แนวรับกลับมาแกร่ง แนวรุกเต็มสูบ ! เจาะ 5 ประเด็น ลิเวอร์พูล รับมือ อาแจ็กซ์

ลิเวอร์พูล มีคิวต้องรับมือ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม ดี โดยถือเป็นเกมที่สำคัญมากๆ เพราะหากพวกเขาทำได้แค่เสมอเป็นอย่างน้อยก็ตีตั๋วเข้าไปเล่นรอบน็อกเอาต์ทันที และจะทำให้เกมสุดท้ายพบ มิดทิลแลนด์ สามารถพักผู้เล่นตัวหลักได้
"หงส์แดง" เพิ่มจะเครื่องสะดุดสองนัดติดต่อกันโดยแพ้ อตาลันต้า (แชมเปี้ยนส์ ลีก) และเสมอ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน (พรีเมียร์ลีก) ทำให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม ต้องกระตุ้นนักเตะให้กลับมาเรียกสมาธิ และเล่นด้วยความมุ่งมั่นในเกมรับมือ ยอดทีมลีกดัตช์ ที่สนามแอนฟิลด์
สำหรับแมตช์นี้เจ้าบ้านยังคงประสบปัญหานักเตะตัวหลักหลายคนบาดเจ็บ แต่อย่างน้อยๆ พวกเขาก็มีข่าวดีนั่นก็คือแนวรุกสี่ประสานทั้ง โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และ ดีโอโก้ โชต้า พร้อมเต็มสูบที่จะลงไล่ล่าตาข่าย
1. มาติป, ฟาบินโญ่ กลับมาประจำตำแหน่งร่วมกัน
ในเกมที่ "หงส์แดง" บุกเสมอ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน 1-1 คล็อปป์ ตัดสินใจไม่ส่ง โฌแอล มาติป ลงสนาม ด้วยเหตุผลต้องการเก็บสภาพร่างกายของ กองหลังชาวแคเมอรูน เอาไว้สำหรับเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก ที่จะต้องรับมือกับ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม
ด้วยโปรแกรมที่เตะกันถี่ยิบแบบบนี้ นายใหญ่ชาวเยอรมัน มองเห็นแล้วว่าหากส่ง มาติป ลงเล่นแบบสามวันต่อเกมมีโอกาสที่นักเตะจะต้องกลับเข้าไปโรงหมออีกครั้งแหงๆ นั่นจึงทำให้เขาเลือกที่จะใช้งาน นาธาเนียล ฟิลลิปส์ ซึ่งไม่มีชื่อในชุดลุยถ้วยใบโตยุโรป เล่นร่วมกับ ฟาบินโญ่
สำหรับในแมตช์รับมือ อาแจ็กซ์ ที่สนามแอนฟิลด์ ถือเป็นเกมที่มีความสำคัญมากๆ ฉะนั้นการมีแนวรับที่ไว้วางใจได้เป็นสิ่งที่จำเป็น และนั่นคือสาเหตุที่ คล็อปป์ เลือกพัก มาติป ในเกมลีกเมื่อสุดสัปดาห์เพื่อให้นักเตะมีร่างกายที่พร้อมสำหรับเกมนี้
ขณะที่อีก 1 ปัญหาที่ คล็อปป์ ต้องขบคิดก็คือตำแหน่งแบ็กขวา ตอนนี้คงมีแค่ เนโก วิลเลี่ยมส์ ที่ใช้งานได้เท่านั้น เพราะ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ยังอยู่ในช่วงพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บ ส่วน เจมส์ มิลเนอร์ กลายเป็นแข้งรายล่าสุดที่อยู่ในลิสต์รายชื่อนักเตะเดี้ยง "เดอะ เร้ดส์"
แน่นอนว่าการใช้งาน วิลเลี่ยมส์ ถือเป็นเรื่องที่เสี่ยงอีกครั้ง เพราะเกมล่าสุดกับ ไบรท์ตัน นักเตะทำผลงานได้น่าผิดหวัง ปล่อยให้คู่แข่งมีโอกาสได้หลุดเข้ามาสร้างปัญหาหลายครั้ง แถมยังทำให้ทีมเสียจุดโทษในช่วงครึ่งแรกซะด้วย แต่เดชะบุญที่ นีล โมเปย์ ยิงออกนอกกรอบ ฉะนั้นการที่มี มาติป กับ ฟาบินโญ่ ยืนเป็นคู่เซนเตอร์แบ็ก น่าจะทำให้เกมรับของทีมเหนียวแน่นมากขึ้น
2. งานนี้ต้องพึ่ง 4 มหัศจรรย์ลงเล่นพร้อมกัน
แมตช์ล่าสุด คล็อปป์ เลือกที่จะดร็อป ซาดิโอ มาเน่ เพื่อให้นักเตะได้พักอย่างเต็มที่หลังจากกรำศึกมาหลายนัดติดต่อกัน โดยจับ โรเเบร์โต้ ฟีร์มีโน่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ดีโอโก้ โชต้า ลงทำหน้าที่เป็นสามประสานในแดนหน้า และก็ทำผลงานได้ดีเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม กุนซือเลือดด๊อยท์ช จับ มาเน่ ลงเล่นในครึ่งหลังแทน "บังโม" เมื่อเกมผ่านไป 60 กว่านาที แต่สำหรับแมตช์กับ อาแจ็กซ์ แน่นอนว่า ลิเวอร์พูล ต้องการอย่างน้อยแค่ผลเสมอเพื่อการันตีตั๋วไปเล่นรอบน็อกเอาต์ถ้วยใบโตยุโรป แต่เพื่อโอกาสที่จะเป็นแชมป์กลุ่ม ดี มีสิทธิ์ที่สาวก "เดอะ ค็อป" จะได้เห็น "แฟบโฟร์" หรือสี่มหัศจรรย์ลงสนามพร้อมกัน
มีความเป็นไปได้อย่างมากที่ คล็อปป์ จะใช้ระบบ 4-2-3-1 ในแมตช์นี้ โดยงานนี้บอกเลยว่า "หงส์แดง" คงหวังที่จะกด อาแจ็กซ์ ให้อยู่หมัดเพื่อจะได้ไม่ต้องไปกังวลในเกมสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มที่จะต้องพบกับ มิดทิลแลนด์ ซึ่งย้ายไปเล่นสนามกลางใน โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์
แน่นอนว่าการใช้ 4 แนวรุกในแมตช์นี้ คงทำให้คู่แข่งต้องเล่นเกมรับให้รัดกุม แต่กระนั้นการที่ อาแจ็กซ์ จำเป็นต้องคว้าชัยชนะให้ได้เพื่อเพิ่มโอกาสในการผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายเช่นกัน ดังนั้นการใช้ผู้เล่นเกมบุกแบบเต็มสูบ อาจจะส่งผลดีต่อเจ้าบ้านได้
3. โชต้า ชื่อนี่คือความหวังใหม่
ตอนนี้หากจะมองหานักเตะที่ฟอร์มร้อนแรงและไว้วางใจได้มากที่สุดในเกมรุกก็คือ ดีโอโก้ โชต้า เพราะนับตั้งแต่ที่นักเตะย้ายจาก วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ มาสวมชุดลิเวอร์พูล เจ้าตัวฟอร์มฮอตเหลือเกินโดยซัดไปแล้ว 9 ประตูจากทั้งหมด 14 แมตช์ที่เล่นให้ต้นสังกัดในซีซั่นนี้
ฟอร์มของ หัวหอกชาวโปรตุกีส ต้องบอกเลยว่าเด็ดสะเด่าประทับใจสาวก "เดอะ ค็อป" จริงๆ เพราะเขาซัดประตูจากการเล่นจังหวะโอเพ่นเพลย์ได้เหนือกว่า "บังโม" และ มาเน่ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า โชต้า เป็นนักเตะที่มีความเฉียบคมอย่างมากในทุกๆ จังหวะ
ขณะที่ ซาลาห์ ยังคงรักษามาตรฐานได้ดีในการยิงจุดโทษเพราะซัดเข้าไป 5 ประตู ส่วน มาเน่ ก็มีความว่องไวและสามารถปั่นป่วนเกมทางริมเส้นได้ดีเยี่ยม ฉะนั้นการที่ คล็อปป์ จะเลือก โชต้า ลงสนามเพื่อสร้างความแตกต่างในเกมรุก จึงเป็นแนวทางที่ทีมมีโอกาสได้ประตูมากยิ่งขึ้น
อย่าลืมว่า โชต้า เป็นนักเตะที่มักจะยืนถูกที่ถูกเวลา บางครั้งยังมีทักษะในการวิ่งหาพื้นที่ว่างในกรอบเขตโทษ ที่สำคัญความสามารถเฉพาะตัวในการกระชากบอลเข้าไปยิงประตูก็มักจะมีให้เห็นบ่อยๆ ดังนั้นนี่คืออาวุธลับสำคัญที่ คล็อปป์ จะนำมาใช้เพื่อเผด็จศึก อาแจ็กซ์ ในเกมนี้
4. แดนกลางยังต้องพึ่ง ไวจ์นัลดุม
สถานการณ์ในเวลานี้ ลิเวอร์พูล ต้องเผชิญกับปัญหานักเตะเจ็บระนาว รายล่าสุดก็คือ เจมส์ มิลเนอร์ ทำให้ตอนนี้แดนกลางของ "หงส์แดง" มีตัวเลือกไม่มากนัก เพราะ นาบี เกอิต้า ก็ยังอยู่ในช่วงพักฟื้นร่างกาย ทำให้โอกาสเป็นไปได้สูงที่ จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม จะทำหน้าที่บัญชาเกมในแผงมิดฟิลด์
สำหรับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีมที่เพิ่งลงเคาะสนิทเป็นตัวสำรองในเกมเสมอ ไบรท์ตัน งานนี้ คล็อปป์ คงต้องจับ "กัปตันเฮนโด้" ลงมาคอยคุมเกมแดนกลางให้กับทัพ "เดอะ เร้ดส์" ส่วนอีกรายมองซ้ายแลขวาแล้วน่าจะเป็นหน้าที่ของ เคอร์ติช โจนส์
ขณะที่ ติอาโก้ อัลกันตาร่า ยังคงต้องนั่งดูเพื่อนร่วมสังกัดลงสนามต่อไป โดยนักเตะยังอยู่ในช่วงพักฟื้นร่างกายจากอาการบาดเจ็บ และ นายใหญ่ชาวเยอรมัน บอกไปแล้วว่านักเตะจะต้องใช้อีกประมาณ 2-3 สัปดาห์ถึงจะกลับมาสวมสตั๊ดร่ายมนต์ลูกหนังอีกครั้ง
เช่นเดียวกับ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน และ เซอร์ดาน ชากีรี่ ที่ยังต้องอยู่บนเตียงคุณหมอมากกว่าลงมาเล่นในสนามซ้อมอีกต่อไปหลายสัปดาห์ ถือว่าเป็นโชคร้ายสำหรับ ลิเวอร์พูล จริงๆ ที่เจอกับปัญหานักเตะเดี้ยงเยอะแยะทั้งแผงมิดฟิลด์ และกองหลัง
5. ชัยชนะสุดสำคัญเพื่อโอกาสเป็นแชมป์กลุ่ม
แน่นอนว่า 3 คะแนนในเกมนี้มีความหมายกับ ลิเวอร์พูล มากๆ เพราะหากพวกเขาสามารถเก็บชัยชนะได้นอกจากจะได้เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายแล้ว ยังเป็นการเพิ่มโอกาสที่พวกเขาจะคว้าแชมป์กลุ่ม ดี ด้วย ซึ่งมีผลต่อการจับสลากในรอบต่อไป และทำให้ทีมมีโอกาสได้เจอกับคู่แข่งที่ไม่หนักมากนัก
กระนั้นหากพวกเขาทำได้เพียงแค่เสมอกับ อาแจ็กซ์ แม้ว่าจะได้ตั๋วไปเล่นในรอบน็อกเอาต์ก็ตาม แต่การจะได้เป็นแชมป์กลุ่มหรือไม่ต้องขึ้นอยู่กับผลการแข่งขันคู่ระหว่าง อตาลันต้า พบ มิดทิลแลนด์ ซึ่งหากทีมดังจากเมืองแบร์กาโม่ แพ้ แน่นอนว่าแชมป์กลุ่มเป็นของ "หงส์แดง" ทันที (เฮดทูเฮด ดีกว่า)
แต่เพื่อความชัวร์คาดว่า คล็อปป์ คงสั่งลูกทีมปิดบัญชี อาแจ็กซ์ให้สิ้นซาก จะได้ไม่ต้องมาลุ้นแชมป์กลุ่มให้วุ่นวาย
ทอมเม้ง
[ ไม่อนุญาตให้คัดลอกรูปภาพหรือนำไปเผยแพร่รูปภาพต่อไม่ว่าวิธีใดๆ ถ้าฝ่าฝืนมีความผิดตามกฎหมายที่ระบุไว้สูงสุด ]