VARแผลงฤทธิ์!! สิ่งที่อยากบอกหลังลิเวอร์พูลเสีย2แต้ม

2 ประตูของ ลิเวอร์พูล ถูก VAR ยึดคืน ก่อนที่ VAR จะบรรจงมอบจุดโทษที่ 2 ให้ ไบรท์ตัน ตีเสมอซะอย่างนั้น !!!
1. เจอร์เก้น คล็อปป์ จัดทีมแบบไม่เต็มสูบสักเท่าไหร่ในระบบ 4-2-3-1 โดย โฌแอล มาติ๊ป ดันมาหายตัวไปอีกคนจนต้องเอาดาวรุ่งอย่าง เนโก วิลเลี่ยมส์ กับ แน็ตต์ ฟิลลิปส์ ลงตัวจริง
ทาคูมิ มินามิโนะ ได้ลงในตำแหน่ง 'หน้าต่ำ' เพื่อให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ เป็นหน้าเป้า ขนาบด้วย โม ซาล่าห์ และดิโอโก โชต้าส่วน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กับ ซาดิโอ มาเน่ ถูกขังไว้ในซุ้มม้านั่งสำรองก่อน
แม้จะไม่สมประกอบ แต่ด้วยคุณภาพและมาตรฐานที่สูงกว่าก็น่าจะ 'เอาอยู่' นะครับ ว่าแล้วพลพรรคหงส์ก็เริ่มต้นในช่วง 10 นาทีแรกได้เหนือกว่าอย่างชัดเจน
2. ไบรท์ตัน เป็นทีมที่เล่นได้แบบ 'มีทรง' อยู่แล้วนะครับ โดยจะใช้การเซ็ตบอลจากในแดนตัวเองพลางต่อบอลและทำชิ่งกันห้ำหั่นกับคู่แข่ง
หลังตั้งหลักได้ พวกเขาก็เริ่มครองบอลได้มากขึ้น ก่อนใช้จังหวะฉาบฉวย เช่นการวางตัดหลังแบ็คเข้าโจมตี ลิเวอร์พูล ที่แนวรับดูหลวมๆ และมีช่องว่างเข้าจู่โจม
เจ้าถิ่นเล่นกันได้ดีเลยทีเดียว การรับส่งบอลแม่นยำทั้งสั้นและยาว แต่ปัญหาที่อยู่คู่ทีมนวลนางแดนใต้มาตลอดคือไม่มีความเด็ดขาด
บ่อยครั้งที่เล่นดีมีโอกาสแล้วดันปล่อยให้หลุดลอยไปในอวกาศ ขนาดได้จุดโทษ และมีโอกาสขึ้นนำก่อน ยังอุตส่าห์เอามันไปโยนทิ้งลงโถส้วมเลยครับคุณ
3.ขณะเดียวกันมันเป็นเกมที่ ลิเวอร์พูล เล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐานของตัวเอง แบ็คขวาอย่าง เนโก วิลเลี่ยมส์ กลายเป็นจุดอ่อน แดนกลางก็ขับเคลื่อนเกมไม่ถนัดนัก มินามิโนะ ในตำแหน่งหมายเลข 10 ก็ธรรมดาเกินไป ไม่มีทีเด็ด เกมรุกดูอืดๆ และปราศจากความดุดัน แถมหาจังหวะจบสกอร์ได้น้อยไปหน่อย
อย่างไรก็ตาม ด้วยความไม่เฉียบคมของ ไบรท์ตัน ทำให้พวกเขาถูกลงโทษ เพราะมีโอกาสแล้วทำไม่ได้เอง สุดท้ายเสียประตูให้หงส์แดงจนได้
4. เมื่อ ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ 1-0 ดูแล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แม้จะโชว์ฟอร์มกันได้ไม่ไฉไลสักเท่าไหร่ แต่เกมรุกของเจ้าบ้านก็ไม่มีประสิทธิ์ภาพเพียงพอ
แต่ใครจะไปรู้ว่า VAR จะแผลงฤทธิ์ !!!
จุดโทษของ ไบรท์ตัน มาจากจังหวะที่ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ไปหวดเท้าของ แดนนี่ เวลเบ็ค
เท่าที่เห็นจากภาพช้า นักเตะที่เด็กหงส์เรียกว่า 'ร็อบโบ้' ไม่ได้เจตนาทำฟาวล์อย่างแน่นอน
มิซ้ำในจังหวะนั้น 'ท่านมหาเทพ' ก็ไม่น่าจะครองบอล หรือเกี่ยวบอลไปหาจังหวะทำประตูได้ซะด้วย
ตามคอมม่อนเซ้นส์ - ไม่น่าจะเป็นจุดโทษนะครับ
หรือไม่ให้ก็คงไม่มีใครว่า
ทว่าผู้ผดุงความยุติธรรมอย่าง VAR กลับไม่ยอมปล่อยผ่าน แล้วให้ผู้ตัดสินไปดูเองอีกครั้ง
ผมก็มองเหมือนเด็กหงส์ส่วนใหญ่นั่นแหละครับว่าไม่น่าจะเป็น 'จุดโทษ' นะ
อ้าว...แล้วเหตุไฉน ผู้ตัดสินถึงทะลึ่งให้เป็นจุดโทษล่ะ ???
เหตุผลที่ผมพอจะนำมาอธิบายได้ ณ ที่นี้ คือ...ท่านตุลาการสนามตัดสินแบบ 'เถรตรง' ตามกฏกติกามากเกินไปหน่อย
คิดง่ายๆ แบบนี้ครับ คือถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นนอกกรอบเขตโทษ มันคือการฟาวล์ไงครับ เพราะเท้าของ โรเบิร์ตสัน หวดไปโดนเท้าของ เวลเบ็ค โดยไม่ได้สัมผัสบอล
ถ้าเอาตามกฏมันก็ฟาวล์ ถ้าเกิดขึ้นนอกเขตก็เป็นฟรีคิก ถ้าเกิดขึ้นในเขต ก็เป็นจุดโทษ ตามหลัก 'นิติศาสตร์'
แต่ถ้าใช้หลัก 'รัฐศาสตร์' หรือมี 'ศิลปะ' ในการตัดสิน ต่อให้ เวลเบ็ค ไม่โดนสกิดจังหวะนั้นก็ทำประตูไม่ได้หรอก บอลทะลักหนีเขาไปตั้งแต่จังหวะแรกแล้ว
5. นอกจากโทษความเถรตรงเกินไปของการตัดสิน รวมถึงความเฮงซวยของ VAR แล้ว ลิเวอร์พูล คงต้องโทษตัวเองด้วยที่เล่นไม่ค่อยดีนัก และยิงประตูที่ 2 เพิ่มไม่สำเร็จ
กระนั้นยังขอยกตำแหน่ง แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ให้ VAR นี่แหละ สมแล้วที่โดนทัวร์ลงไปตามระเบียบ แถมทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรยังต้องมาโดนหางเลขไปด้วย
บอ.บู๋