แชมป์แรกโซลชาอยู่แค่เอื้อม ! เจาะ 5 ประเด็น แมนยู พลิกนรกถล่มยับไม่นับญาติ โรม่า

โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ใกล้จะฝันเป็นจริงที่จะคว้าแชมป์รายการแรกร่วมกับ "ผีแดง" ในฐานะกุนซือ หลังพวกเขาเปิดรังโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ถลุง โรม่า ยับเยินเกินห้ามใจ 6-2 ในศึกยูฟ่า ยูโรปา ลีก รอบรองชนะเลิศ เกมแรก เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 29 เมษายนที่่ผ่านมา จ่อเข้าไปชิงชนะเลิศเป็นสมัยแรกในยุค "น้าลูกอม"
แมนฯ ยูไนเต็ด ทำผลงานได้ไม่ค่อยดีนักในครึ่งแรกแม้พวกเขาจะได้ประตูนำไปก่อนจาก บรูโน่ แฟร์นันด์ส แต่โดนผู้มาเยือนซัดคืนสองประตูรวดทำให้สกอร์ตาม 1-2 อย่างไรก็ตามในครึ่งหลัง "ปีศาจแดง" ฟอร์มแรงเหมือนกินยาบำรุงกำลัง จัดการซัดประตูคืนแบบทบต้นทบอกห้าลูกรวดจาก บรูโน่, เอดินสัน คาวานี่ (2 ประตู) , ปอล ป็อกบา และตบท้ายด้วย เมสัน กรีนวู้ด
ถึงแม้ว่าจะเหลือเกมที่ต้องแข่งอีกแมตช์ที่สตาดิโอ โอลิมปิโก ในกรุงโรม ประเทศอิตาลี ก็ตาม แต่ด้วยสกอร์ที่นำห่างขาดลอยแบบนี้ มีความเป็นไปได้ยากมากสำหรับสาวก "หมาป่าเหลืองแดง" ที่จะได้เห็นทีมรักพลิกสถานการณ์กลับมาคว้าชัยและได้เข้าไปสู่นัดชิงที่ประเทศโปแลนด์
1. ยอดคนคุณภาพ บรูโน่ แฟร์นันด์ส
คงไม่มีคำไหนมาบรรยายความยอดเยี่ยมของ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ได้เลย เพราะตอนนี้เจ้าตัวคือผู้เล่นขวัญใจหมายเลข 1 ของสาวก "เร้ด อาร์มี่" ไปเรียบร้อยแล้ว และแมตช์นี้เป็นอีก 1 บทพิสูจน์ว่าจอมทัพชาวโปรตุกีสคือสมบัติที่แสนมีค่าของแมนฯ ยูไนเต็ด
เพลย์เมกเกอร์เครางามนามบรูโน่ ทั้งยิงทั้งแอสซิสต์ ที่สำคัญเขายังมีอิทธิพลกับฟอร์มการเล่นของ "ผีแดง" มากๆ ฉะนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมแมตช์นี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถึงได้ยิงประตูเป็นกอบเป็นกำในครึ่งหลัง
บรูโน่ โชว์ลีลาได้อย่างสะเด็ดสะเด่าตั้งแต่นาทีแรกจนกระทั่งจบเกมที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด โดยเขาซัดไป 2 ประตูและแอสซิสต์สำคัญให้ เอดินสัน คาวานี่ ซัดประตูตีเสมอ 2-2 ในต้นครึ่งหลัง ซึ่งนั่นคือประตูที่จุดประกายให้ทีมกลับมาพลิกสถานการณ์อย่างแท้จริง
แม้ช่วงที่ผ่านมานักเตะอาจจะโดนวิจารณ์แบบไม่ค่อยยุติธรรมมากนักว่าเก่งเฉพาะในเกมเล็ก พอลงสนามแมตช์สำคัญฟอร์มก็ร่วงกราวรูด แต่สำหรับผลงานในการรับมือ โรม่า คงจะเป็นคำตอบที่ชัดเจนให้กับบรรดาพวกชอบวิจารณ์และเกรียนคีย์บอร์ดได้เป็นอย่างดี
แน่นอนว่าแม้สกอร์จะนำห่างแบบนี้ แต่ฟันธง โซลชา ยังไงก็จับ บรูโน่ ลงสนามในเกมเลกสองที่กรุงโรม สัปดาห์หน้า และด้วยฟอร์มแบบนี้ยิ่งทำให้เขามั่นใจมากยิ่งขึ้น ฉะนั้นคงพูดได้เต็มปากว่านี่แหละบรูโน่ตัวจริงเสียงจริง
อย่างไรก็ตามสถิติที่ยอดเยี่ยมของ อดีตจอมทัพสปอร์ติ้ง ลิสบอน จะไร้ความหมายไปทันทีเมื่อไม่มีแชมป์มาประดับบารมี เพราะมันก็ไม่ต่างอะไรกับ "ราชันไร้มงกุฎ"
2. หัวใจนักสู้ไม่เคยยอมแพ้
แฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มักจะคุ้นชินกับการเห็นทีมรักกลับมาระเบิดฟอร์มได้อย่างสุดยอดแม้จะโดนยิงนำในสมัยที่เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุมบังเหียน และบรรยากาศแบบนี้ค่อยๆ กลับมาอีกครั้งในยุคของ "น้าลูกอม"
ฟอร์มในครึ่งแรกของแมตช์นี้ทุกๆ คนคงเห็นได้อย่างชัดเจนว่านักเตะแมนฯ ยูฯ มีอาการประหม่า และเล่นด้วยฟอร์มที่น่าอึดอัดจนส่งผลให้พวกเขาโดนทัพ "จัลโล่รอสซี่" ยิงประตูนำ 2-1 แน่นอนว่าในตอนนี้ใครที่ถอดวิญญาณรับใช้ "ซาตาน" เริ่มหวั่นใจว่า โซลชา จะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความล้มเหลว ด้วยการตกรอบตัดเชือกเป็นครั้งที่ 5 ติดต่อกัน
อย่างไรก็ตามหากทุกๆ คนได้เห็นผลงานของแมนฯ ยูไนเต็ดในฤดูกาลนี้ จะเห็นได้ว่าพวกเขามักจะพลิกสถานการณ์จากที่เป็นรองกลับมาคว้าชัยชนะได้บ่อยๆ และเกมนี้ โซลชา ได้แสดงให้เห็นถึงมันสมองชั้นยอดของเขาในการแก้เกม รวมทั้งการกระตุ้นลูกทีม และความเชื่อมั่นในการเลือกนักเตะลงสนาม
คาวานี่ จัดการเหมาสองประตูเช่นเดียวกับ บรูโน่ ขณะที่ ลุค ชอว์ แม้จะทำผิดพลาดในจังหวะที่ทีมเสียประตูที่สองเพราะไม่เช็คไลน์ล้ำหน้า แต่เขาก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้ทีมได้ประตูที่สาม ขณะที่แนวรับก็เล่นได้แกร่งชนิดที่เกมรุกของโรม่าทำอะไรไม่ได้เลยในช่วง 45 นาทีหลัง
ทั้งหมดนี้ต้องบอกว่าหัวจิตหัวใจของนักเตะแมนฯ ยูไนเต็ด ยุค โซลชา แข็งแกร่งสู้ไม่ถอย และฟอร์มแบบนี้คงทำให้เกม "แดงเดือด" รับมือ ลิเวอร์พูล ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ บรรดาสาวก "เดอะ ค็อป" ระวังน้ำตาตกถ้าฟอร์มไม่นิ่งตลอดทั้งเกม
3. คาวานี่ เป็นมากกว่าแค่ยางอะไหล่
แม้ว่าอนาคตของ เอดินสัน คาวานี่ ยังคงไม่แน่นอน แต่ผลงานของ "เอล มาทาดอร์" สุดยอดเกินคำบรรยายจริงๆ โดยเฉพาะในค่ำคืนนี้สองประตูที่เขาทำได้ เป็นการแสดงให้เห็นว่านักเตะรายนี้มีสัญชาตญาณการล่าตาข่ายในกรอบ 6 หลาจริงๆ
เรื่องการจบสกอร์คงไม่ต้องพูดกันมากนัก เพราะ คาวานี่ แสดงให้เห็นมาแล้วหลายเกมว่าเขาเต็มไปด้วยความเฉียบคมสมกับเป็น "หน้าเป้า" ขนานแท้ แต่สิ่งที่โดดเด่นของเจ้าตัวอีกเรื่องก็คือการมีส่วนกับเกม และการหาพื้นที่ว่างในกรอบเขตโทษ
หัวหอกวัย 34 ปี จัดการกดประตูสำคัญในช่วงต้นครึ่งหลังซึ่งเป็นประตูตีเสมอให้ทีม โดยจังหวะนี้เป็นการประสานงานกันแบบมองตารู้ใจระหว่าง ดาวเตะชาวอุรุกวัย กับ บรูโน่ ส่วนอีกประตูก็มาจากความจมูกไวของเขาในการวิ่งเข้าซ้ำจังหวะที่ อันโตนิโอ มิรันเต้ นายทวารโรม่า ปัดลูกยิงของ อารอน วาน-บิสซาก้า ไม่ดี
ยังไม่หมดแค่นั้นเพราะตอนที่ โซลชา ส่ง กรีนวู้ด ลงสนาม คาวานี่ ต้องถอยลงมายืนลึก และนั่นทำให้เขามีโอกาสได้คอยเชื่อมเกมบุกให้กับทีม พยายามวิ่งหาพื้นที่เพื่อต่อบอล และยังเป็นคนแอสซิสต์ให้กับ "ไม้เขียว" กดประตูตอกฝาโลงด้วย
ต้องยอมรับว่า คาวานี่ ยังคงเป็นนักเตะที่มีประโยชน์กับ แมนฯ ยูไนเต็ด โดยผลงานตลอดทั้งฤดูกาลนี้ได้แสดงให้เห็นคุณภาพ และประสบการณ์ของเขาแล้ว ฉะนั้น โซลชา กับบอร์ดบริหารต้องพยายามทำงานหนักเพื่อยื้อนักเตะให้อยู่ประครองทีมอย่างน้อยอีก 1 ซีซั่นก็ยังดี
4. สมอลลิ่งกลับถิ่นเก่าไม่สวยหรู
คริส สมอลลิ่ง ประสบความสำเร็จกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยเขาผ่านการเล่นให้กับสโมสรแห่งนี้กว่า 300 แมตช์ในช่วงเกือบ 10 ปีที่สวมชุด "ผีแดง" ก่อนจะย้ายไปเล่นให้ โรม่า ในปี 2019 และย้ายแบบถาวรเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา
ปราการหลังวัย 31 ปี ได้พบกับชีวิตใหม่ที่ อิตาลี โดยฟอร์มของเขาโดดเด่นและแข็งแกร่งมากๆ จนกลายเป็นหนึ่งในคีย์แมนของ "จัลโล่รอสซี่" แถมแฟนบอลยังชื่นชอบผลงานของเขามากๆ ถึงขั้นตั้งฉายาว่า "สมอลล์ดินี่" (เลียนแบบ เปาโล มัลดินี่)
อย่างไรก็ตามการกลับมาเยือนโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด รั้งรักที่แสนบูชากลายเป็นว่าเจ้าตัวต้องมีคราบน้ำตาหลังจบเกม เพราะเขาทำผลงานได้ไม่ค่อยดีนักทั้งทำฟาวล์ ป็อกบา จนโดนใบเหลือง, มีส่วนทำฟาวล์ คาวานี่ จนทีมเสียจุดโทษ และยังปล่อยให้ ป็อกบา ได้โหม่งสบายๆ ในประตูที่ 5 ด้วย
การที่ทีมแพ้ยับไม่นับญาติเป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวดอยู่แล้ว แต่สำหรับ สมอลลิ่ง ผลงานของเขาในแมตช์นี้ถือว่าต่ำกว่ามาตรฐานอย่างมาก และไม่ใช่เรื่องแปลกที่เจ้าตัวจะรู้สึกผิดหวังอย่างแรงที่มีส่วนทำให้ โรม่า โดนฝังชนิดที่แทบไม่ต้องคิดเรื่องโอกาสฟื้นคืนชีพเลย
5. อเวย์โกลแทบไม่มีผลอะไรเลย
หลายคนมองว่าการเป็นทีมเยือน และพยายามที่จะยิงประตูให้ได้ถือว่าพวกเขาสามารถเก็บความได้เปรียบในระดับหนึ่ง แต่สำหรับแมตช์นี้ 2 ประตูที่ โรม่า ทำได้แทบไม่มีผลอะไรเลยกับเกมเลกสองที่สนาม สตาดิโอ โอลิมปิโก ในสัปดาห์หน้า
ผลงานในครึ่งแรกของ "จัลโล่รอสซี่" ต้องบอกว่าโดดเด่นมากๆ และสามารถต่อกรกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้อย่างสูสี แม้ว่าพวกเขาจะโดนยิงประตูขึ้นนำไปก่อนก็ตาม แต่สามารถซัดคืนได้สองลูกรวด นั่นทำให้ในครึ่งหลัง ดูเหมือนทีมเยือนจะเล่นได้ง่ายยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตามต้องชื่นชม โซลชา ในการปรับแท็กติก และกระตุ้นลูกทีมทำให้พวกเขาสามารถกลับมาลงสนามด้วยฟอร์มที่สุดยอดมากๆ ที่สำคัญเกมรุกของทัพ "ผีแดง" เล่นได้อย่างเฉียบคม ในขณะที่เกมรับก็เหนียวแน่นมากขึ้นกว่าเดิม
ฉะนั้นต้องบอกแบบไม่อายเลยว่าผลการแข่งขันแบบนี้ อเวย์โกลที่ โรม่า ตุนเอาไว้ 2 ลูกไม่มีผลอะไรทั้งนั้น แน่นอนว่าอาจจะเป็นการปรามาส "หมาป่าเหลืองแดง" เกินไป แต่เมื่อมองจากภาพรวมเรื่องฟอร์มการเล่น และจำนวนสกอร์ที่ขาดลอยแบบนี้ บอกเลยว่าขาข้างหนึ่งของ แมนฯ ยูไนเต็ด ก้าวไปที่สนามสตาดิโอน เอเนอร์ก้า กดัญสก์ แล้ว !!!
ทอมเม้ง
[ ไม่อนุญาตให้คัดลอกรูปภาพหรือนำไปเผยแพร่รูปภาพต่อไม่ว่าวิธีใดๆ ถ้าฝ่าฝืนมีความผิดตามกฎหมายที่ระบุไว้สูงสุด ]