มาโน่ยกเวียดนามแกร่งเสมอเตรียมเรียก3แข้งเจลีกร่วมบู๊บอลถ้วยอาเซียน

มาโน่ โพลกิ้ง กุนซือทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์หลังผลการจับสลากแบ่งสายศึกฟุตบอลอาเซียน คัพ ครั้งที่ 14 หรือชื่อรายการใหม่ "เอเอฟเอฟ มิตซูบิชิ อิเล็กทริค คัพ 2022" ระหว่างวันที่ 20 ธ.ค.65 - 16 ม.ค.66 ซึ่งทีมชาติไทย ในฐานะแชมป์เก่าและแชมป์ 6 สมัยรายการนี้ อยู่ในกลุ่ม เอ ร่วมกับ  ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย, กัมพูชา และทีมจากรอบคัดเลือก (ติมอร์ เลสเต หรือ บรูไน) 

เฮดโค้ชวัย 46 ปี  เผยว่า "สำหรับการเล่นเหย้า-เยือน สิ่งสำคัญคือสิ่งแวดล้อมที่มันมีการเปลี่ยนแปลง ทางแฟนบอลเองที่เล่นในบ้าน หรือทีมอื่นเองที่เล่นในบ้าน สิ่งแวดล้อมตรงนี้ก็จะแตกต่างถ้าเทียบกับการเล่นแบบบัลเบิ้ลเหมือนครั้งล่าสุดที่สิงคโปร์"

"ขั้นตอนของทีมงานในการทำงานมันจะไม่แตกต่างกัน และ ณ ตอนนี้ นิยามที่ใช้กันว่า จากการชิงแชมป์ กับการป้องกันแชมป์ มันก็อยู่ที่การทำการบ้านต่อไปของทีมสต๊าฟฟ์โค้ชเอง เพื่อที่จะเตรียมตัวสำหรับทัวร์นาเมนต์นี้ ซึ่งจะต้องพร้อมที่สุด รวมทั้งการทำการบ้านทีมที่เราจะต้องเจอกันด้วย"

"ทางสต๊าฟฟ์ทีมงานก็ได้มีการติดต่อ พูดคุยใกล้ชิดกับทางผู้จัดการทีมชาติไทย คุณแป้ง นวลพรรณ ล่ำซำ ซึ่งทางสต๊าฟฟ์โค้ชเอง หรือสมาคมและเจ้าหน้าที่ต่างๆ ได้คำนึงถึงตารางการแข่งขันช่วงท้ายปี ที่มีการแข่งขันเยอะ ซึ่งจุดนี้ทางไทยลีกก็จะทำการหยุด เพื่อให้นักกีฬามีระยะเวลาที่ได้พักยาว"

"ซึ่งตรงนี้ทางผมและทีมงานก็ต้องดูความพร้อมของนักฟุตบอล รวมถึงนักเตะที่อยู่ต่างประเทศที่เล่นอยู่ญี่ปุ่นทั้ง สุภโชค สารชาติ ของคอนซาโดเล่ ซัปโปโร, ชนาธิป สรงกระสินธ์ ของคาวาซากิ ฟรอนตาเล่ รวมถึง เชาว์วัฒน์ วีระชาติ ของเซเรโซ่ โอซาก้า ทั้งนี้ทุกคนก็มีความสามารถแตกต่างกันไป ซึ่งตรงนี้ทางทีมงานและผมก็ต้องมาดูกันอีกทีว่านักกีฬามีความพร้อมมากแค่ไหน และสามารถที่จะเข้ามาร่วมทีมชาติได้"

 "อย่างไรก็ตามอินโดนีเซีย, มาเลเซีย, สิงคโปร์, ฟิลิปปินส์ ล้วนเป็นทีมที่ดี แต่อินโดนีเซียพิเศษกว่าทีมอื่น เพราะพวกเขาใช้นักเตะชุดเดิมที่เล่นด้วยกันมานานกับโค้ชคนเดิม และเป็นทีมอายุน้อย เป็นคู่แข่งที่เล่นด้วยยาก แต่โดยรวมแล้ว เวียดนาม ยังเป็นคู่แข่งสำคัญ เรารู้ดีว่าพวกเขาแข็งแกร่ง แต่สิ่งสำคัญคือเราต้องดูก่อนว่าพวกเขาจะหยุดลีกหรือไม่ และนักเตะคนใดจะมาร่วมทีมได้หรือไม่ได้" มาโน่ กล่าวทิ้งท้าย

สำหรับโปรแกรมของทัพ "ช้างศึก" ประกอบด้วย วันที่ 23 ธ.ค.65 พบ บรูไน หรือ ติมอร์ เลสเต (เยือน), วันที่ 29 ธ.ค.65 พบ ฟิลิปปินส์ (เหย้า), วันที่ 1 ม.ค.66 พบ อินโดนีเซีย (เยือน) และวันที่ 4 ม.ค.65 พบ กัมพูชา (เหย้า) โดยรูปแบบการแข่งขันจะกลับไปใช้แบบเดิม คือ ระบบเหย้า-เยือน, ไม่มีชาติเจ้าภาพ โดยรอบแรกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ 5 ทีม แต่ละทีมจะต้องเล่นเป็นทีมเยือน 2 นัด และทีมเหย้า 2 นัด ขณะที่ รอบรองชนะเลิศกับรอบชิงชนะเลิศ จะเตะแบบเหย้า-เยือน รอบละ 2 นัด ตามลำดับ