ทูเคิ่ลพาเชลซีเฮ4นัดติด! "แทมมี่" ฮีโร่ซัดดับบาร์นสลี่ย์ลิ่ว8ทีมเอฟเอคัพ

โธมัส ทูเคิ่ล นายใหญ่ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี พาทีมชนะ 4 นัดติดแถมยังไม่แพ้ใครนับแต่เข้ามาคุมทีมหลังบุกเฉือนหวิว บาร์นสลี่ย์ 1-0 โดยการทำประตูโทนของ แทมมี่ อับราฮัม ทั้งนี้เชลซีที่ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายจะเปิดบ้านพบกับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ต่อไป
ฟุตบอล เอฟเอ คัพ รอบ 5 (16 ทีมสุดท้าย)
วันพฤหัสบดีที่ 11 กุมภาพันธ์ 2564
บาร์นสลี่ย์ (แชมเปี้ยนชิพ) 0 - 1 เชลซี (พรีเมียร์ลีก)
สนาม : โอ๊คเวลล์ กราวน์ด
โธมัส ทูเคิ่ล นายใหญ่เชลซี เกมนี้มาในฐานะทีมเยือนการจัดทัพใช้แข้งผสมผสานแต่ไม่ประมาทวางระบบ 3-4-3 เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ลงตัวจริงตำแหน่งกลางรับ ขณะที่แผงหน้าใช้ แทมมี่ อับราแฮม ยืนหน้าเป้า มี คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย, ฮาคิม ซิเย็ค และ คริสเตียน พูลิซิช ถอยต่ำลงมาหนุนเกมรุก
ขณะที่ บาร์นสลี่ย์ เจ้าบ้านใฃ้ระบบ 3-4-3 เปิดหน้าหวังล้มยักษ์กันเลยทีเดียวใช้ คอเนอร์ แชปลิน, วิคเตอร์ อเดโบเยโจ และ คอลี่ย์ วู้ดโรว์ ยืนสามประสานหวังยิงประตู
นาทีที่ 3 บาร์นสลี่ย์ มีโอกาสครั้งแรกจาก คอลี่ย์ วู้ดโรว์ ที่ซัดไกลเกือบ 30 หลาแต่บอลเหินออกหลังไปไกลไม่ได้ลุ้นอะไรมากนัก
นาทีที่ 8 ยังคงเป็นเจ้าบ้านบาร์นสลี่ย์ ที่โหมบุกอย่างหนัก เฮอร์บี้ เคน ได้จังหวะหวดไกลอีกครั้งคราวนี้บอลเลียดแรงแต่ไม่ตรงกรอบออกหลังไปอีกครั้ง
นาทีที่ 11 เจ้าบ้านพลาดได้ประตูขึ้นนำไปอย่างน่าเสียดายจากจังหวะกระชากบอลขึ้นไปทางฝั่งขวาของ อเล็กซ์ โมวัตต์ แล้วหักหลอก คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย ก่อนจะเปิดยัดมาถึง คัลลัม บริทเทน ได้กระโดดแปจ่อๆ ระยะไม่ถึง 8 หลาแต่ไม่ผ่าน เกป้า อาร์ริซาบาลาก้า ที่ใช้ขาเซฟเอาไว้ได้อย่างเหลือเชื่อ
นาทีที่ 20 เชลซีสวนกลับไวบอลมาอยู่ที่ คริสเตียน พูลิซิช ทางฝั่งซ้ายเจ้าตัวกระชากไปเกือบสุดริมเส้นแล้วเปิดเลียดหวังไปให้ แทมมี่ อับราฮัม แต่กลับแรงเกินไปทำให้บอลหลุดเลยออกไปไม่ได้ลุ้นอะไร
นาทีที่ 25 เชลซีบุกขึ้นมาอีกครั้ง ฮาคิม ซิเย็ค เติมเกมทางฝั่งขวาแล้วเปิดไวเป้าหมายคือ คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย ที่ยืนรอในตำแหน่งสังหารประตูแล้วแต่กลับถูก มิชาล เฮลิค ล้มตัวเคลียร์บอลตัดหน้าออกไปพ้นเขตอันตราย
นาทีที่ 33 บาร์นสลี่ย์ บอมใส่เชลซีอย่างต่อเนื่องบอลมาอยู่ที่ อเล็กซ์ โมวัตต์ ได้โยนเข้าไปในเขตโทษเกือบเข้าหัว คัลลัม บริทเทน ทางเสาไกลแต่ยังมี มาร์กอส อลอนโซ่ ที่โดดโขกตัดหน้าเคลียร์ออกไปได้
นาทีที่ 41 คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย หลุดกับดักล้ำหน้าขึ้นไปทางฝั่งขวาแล้วเปิดบอลโด่งทันทีเลยไปเสาไกลถึง คริสเตียน พูลิซิช ที่พยายามล้มตัวยิงแต่โดนไม่ดีบอลค่อยๆ ไหลออกหลังไปอย่างน่าผิดหวัง
นาทีที่ 45 บาร์นสลี่ย์ ที่ทำเกมได้ดีกว่าเกือบได้ประตูจากลูกสูตรลูกเตะมุมที่เตะเลียดเล่นสั้นมาถึง คอเนอร์ แชปลิน แล้วไคว้ต่อให้ คัลลัม บริทเทน วิ่งเข้ามากดเน้นๆ แบบไร้ตัวประกบบอลพุ่งไปทางเสาไกลและไหลออกข้างเสาไปไม่ถึงหลา
จบครึ่งแรก เชลซี ที่ยังตั้งเกมไม่ติดเสมอ บาร์นสลี่ย์ 0-0
มาลุ้นต่อกันในครึ่งเวลาหลังก่อนเริ่มเกมเชลซีขยับตัวผู้เล่นถึงสองคนโดยเปลี่ยน รีซ เจมส์ ลงมาแทน มาร์กอส อลอนโซ่ และส่ง อ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ลงมาแทน อันเดรียส คริสเตนเซ่น
นาทีที่ 47 บาร์นสลี่ย์ มีโอกาสจบสกอร์ คอเนอร์ แชปลิน ได้ส่งไกลด้วยเท้าซ้ายระยะเกือบ 30 หลาแต่ทิศทางยังไม่ตรงกรอบบอลไหลหลุดออกหลังไป
นาทีที่ 57 คอลี่ย์ วู้ดโรว์ ดาวยิงบาร์นสลี่ย์หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษเซลซีทางฝั่งซ้ายแต่โดนความเก๋าของ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ตัดบอลเอวไว้ได้ทันเวลา
นาที่ที่ 58 เชลซีเกือบได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะใช้ความเร็วและความสามารถเฉพาะตัวของ คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย ที่เจ้าตัวพาบอลโซโล่เดี่ยวกระชาดตัดเข้าไปในเขตโทษหลบแข้งเจ้าบ้านถึงสามคนก่อนหวดด้วยเท้าซ้ายทะแยงมุมบอลผ่านหน้าประตูหลุดออกเสาไกลไปทำเอาเสียวไส้
นาทีที่ 62 เชลซีได้ลูกฟรีคิกทางฝั่งซ้าย ฮาคิม ซิเย็ค เปิดโค้งโด่งเข้าไปในเขตโทษเจ้าบ้านและเป็น อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ที่วิ่งโฉบได้โหม่งเต็มหัวแต่เจ้าตัวคุมทิศทางผิดไปนิดเดียวบอลพุ่งออกข้างเสาไปอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 65 ความพยายามของเชลซีมาประสบความสำเร็จได้ประตูออกนำ 1-0 บิลลี่ กิลเมอร์ จ่ายบอลตัดแนวรับบาร์นสลี่ย์ไปให้ รีซ เจมส์ ที่เติมเกมขึ้นมาทางฝั่งขวาก่อนที่จะเปิดเลียดมาถึง แทมมี่ อับราฮัม ได้ยืนแปโล่งๆ เข้าไปไร้ปัญหา
นาทีที่ 69 โธมัส ทูเคิ่ล เปลี่ยนผู้เล่นอีกคนของเชลซีโดยให้โอกาส ฟาอุสติโน่ อันโจริน ดาวรุ่งวัย 19 ปีลงสนามมาแทน ฮาคิม ซิเย็ค
นาทีที่ 73 หลังจากได้ประตูขึ้นนำเชลซีเริ่มจับจังหวะเกมได้แล้วและได้ลุ้นอีกหนึ่งโอกาสจาก คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย ที่ได้ปั่นบอลด้วยเท้าขวาแถวมุมกรอบเขตโทษฝั่งขวาแต่บอลยังโด่งเกินไปทำให้หลุดออกหลังอีกครั้ง
นาทีที่ 78 บาร์นสลี่ย์ เกือบได้ประตูตีเสมอจากลูกฟรีคิกทางฝั่งขวา อเล็กซ์ โมวัตต์ เปิดยัดเข้าไปโดนตกใส่หัว มิชาล เฮลิค โดยมี เกป้า ออกมาตัดบอลแต่ไม่โดนบอลกระดอนย้อนมาเข้าทาง มิคาเอล โซลล์เบาเออร์ ได้ดีดบอลย้อยเข้าไปอีกครั้งโดยทิศทางกำลังลอยทำท่าจะเข้าประตูแต่ไม่ผ่าน แทมมี่ อับราฮัม ที่โหม่งเสยเคลียร์บอลออกหลังไปอย่างเหลือเชื่อ
ช่วงเวลาที่เหลือเป็น บาร์นสลี่ย์ ที่โหมบุกอย่างหนักหวังทวงประตูคืนแต่ไม่ผ่านแนวรับเชลซีที่ช่วยกันป้องกันไว้ได้
จบเกมเชลซีบุกมาเฉือนเก็บชัยเหนือ บาร์นสลี่ย์ 1-0 ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย หรือ รอบก่อนรองชนะเลิศได้สำเร็จโดยจะเปิดบ้านพบกับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ต่อไป
จากผลชนะนัดนี้ของเชลซีทำให้ โธมัส ทูเคิ่ล คุมทีมคว้าชัย 4 นัดติดต่อกันแล้วและยังไม่แพ้ใครเลยนับแต่เข้ามารับงานต่อจาก แฟร้งค์ แลมพาร์ด
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
บาร์นสลี่ย์ (3-4-3) : แบร๊ดลี่ย์ คอลลินส์ - โทบี ซิบบิค (มิคาเอล โซลล์เบาเออร์ น.76), มิชาล เฮลิค, มาดส์ อันเดอร์เซ่น - คัลลัม บริทเทน (จอร์แดน วิลเลี่ยมส์ น.73), อเล็กซ์ โมวัตต์, เฮอร์บี้ เคน (โรมัล พัลเมอร์ น.73), คัลลัม สไตล์ส - คอเนอร์ แชปลิน (โดมินิค เฟรเซอร์ น.59), วิคเตอร์ อเดโบเยโจ (ดารี่ล์ ไดค์ น. 59), คอลี่ย์ วู้ดโรว์
ผู้จัดการทีม : วาเลอเรียง อิสมาแอล
เชลซี (4-2-3-1) : เกป้า อาร์ริซาบาลาก้า - คูร์ท ซูม่า, อันเดรียส คริสเตนเซ่น (อันโตนิโอ รือดิเกอร์ น.46), เอเมอร์สัน, มาร์กอส อลอนโซ่ (รีซ เจมส์ น.46) - เอ็นโกโล่ ก็องเต้, บิลลี่ กิลเมอร์ - คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย, ฮาคิม ซิเย็ค (ฟาอุสติโน่ อันโจริน น.69), คริสเตียน พูลิซิช (มาเตโอ โควาซิช น.80) - แทมมี่ อับราฮัม
ผู้จัดการทีม : โธมัส ทูเคิ่ล
ผู้ตัดสิน : มาร์ติน แอ็ตกินสัน
[ ไม่อนุญาตให้คัดลอกรูปภาพหรือนำไปเผยแพร่รูปภาพต่อไม่ว่าวิธีใดๆ ถ้าฝ่าฝืนมีความผิดตามกฎหมายที่ระบุไว้สูงสุด ]