เป๊ป กวาร์ดิโอล่าเป็นคนแรกที่เดินนำลูกทีมออกมาในช่วงพิธีการรับมอบถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยที่ 4 ในรอบ 5 ปีหลัง ตอนนั้นพิธีกรสนามประกาศผ่านไมโครโฟนเรียกเสียงเฮจากสี่ทิศ”Please Welcome The Champions of England”โดยก็เป็นเป๊ปที่ชูสองมือขึ้นฟ้าเขย่าขึ้นลงคล้ายคนที่ปลดปล่อยแรงกดดันมหาศาลออกจากสองบ่า
p-มันไม่มีอะไรง่ายอยู่แล้วในเกมฟุตบอล
มันก็ยิ่งต้องยกกำลังสองไปด้วยกับลีกผู้ดีที่คาดเดาอะไรไม่เคยได้
ถูกต้อง-มันก็ควรเป็นเกมที่ชื่อของสตีเว่น เจอร์ราร์ดได้ถูกยกย่องจากทุกริมฝีปากของเดอะ ค็อปในฐานะ’ฮีโร่’ผู้มีส่วนช่วยยกโทรฟี่หลังจากที่แอสตัน วิลล่าสร้างเซอร์ไพร์สออกนำแมนฯซิตี้2-0โดยที่เวลาของเกมเหลืออีกแค่20นาทีอีกต่างหาก
ก็เป็นไปได้และเป็นไปแล้ว
“Steve Gerrard, Gerrard, he slipped on his fucking arse”เสียงที่เหล่าสาวกเรือใบตะเบ็งลำคอเย้ยหยันกุนซือสิงห์ผงาดทันทีที่สกอร์พลิกกลับมา3-2โดยทั้งสามประตูก็ห่างกันเพียง5นาทีเท่านั้น
เอาว่าภาพที่มีแฟนซิตี้นั่งกุมหัวยังติดตาผมอยู่เลยแต่นี่แหละคือเสน่ห์ของเกมลูกหนังที่ไม่มีอะไรแน่นอนจนกว่าผู้ตัดสินเป่าหมดจบเกม การเปลี่ยนตัวของเป๊ปคือจุดเปลี่ยนของเกมแท้จริงกับการส่งอิลคาย กุนโดอันกับราฮีม สเตอร์ลิ่งลงมาแทนแบร์นาโด ซิลวากับริยาด มาห์เรซ
ลูก1-2ที่เหมือนปลุกทุกคนในเอติฮัดให้มีความหวังก็เป็นสเตอร์ลิ่งที่โยนจากริมเส้นฝั่งขวาไปให้มิดฟิลด์ทีมชาติเยอรมันขึ้นเทกตัวโหม่งจากเสาสอง
ด้วยเวลาเหลืออีกไม่ถึง15นาที ก็ดูแล้วยังยากอยู่ที่จะเป็นไปได้ซึ่งต้องชื่นชมวินัยของผู้เล่นทีมเยือนทุกคนว่าพวกเขาสู้ได้ดี สู้แบบเหมือนว่ามีลุ้นอะไรสักอย่างในตารางทั้งที่จะชนะ, เสมอหรือแพ้ก็ไม่ได้มีผลใดๆด้วยซ้ำ

ให้วิเคราะห์ตามตรงก็ไม่ใช่เกมที่ทีมของเป๊ปเล่นได้ตามมาตรฐาน ยิ่งในครึ่งแรกด้วยแล้วก็ไม่มีการแสดงถึงความกระหายที่อยากจะรักษาบัลลังก์ให้ได้ ตลอดเวลาของเกมก็มีการดูสกอร์ของลิเวอร์พูลที่แอนฟิลด์ด้วยซึ่งทุกคนก็สะท้านว่ายังไงซะทีมของเยอร์เก้น คล็อปป์จะต้องหาทางได้สามแต้ม(และก็ทำได้จริงๆ)
ยังมีอีกบางจังหวะที่ก็บ่งบอกว่าอาจไม่ใช่วันของซิตี้ ยกตัวอย่างก็ตอนต้นครึ่งหลังเชา กานซาโล่ตะบึงเติมขึ้นสูงมาทางกราบขวาก่อนตบเข้าไปหน้าปากประตูทว่ากาเบรียล เชซุสพุ่งเข้าชาร์ตจ่อๆข้ามคาน
มีไม่กี่หนหรอกที่จะมีทีมที่บุกมาออกนำพวกเขาถึงรัง2-0แต่อีกนั่นแหละด้วยคุณภาพของสโมสรตราเรือที่คงเดินหน้าต่อไปโดยมีเควิน เดอ บรอยน์เป็นหัวใจสำคัญ ก็แทบเป็นไปไม่ได้เช่นกันที่จะมีทีมไหนในโลกหยุดพวกเขาได้ให้ครบ90นาที
อยู่แค่ว่าโอกาสที่มีจะทำให้เป็นประตูได้หรือเปล่า
เมื่อวันอาทิตย์ก็เป็นกุนโดกันที่มีข่าวว่าอาจย้ายทีมตอนซัมเมอร์เหมาสองกับอีกหนึ่งมาจากการยิงไกลสุดสวยของโรดรี้ ตอนหล้งเกมตัวเป๊ปเองก็ออกมาชื่นชมลิเวอร์พูลเช่นกันว่าไม่มีทีมสีแดงจากเมอร์ซี่ย์ไซด์มาตามเบียดไหล่ต่อไหล่ก็ไม่มีทางที่ทีมของเขาจะยิ่งอยากเร่งตัวเองให้ดียิ่งขึ้น
“ก็ต้องขอบคุณลิเวอร์พูลด้วย พวกเขาผลักดันเรา พวกเขาทำให้เราดีขึ้นในแต่ละสัปดาห์ ตอนนี้ผมไม่มีแรงที่จะคิดถึงแผนการในซีซั่นหน้าแล้วเพราะได้ใส่ไปหมดทุกอย่างที่มีในตัว”
แน่นอนว่าทั้งสองสโมสรก็น่าจะเป็นคู่ต่อสู้เหมือนเดิมในฤดูกาลถัดไป การที่เอร์ลิ่ง ฮาลันด์เตรียมลากกระเป๋ามาล่าตาข่ายให้ซิตี้ก็เป็นโจทย์ที่ทางคล็อปป์กับทีมงานต้องคิดว่าจะเสริมทัพให้ทีมอย่างไรซึ่งนั่นก็ถือว่าเป็นการขับเคี่ยวกันทางนอกสนาม
93 แต้มกับตำแหน่งแชมเปี้ยนก็ยืนกรานอีกว่ายุคนี้ใครที่คิดจะจบยอดแท่นสูงสุดคงต้องตั้งเป้าทำให้ได้มากกว่า90แต้มหรือเขียนอีกอย่างต้องทำให้ได้ดีกว่าทีมของเป๊ป
“We are the Champions”เพลงอมตะตลอดกาลของวงควีนเปิดผ่านลำโพงในช่วงพิธีการมอบถ้วยโดยที่ในสนามก็มีการแห่ถ้วยไปโดยรอบเพื่อให้แฟนบอลได้สัมผัสใกล้ชิดที่สุด
ก็ยังเป็นครั้งแรกรอบ17ปีด้วยที่ซิตี้กลับมาเอาชนะคู่แข่งหลังตามหลังในเกมลีกไป0-2
อย่างหนึ่งเพราะฟุตบอลไม่เคยออกแบบได้
นั่นเองทำไมเราและคนอีกมากมายถึงหลงมันหัวปักหัวปำ…
“ไก่ป่า”