2 แต้มที่หายไปของหงส์

เจเค เปลี่ยน 6 คน...
หลังจากแพ้อตาลันต้า เกมนี้บอสใหญ่หงส์แดงเปลี่ยน 6 คน ฟาบินโญ่, ฟีร์มีโน่, โชต้า, รอบโบ, มินามิโนะ และ ฟิลิปส์ ลง
คู่เซนเตอร์เป็น ฟาบินโญ - แนท ฟิลิปส์ แบ๊กขวา ยังใช้ เนโก กลาง มิลเนอร์, จินี และ มินามิโนะ ยืนด้านขวา
ข้างหน้า โชตา แทน มาเน ทางซ้าย, ฟีร์มีโน และ ซาลาห์
ยัง 4-3-3 นะครับ การยืนตำแหน่งในสนามบอกเช่นนั้น คือถ้ารับ...มินามิโนะ ขยับไปด้านขวา มิลเนอร์ ซ้าย จีนี ตรงกลาง ถ้ารุก...มินามิโนะ ตัดเข้ากลางไปเติมกับสามประสานข้างบน
ประเด็นการโรเตชั่นคือว่า...
มาติป ไม่ฟิตพอที่จะลงสนาม น่าจะให้พัก เฮนโด ไม่ฟิตพอที่จะลงตัวจริง มีชื่อสำรอง คล็อปป์ จัดตัวตามสภาพของทีมเป็นหลัก เช่นเดียวกันกับตำแหน่ง มาเน ที่เล่นกลางสัปดาห์เต็มๆ
เจ้าบ้าน เซอร์ไพรส์หน้า 3 เกรแฮม พอตเตอร์ จัดแนวรุกลงสนามคน เวลเบ็ค ที่ยิงวิลล่านัดก่อนยืนตัวจริง
ได้ความสดของ คอนนอลลี และ โมเปย์ เหมือนเดิม โดย โมเปย์ คือหน้าต่ำ ถอนลงมา เวลเบค คู่กับ คอนเนลลี เพื่อใช้ความเร็ว ระบบของ พอตเตอร์ คือ3-4-1-2 ....
เกมนี้ เบน ไวท์ ยืนเซนเตอร์ ซึ่งบางเกม พอตเตอร์ให้เล่นกองกลาง
ไวท์ ยืนกับ ลูอิส ดังค์ และ อดัม เวบส์เตอร์ ส่วนวิงแบ๊กขวา แลมพ์ตี้ย ตัวจี๊ดโดนแบน เวลต์มาน เล่นแทน ส่วนคู่กลาง บิสซูมา กับ กรอส ยืนคู่กัน
ครึ่งแรก ไบรท์ตัน ชนะคะแนน ;
1 ไบรท์ตัน "ไม่กลัว" 10 นาทีแรกทีมเจเค เพรสแดนบน และดันกองหลังครึ่งสนาม ประมาณว่าไม่กลัว ไบรท์ตัน..และนักเตะเปลี่ยน 6 คนคือ "สด"
บวกกับ อ.เบคเกอร์ ต้องเป็น คีพเปอร์-สวีปเปอร์ คอยออกมาตัดบอลด้วย ซึ่งได้ออกมาสองสามครั้ง....
แม้ว่ามีจังหวะที่หงส์เกือบได้ลุ้น แต่ก็เกือบเสียประตู
เช่นกันก็เกือบเสียประตูจากจังหวะหลุดเดี่ยวของ อารอน คอนเนลลี ทว่ายิงออกไปเอง จังหวะนั้นคือ มินามิโนะ เสียบอลกลางสนามแล้วโดนสวน เมื่อเกมผ่าน 20 นาที ไบรท์ตัน ตั้งหลัก พวกเขาได้จุดโทษ
จังหวะที่ เนโก เข้าพรวด เสียบอล จากนั้นไล่ตามไปกระแทก คอนนอลลี เสียจุดโทษ โชคดี...โมเปย์ ยิงจุดโทษออกไปเอง ....
2 หน้าหงส์รุกไม่ได้
การประสานงานของแนวรุกแทบไม่มีให้เห็น โชต้า, ฟีร์มีโน และ ซาลาห์ ได้เล่นด้วยกันน้อย มีจังหวะเดียวคือ ฟีร์มีโน ให้ ซาลาห์ หลุดเข้าไปยิง แต่ "ล้ำหน้า"
ทีมไม่ค่อยได้ไปป้วนเปี้ยนแดนสามของ ไบรท์ตัน สักเท่าไหร่
3 แทกติก พอตเตอร์ "เวิร์ค"
ถ้าใครตามดู ไบรท์ตัน ของ พอตเตอร์ จะทราบว่าพวกเขาเล่นบอล "พาสซิง" เน้นการรับส่งบอล, บิลด์ อัพ ขึ้นไป แต่พักหลังมาเริ่มเน้น "แทกติก" มากขึ้น นัดก่อนชนะ วิลล่า เพราะ "รับแล้วสวน"
นัดนี้เจอลิเวอร์พูล พวกเขา "เพรส" ไม่เน้น "พาส" คือไล่เพรสแดนสอง, แดนกลาง บีบให้แดนกลางหงส์ เสียบอล, ออกบอลไม่ได้ จากนั้นโจมตีเร็วไปข้างหน้า ไม่มีครองบอล พาสซิงเกม
แนวทางนี้ทำให้ข้างหน้าสามคนลิเวอร์พูลไม่ค่อยได้เล่นด้วยกัน หรือถ้าได้เล่นก็จังหวะที่ยาก เพราะโดนรุมครั้งละสองสามคน ที่น่าสนใจคือพอตัดบอลได้พวกเขาโจมตีเร็วข้างหน้าทันที แทกติกของ พอตเตอร์ คือทำลายเกมลิเวอร์พูลให้ได้
พอลิเวอร์พูลเล่นเกมตัวเองไม่ได้ พวกเขาโจมตีเร็ว ซึ่งครึ่งแรก เด็กๆพอตเตอร์ "ทำได้" ตามแผน
4 มีคนสอบตก
รูปเกมช่วง 30 นาทีแรกต้องยอมรับว่า....
นักเตะดาวรุ่งหงส์แดง ยังมีปัญหาการปรับตัว เนโก วิลเลียมส์ เข้าบอลพรวด ทำเสียจุดโทษ ในจังหวะที่เสียตำแหน่ง ตัดสินใจไม่ดีเสียบ คอนนอลลี ด้วยเท้าซ้ายตัวเอง จังหวะที่ยิงไม่ได้ยิง เหมือนตกใจเสียบ...
ขณะที่ มินามิโนะ ไม่เป็นชิ้นเป็นอันในตำแหน่งที่เขาเล่น
5 ไบรท์ตัน ดีกว่าแดนสาม
จังหวะการเข้าทำ ไบรท์ตัน ดีกว่า ทั้ง คอนนอลลี, เวลเบค มีโอกาสเข้าแดนสุดท้าย และจบด้วยการยิง เพียงแต่ไม่ได้ชัดเจนเด็ดขาด แต่...ถือว่าการโจมตีพื้นที่ส่วนนี้ "ดีกว่า" หงส์ เพราะเล่นได้ตามแทกติก ไม่เปลืองจังหวะ ให้บอลทะลุข้างหน้า
คอนนอลลี และเวลเบค มีความเร็ว วิ่งช่องได้ดี เพียงแต่การจบสกอร์ ไม่ถึงกับเป็นจังหวะชัดเจน
ครึ่งหลัง : วีเออาร์ โชว์ของ
1 คล็อปป์ ต้องเปลี่ยนตัว
ตามคาด คล็อปป์ เปลี่ยนเอา "บ่อ" ครึ่งแรกคือ เนโก ออก ส่ง เฮนโด ลงมาแล้วขยับ มิลเนอร์ ไปเล่นแบ๊ก...
การครองเกม การเล่นเกมดีขึ้นใน 10 นาทีแรก ดูเป็นเกมมากขึ้น เพียงแต่ ไบรท์ตัน ยังเล่นเพรสซิงแดนกลางได้ดี หาจังหวะสวนกลับเป็นระยะ โดยเฉพาะ เวลเบ็ค
เพียงแต่พอลิเวอร์พูลเริ่มครองบอลและเล่นเกมตัวเองได้....ทีมก็ได้ประตู จังหวะเซตบอลด้านซ้ายฝั่ง รอบโบ ...เน้นบอลหน้าไลน์กองหลัง ได้ผล..บอลสั้น ถึง ซาลาห์ ที่แปะให้ โชต้า แล้วตัวเขาวิ่งเข้าเขตโทษ
จังหวะวิ่ง ซาลาห์ เท่ากับเปิดทางให้ โชต้า เลี้ยงตัดเข้าไปยิงเสียบมุม คิดอะไรไม่ออกบอก โชต้า ในเวลานี้
2 เจเค เซฟนักเตะ
จากนั้นนาทีที่ 63 คลอปป์ เปลี่ยนเอา ซาลาห์ ออก มาเน ลง ปรากฏว่า ซาลาห์ เดินออกแบบไม่พอใจ...แต่เข้าใจว่าหลังเป็นโควิด-19 เขาถูกแยกตัวออกไป การซ้อม, ฟิตเนส ในการเล่นเกม น่าจะทำให้ คลอปป์ต้องประเมิน
เพื่อให้สภาพทีมนั้นสดและพร้อมเล่น แต่อย่างว่า คนโดนเปลี่ยนก็คงไม่แฮปปี้ จากนั้น น. 75 มิลเนอร์ โดนเปลี่ยนตัวอีกครั้ง เคอร์ติส โจนส์ เล่นแทน โดย โจนส์ ยืนแบ๊กขวา ที่เปลี่ยนเพราะ มิลเนอร์ ตึงๆหัวเข่า การเปลี่ยนตัวแบบนี้ คือการไม่ฝืนให้เล่นต่อ
3 พอตเตอร์ "ตัดสินใจพลาด"
พอเสียประตูให้ลิเวอร์พูล พอตเตอร์ เปลี่ยน คอนนอลลี ออก ส่ง อดัม ลัลลานา มาเล่น...ปรากฏว่าเล่นไปได้แค่ 7-8 นาที ลัลลานา เจ็บ ต้องเปลี่ยนออกอีกครั้ง เป็นทางด้าน ยาฮานบัค มาแทน เสียตัวฟรีๆ เพราะ คอนนอลลี สมบูรณ์ ยังกดดันกองหลังหงส์ได้
แต่พอขาด ตัวเร็วไป ก็เท่ากับลดความน่ากลัวลงกว่าเดิม นั่นทำให้หลายครั้งที่ตัดบอลได้ ในแดนกลาง...สวนกลับยากหน่อย ไม่มีตัววิ่งหนีกองหลังได้ดีเท่า คอนนอลลี
4 มินามิโนะ "ต้องเล่น"
ทำไม มินามิโนะ ที่เล่นไม่เป็นชิ้นเป็นอันในครึ่งแรกถึงไม่โดนเปลี่ยนตัว คำตอบน่าจะอยู่ที่ "สภาพร่างกาย" ของ มินามิโนะ เป็นนักเตะที่สภาพร่างกายดีสุด เนื่องจากไม่ค่อยได้เล่น เชื่อว่า คลอปป์ และทีมงานประเมินเรื่องนี้แน่นอน ความฟิต, สภาพร่างกายนักเตะทั้งทีม คือปัจจัย
ถ้าเป็นฤดูกาลปกติ...เชื่อว่า คลอปป์ น่าจะเปลี่ยน มินามิโนะ ไปแล้ว ซาลาห์ คือนักเตะที่ปกติมักไม่โดนเปลี่ยนง่ายๆ ยืนเล่นจนจบ แต่สภาวะแบบนี้....เซฟนักเตะไว้ยาวๆดีกว่า
5 VAR !!!
ลิเวอร์พูลโดน วีเออาร์ เช็คล้ำหน้าสองจังหวะ ที่ยิงเข้าไป ล้ำหน้าจริงๆ ครับ จากนั้นมาเจอจุดโทษ ทดเวลา รอบโบ้ เตะ โดนเท้าเวลเบค วีเออาร์ ย้อนมาดูจุดโทษมั้ย
ผ.ต.ส. ให้จุดโทษ เหตุผลคือ รอบโบ้ เตะ โดนเท้า เวลเบ็ค ทั้งที่ เวลเบ็ค ครองบอลไม่ได้...แต่คือเตะโดนเท้า
ไม่รู้ต่างจากจังหวะ บรูโน, และ ซอลลี มาร์ช สัปดาห์ก่อนมั้ย นั่นคือทั้งสองคน เตะโดนบอลบางๆ แล้วเท้าไปโดนขาคู่แข่ง
ผู้ตัดสินให้จุดโทษ...จากนั้น ทีมวีเออาร์ ให้เช็คดูก่อน ผู้ตัดสิน กลับลำไม่ให้ เพราะ เจตนาเล่นบอลก่อนแต่เตะไปโดนเท้าทีหลัง แต่ไม่เสียจุดโทษ!!!!
มาถึงจังหวะล่าสุดนี้รอบโบ้ เตะสกัดบอลไปโดนเท้า เวลเบ็ค ในจังหวะที่ เล่นบอลไม่ได้แล้ว
ผู้ตัดสินไม่ได้ว่าอะไร...แต่เจ้าหน้าที่ห้อง วีเออาร์ ส่งสัญญาณมาว่าน่าจะเป็นจุดโทษ ผู้ตัดสินไปดูจอแล้วก็ให้จุดโทษ
อืมมม....เตะเท้าโดนเหมือนกันแต่โทษต่างกัน บทสรุปที่สำคัญที่สุดเกมนี้คือ...
ลิเวอร์พูล เล่นในเกมที่ไม่ถึงมาตรฐานตัวเอง เป็นเกมที่เล่นคนละเรื่องกับนัดที่ชนะเลสเตอร์ ซิตี้ ไบรท์ตัน เล่นได้ดีโดยภาพรวมตามแผน จะด้วยปัญหาสภาพทีม, โปรแกรมแข่งขันอะไรก็แล้วแต่...
พวกเขาจำเป็นต้องชนะเกมแบบนี้ แต่ก็อย่างว่าแหละครับ ท้ายที่สุดแล้วถ้าจะโทษ วีเออาร์ ต้องยอมรับว่า....สภาพทีม ทำให้มาตรฐานมันตกลงไป
เป็นซีซั่นที่ต้อง "ลุ้น"เหมือนที่คล็อปป์ พูดนั่นแหละ จบฤดูกาลนี้ จะเล่นให้ครบ11 คน ได้หรือไม่ ส่วนทฤษฏี สมคบคิดว่า นับจากผู้บริหารสโมสรพยายามแยกตัวออกจากลีก
มาจนถึงการโวยโปรแกรมถ่ายทอดสดของพรีเมียร์ลีกที่ไม่เป็นใจ ช่วงหลังเลยโดน วีเออาร์ เช็คแทบทุกจังหวะ ที่มีผลต่อการได้และเสียประตูของหงส์แดง เป็นเรื่อง deep state
ผมไม่คิดไกลขนาดนั้น... เอาแบบหน้างานในสนามที่เรามองเห็น คือ "สภาพทีม" และ "เกมการเล่น" มันไม่เอื้อให้ทีมเล่นแล้วน่าจะชนะง่ายๆ ดูแล้วสบายใจ ถ้าแก้คนอื่นไม่ได้ ก็ต้องแก้ที่ตัวเอง...กับสองแต้มที่หายไป
Jackie