฯ ซิตี้ สามารถบุกขึ้นมาปั่นป่วนแผงแบ็กโฟร์เจ้าบ้านได้อยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะช่วงต้นครึ่งหลัง ทีมเยือนเปิดเกมรุกอย่างหนักหมายเบิกร่องยิงประตูขึ้นนำให้ได้ ทำให้ แม็กไกวร์ กับ ลินเดอเลิฟ ต้องเปิดตำราพิชัยสงครามรับมือแทบไม่ไหว
จนในที่สุดก็มาเสียประตูจากจังหวะฟรีคิก ซึ่งหากจะว่าไปแล้วส่วนหนึ่งมาจากความผิดพลาดของ แม็กไกวร์ กับ ลินเดอเลิฟ เนื่องจากปล่อยให้ จอห์น สโตนส์ วิ่งสวนมาจากข้างหลัง และแตะบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายได้อย่างง่ายดาย จริงๆ แล้วหากเกมนี้ เอริก ไบยี่ ได้ลงตัวจริง เขาอาจจะทำได้ดีในการอ่านจังหวะเกม และน่าจะเคลียร์ลูกนี้ได้ทัน
ส่วนประตูที่สอง มาจากจังหวะการเล่นตั้งเตะอีกครั้ง โดย "เรือใบสีฟ้า" ได้ลูกเตะมุม และ มาร์กซิยาล สกัดแล้วไปเข้าหัว อารอน วาน-บิสซาก้า ที่โขกทิ้งไม่เด็ดขาด ทำให้บอลไปเข้าทาง แฟร์นันดินโญ่ ที่ซัดตูมเดียวบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายสบายอุรา เป็นการตอกฝาโลง ฝังผีคาบ้าน
ฉะนั้นจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเกมรับของ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่มีความเด็ดขาดในการเคลียร์บอลเมื่อโดนคู่แข่งโจมตีด้วยลูกตั้งเตะ และบรรดาคู่แข่งของพวกเขาคงเห็นจุดอ่อนที่จะเล่นงาน "ปีศาจแดง" แล้ว
4. สโตนส์ แกร่งดั่งภูผาหิน
เมื่อปีก่อนหลายๆ คนมองว่าอนาคตของ จอห์น สโตนส์ กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ น่าจะหมดลงแล้ว เนื่องจากเขาไม่สามารถงัดฟอร์มเก่งออกมาได้เลย แต่ในแมตช์นี้ ดาวเตะชาวอังกฤษ ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เขายังคู่ควรที่จะได้คุมแนวรับ "เรือใบสีฟ้า" ต่อไป
สโตนส์ ค่อยๆ กลับมาเรียกความมั่นใจของตัวเองได้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในเกมกับ เชลซี เขาสามารถจัดการเกมรุก "สิงโตน้ำเงินคราม" ได้อยู่หมัด และยิ่งได้มาเล่นร่วมกับ รูเบน ดิอาส ฟอร์มของเจ้าตัวก็ยิ่งพุ่งขึ้นไปอีก ซึ่งเกมกับ "ปีศาจแดง" ทุกๆ คนคงได้เห็นแล้วว่าเขาแข็งแกร่งมากขนาดไหน
แม้ว่าช่วง 2 นาทีแรกเขาจะทำบอลเข้าประตูตัวเอง แต่เดชะบุญที่เป็นจังหวะล้ำหน้า หลังจากนั้น อดีตแนวรับ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" ทำผลงานได้ดีไม่มีที่ติเมื่อจัดการรับมือกับ มาร์กซิยาล และ แรชฟอร์ด ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันการป้องกันลูกเลียดและลูกกลางอากาศก็ทำได้อย่างโดดเด่น
ส่วนในเกมรุก สโตนส์ มักจะขึ้นไปช่วยกดดันแนวรับแมนฯ ยูไนเต็ด ทุกครั้งที่ทีมได้ลูกตั้งเตะ และก็เป็นเขาที่วิ่งเข้ามาชาร์จบอลช่วยให้ทีมเบิกสกอร์แรกได้สำเร็จ ที่สำคัญตลอดทั้งเกม สโตนส์ ไม่ทำมีจังหวะเล่นผิดพลาดเลย เช่นเดียวกับ ดิอาส ที่คุมเกมรับของ แมนฯ ซิตี้ ได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้เกมรุกของ "ผีแดง" บอดสนิท
ฟอร์มของ สโตนส์ คงทำให้ เอมเมอริค ลาป๊อร์กต์ ต้องพยายามพัฒนาฝีเท้ามากยิ่งขึ้น ไม่งั้นคงได้โดนจับอยู่ในซุ้มม้านั่งสำรองไปอีกนาน
5. โซลชา ยังแก้อาถรรพ์ตัดเชือกไม่ได้
โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ต้องพบกับความผิดหวังในรอบรองชนะเลิศ 3 รายการเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา และตอนนี้สถานการณ์ดังกล่าวกลับมาหลอนเขาอีกครั้ง เมื่อโดน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จัดการเขี่ยร่วงรอบตัดเชือก รายการคาราบาว คัพ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา
แม้ฟอร์มว่าฟอร์มในพรีเมียร์ลีก ทัพ "ปีศาจแดง" จะโดดเด่นเป็นสง่ามากแค่ไหนก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถช่วยให้พวกเขาได้ทะลุเข้ารอบชิงชนะเลิศ ศึกฟุตบอลถ้วยใบเล็กเมืองผู้ดีได้ ทำตอนนี้ "น้าลูกอม" มีสถิติตตกรอบตัดเชือกมาแล้ว 4 ครั้งในรอบ 12 เดือน
กระนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด ยังสามารถแก้ตัวกับการแข่งขันเอฟเอ คัพ และ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก ในฤดูกาลนี้ แต่ความพ่ายแพ้ในเกมนี้อาจจะส่งผลกระทบในเรื่องของความมั่นใจ หากทีมสามารถทะลุเข้าไปเล่นในรอบรองฯ ฟุตบอลถ้วยทั้งสองรายการ
สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากกว่านี้ก็คือการที่ทีมขาดประสบการณ์ในการคว้าแชมป์ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อการลุ้นแชมป์ลีกในฤดูกาลนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการต้องทำศึก "แดงเดือด" ในวันอาทิตย์ที่ 17 ม.ค. นักเตะหลายคนอาจจะแบกรับแรงกดดันไม่ไหว จนส่งผลกระทบต่อฟอร์มการเล่นก็เป็นไปได้
ทอมเม้ง
[ ไม่อนุญาตให้คัดลอกรูปภาพหรือนำไปเผยแพร่รูปภาพต่อไม่ว่าวิธีใดๆ ถ้าฝ่าฝืนมีความผิดตามกฎหมายที่ระบุไว้สูงสุด ]