พลพรรคปีศาจแดงบุกไปอัด "นักบุญ" ถึงถิ่นก็จริง แต่กว่าจะควัก 3 แต้ม กลับออกมาได้นี่ก็แทบตายเหมือนกัน
1. เอริค เทน ฮาก จัดผู้เล่น 11 ตัวจริงเหมือนเดิมจากชุดที่มีชัยในศึกแดงเดือดทุกตำแหน่ง
นั่นหมายความว่า แฮร์รี่ แม็กไกวร์ กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ยังคงต้องวางตูดอยู่บนม้านั่งสำรอง ขณะที่ผู้เล่นที่เพิ่งย้ายมาใหม่อย่าง กาเซมิโร่ ก็ซ้อมกับเพื่อนร่วมทีมอสูรแดงน้อยไปจึงต้องนั่งดูไปก่อน
ส่วน อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ถูกอาการบาดเจ็บลักพาตัวไปอีกแล้ว
ระบบการเล่นไม่ใช่ 4-2-3-1 เหมือนผังที่ขึ้นหน้าจอทีวีนะครับ มันเหมือน 4-1-4-1 ซะมากกว่า เพราะ คริสเตียน เอริคเซ่น ขยับขึ้นสูงไปเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวรุกตลอด
แต่ตัวรุกริมเส้น 2 ข้างมีการสลับตำแหน่งกันโดยเอา เจดอน ซานโช่ ไปอยู่ทางซ้าย และ แอนโธนี่ อีลันก้า ไปอยู่ทางขวา กองหน้าตัวเป้าคือ มาร์คัส แรชฟอร์ด
เข้าใจครับว่าทีมที่เล่นได้ไฉไลอยู่แล้วก็ไม่ควรไปเปลี่ยนแปลงอะไรมัน ว่าแล้วก็ตามนั้น
2. ตัวผู้เล่นเดิมทุกตำแหน่ง ทว่าความแตกต่างจากเกมเชือดหงส์แดงคือ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ได้เดินสูงขึ้นบีบแล้วพุ่งเข้าหาเร็วแบบเพรสซิ่ง
เหตุเพราะเจ้าถิ่นพยายามใช้บอลยาวแบบ "ไดเร็กต์" เข้าโจมตีเกมรับของปีศาจแดงโดยตรง
เป้าหมายในการโจมตีคือ ลิซานโดร มาร์ติเนซ ปราการหลังร่างเล็กของผู้มาเยือนเหมือนที่ ไบรท์ตัน กับ เบรนต์ฟอร์ด เคยทำสำเร็จนั่นแหละ
เวลาได้ทุ่มก็จะทุ่มไกลเข้าไปในกรอบเขตโทษ เช่นเดียวกับเวลาได้เล่นลูกตั้งเตะ พวกนักบุญจะบอมบ์ใส่ทันที
เรียกว่าจี้จุดอ่อนกันแบบเห็นๆ
กุนซือของ แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งได้รับบทเรียนมาแล้วจาก 2 นัดแรก แก้หมากนี้ด้วยการให้ ราฟาแอล วาราน คอยช่วยเหลือ "ลิชา" อยู่ไม่ห่าง แถมยังให้ สก๊อตต์ แม็คโทมิเนย์ ถอนลงมาเล่นเหมือนเป็นเซ็นเตอร์แบ็คอีกคนตามจังหวะ เพื่อช่วยกองหลังชาวอาร์เจนติน่ารับมือกับลูกโด่งโดยเฉพาะ
สุดท้ายทั้ง ลิซานโดร มาร์ติเนซ และสก๊อตต์ แม็คโทมิเนย์ ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีในระดับหนึ่งเลย และไม่มีจังหวะผิดพลาดที่น่าเกลียดอะไร
3. เซาธ์แฮมป์ตัน ก็ไม่ได้ขึ้นมาบีบสูงนะครับ เวลา แมนฯ ยูไนเต็ด เซ็ตบอลกันขึ้นมาจากในแดนตัวเอง นักเตะเจ้าถิ่นใช้วิธีถอยลงไปคุมพื้นที่ในแดนตัวเองให้แน่นหนา
ลูกทีมของ เอริค เทน ฮาก ครองบอลได้มากกว่าก็จริง แต่ทำได้แค่เคาะบอลวนไปวนมาแบบไม่ได้คุกคามอะไร
สปีดเกมก็ค่อนข้างช้า เพราะมัวแต่ต่อบอลกันมากจังหวะ ผู้เล่นหมายเลข 10 อย่าง บรูโน่ แฟร์นันด์ส สร้างสรรค์เกมรุกไม่ได้ ปีก 2 ข้างทั้ง แอนโธนี่ อีลันก้า กับ เจดอน ซานโช่ ก็เล่นไม่ออก
หัวหอกอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด จึงเหมือนไม่มีตัวตน
ไอ้ที่พอทำเกมรุกได้ก็เห็นจะมีนักเตะพันธุ์โคนมผู้ใส่เสื้อหมายเลข 14 เพียงคนเดียว
เทียบกับเกมอัดตูดพวกพรี่ๆ แล้ว มันคนละอารมณ์กันเลย !!!
4. อาการของปีศาจแดงมากระเตื้องขึ้นในครึ่งหลัง เมื่อได้น้ำได้ท่าแล้วคงถูกผู้จัดการทีมกระตุ้นให้เล่นอย่างกระตือรือร้นมากขึ้น วิ่งบดบี้และหาช่องว่างให้มากขึ้น
ว่าแล้วก็นำมาซึ่งประตูขึ้นนำจนได้
จังหวะยิง 1-0 ถือเป็นการเข้าทำที่มีรูปแบบนะครับ เมื่อมีการทำชิ่งเร็ว 1-2 จน ดิโอโก้ ดาโลต์ หลุดไปถึงเส้นหลัง แทนที่จะปาดบอลไปหน้าประตูแบบได้-เสีย กลับหักลูกย้อนหลังให้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ที่สอดขึ้นมาแปกระแทกเสียบโคนเสา
เรียกว่าเข้าทำสวย จ่ายดี และจบได้เด็ดขาด
ปัญหาคือหลังจากขึ้นนำ แมนฯ ยูไนเต็ด ถูก เซาธ์แฮมป์ตัน บุกขย่มอยู่ข้างเดียวจนแทบไม่ได้ตอบโต้อะไรด้วยซ้ำ
5. นอกจากจะเป็นผู้มีชัย แมนฯ ยูไนเต็ด ยังสามารถรักษา "คลีนชีต" ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในฤดูกาลนี้อีกต่างหาก
แต่ทว่ามันเป็นชัยชนะที่ไม่ได้เกิดขึ้นบนฟอร์มการเล่นอันน่าประทับใจในรูปทรงสักเท่าไหร่ - ขอบอก
ไอ้ที่รักษาความบริสุทธิ์ของรูทวารหนักเอาไว้ได้ หาใช่เกิดจากการเล่นเกมรับที่แข็งแกร่งอะไร หากเกิดจากความไม่เฉียบคมและเด็ดขาดของคู่แข่งต่างหาก
เรียนตามตรงว่าพวกนักบุญควรจะกระทุ้งตาข่ายได้ถึง 3 ดอก โชคดีของปีศาจแดงที่คู่แข่งหนักไปทางยิงทิ้งกับยิงขว้าง ขนาดตะบันจ่อๆ กับพุ่งโขกโล่งๆ ยังข้ามคานไปไกล
เกมรุก - นอกจากจังหวะที่ได้ประตูก็แทบไม่มีอะไรน่าจดจำ ทั้งๆ ที่คุณภาพของผู้เล่น ชื่อชั้น และชาติตระกูลที่สูงกว่า แต่ แมนฯ ยูไนเต็ด ชุดนี้ไม่สามารถคุมเกมพลางบุกกระหน่ำอย่างต่อเนื่อง
พูดง่ายๆ ว่าต้องปรับกันอีกหลายจุดเลยนะครับ แถมยังต้องการผู้เล่นใหม่ในแผนกเกมรุกอีกอย่างน้อย 1-2 คน
บอ.บู๋
ที่มาของภาพ : gettyimages
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport