ชัยชนะจากเดอะ บริดจ์

บิ๊กเกมมาถึงโดยเร็ว....
เชลซี รับมือลิเวอร์พูล ต่างฝ่ายต่างเทสต์ตัวเอง
แฟร้งค์ แลมพาร์ด จะเดินหน้ามากขนาดไหนปีนี้
ยกระดับจากอันดับสี่มาร่วมลุ้นแชมป์ได้หรือยัง
ลิเวอร์พูลโดนล้อจากแฟนเรือใบตัวปลอมหลังโดนลีดส์ ยิง 3 ลูก
ดูยังติดขัด แถมเกมนี้ได้ ติอาโก้ มาร่วมทีม แฟนหงส์อยากเห็น
แท็กติก จากเดอะ บริดจ์
แฟร้งค์ แลมพาร์ด เล่นกับลิเวอร์พูล สามครั้งหลัง ใช้ระบบ 3-4-3,4-3-3 สลับกัน สถิติบอกชัดเจนในพรีเมียร์ลีกคือ.. "เป็นรอง" เพียงแต่ไม่มาก แพ้จังหวะยิงประตู ที่หงส์เฉียบขาดกว่า
ส่วนเกมล่าสุดวันรับถ้วยแชมป์ที่โดนห้าลูกนั้น....กองหลังคือปัญหาของเชลซี ชัดเจน
เกมนี้ แฟร้งค์ แลมพาร์ด เลือกแผน 4-3-3 มาใช้
รีส เจมส์ - คริสเตียนเซน และ ซูมา ส่วนแบ๊กซ้าย อลอนโซ่ เกมนี้ไม่ใช้ อัสปิลิกวยต้า
แดนกลางได้ โควาซิช กลับมาทำให้จัดลงเล่นพร้อมกับ จอร์จินโญ่, ก็องเต้
ข้างหน้าเป็น เมสัน เมานต์ ไปอยู่ทางขวา ฮาแวร์ต หน้าตัวปลอม ส่วนแวร์เนอร์ ทางซ้าย.... รูปแบบเป็นอย่างนั้น
ส่วนทางด้าน คลอปป์ จัด 4-3-3
ใส่ชื่อ ติอาโก้ บนม้านั่งสำรองด้วยเช่นกัน ที่น่าสนใจคือ ฟาบินโญ่ เล่นเซนเตอร์แบ็กกับ ฟานไดจ์
สโมสรรายงานว่า โจ โกเมซ เจ็บ และ มาติป เจ็บกล้ามเนื้อ
เกมนี้...คลอปป์ จึงส่งฟาบินโญ่ ลงเล่นกองหลังแบบจำเป็น
และนั่นคือการทดสอบ ฟาบินโญ่ ไปในตัวกับเกมใหญ่และทีมใหญ่
ถ้าเขาสอบผ่านนัดนี้....เรื่องซื้อนักเตะกองหลังในฝันของแฟนๆ ลืมไปได้เลย
ขณะที่แดนกลางใช้ เฮนโด้, จีนี และ เกอิต้า
ส่วนข้างหน้าเหมือนเดิม...สามประสาน
30 นาทีแรกและครึ่งแรก
มันคือเกมที่ต้องเล่นตามแผนตัวเอง...อย่างชัดเจน
เกมตั้งแต่ช่วงแรกจนถึงครึ่งชั่วโมงเป็นของลิเวอร์พูล
จะด้วยความตั้งใจของ แลมพาร์ด ในการรับตั้งแต่กลางสนาม
แต่การคอนโทรลเกมเป็นของลิเวอร์พูล โดยเฉพาะการเพรสแดนบน
บีบให้เชลซีออกบอลยาก..เตะทิ้งซะเป็นส่วนใหญ่
เชลซีขึ้นเกมไม่ได้...แต่พวกเขาก็ตั้งมั่นกับเกมรับไม่ให้พลาด
รอจังหวะสวน กลับและมีเพรสแดนบนบ้างเป็นระยะ
รูปแบบนี้ทำได้ดีสองสามจังหวะ ที่แวร์เนอร์ ถึงหน้าเขตโทษลิเวอร์พูล
แล้วได้ยิงหลุดกรอบ.....
เกมผ่านครึ่งชั่วโมงนั้นก็เริ่มใกล้เคียงกันตามแท็กติก
คือเชลซี เน้นรับรัดกุมในแดน รอจังหวะลิเวอร์พูลพลาดแล้วสวนเร็ว
มีจังหวะตอบโต้และคุมเกมขึ้นมาบ้าง...ซึ่งนั่นอาจเป็นสิ่งที่ แลมพ์ไม่ต้องการ
ด้วยเพราะพอพวกเขาคุมเกมบุก...พวกเขากลับโดนใบแดง
จากบอลจังหวะสองที่หลุดออกมาให้ เฮนโด้ ครอสข้ามไลน์ให้ มาเน่ หลุด จังหวะนั้น คริสเตียนเซน ตัดสินใจไม่ดี เกปา ออกมาซ้อนอยู่
มาเน่ เองยัง ไม่ได้หลุดเดี่ยว ยังไม่จับบอลแรกด้วยซ้ำ
อย่างว่าแหละ...คริสเตียนเซน ช้ากว่า มาเน่ วิ่งตามหลังเลยรวบคอ
พอล เทียร์นี ดูวีเออาร์ ให้ชัวร์ที่ข้างสนาม ก่อนเปลี่ยนจากเหลืองเป็นแดง
นี่คือใบแดงแรกรอบ 11 ปีของ เชลซี คนล่าสุดที่โดนคือ แฟร้งค์ แลมพาร์ด
เกมครึ่งแรกมันเหมือนกับการเล่นตามแผนของตัวเองที่กำหนดมา
ลิเวอร์พูล เน้นเพรสซิงแดนบน ทุกครั้งที่เชลซี ขึ้นบอล
ทำได้ดี เชลซี แก้เพรสไม่ได้ เตะทิ้ง เตะขว้างบ่อยๆ
และบิลด์ อัพ เกมขึ้นไม่ได้ บอลเป็นของหงส์...
ต้องชมเกมรับที่เหนียวแน่นของเชลซี ทำให้การเจาะเข้าไปยาก
แม้หงส์ครองบอลได้มากกว่า ในทุกแดน
ถ้าดูตามหน้างาน...แลมพ์ น่าพอใจกับแท็กติกรับแล้วสวนของตัวเอง
แต่การเสียผู้เล่นเหลือ 10 คน ทำให้ครึ่งหลัง....น่าสนใจ
ครึ่งหลัง....จบเร็ว
แลมพาร์ด เปลี่ยน โทโมริ ลงเล่น ฮาแวร์ตส์ ที่เล่นไม่ออกในครึ่งแรก
จุดนี้น่าสนใจเพราะนี่คือเกมที่สองที่ ฮาแวร์ตส์ เล่นไม่ดีเอาซะเลย
การใช้ โทโมริ เพื่อเล่นเซนเตอร์สามคน ถอดตัวรุกออก
ปรับระบบ 3-4-2 ซึ่ง เม้านต์ และ แวร์เนอร์ ยืนหน้าคู่
.... เน้นเกมรับรอสวนกลับตามธรรมชาติ
ส่วน คล็อปป์ ส่ง ติอาโก้ แทน เฮนโด้
เป็น ติอาโก้, เกอิต้า และ จีนี ....สามประสานแดนกลาง
เกมครึ่งหลังเริ่มต้นจึงเป็นการครอบครองของลิเวอร์พูลจนหมด
ครองบอลจนนักเตะเชลซี ไม่เจอบอลเลย....
จนได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากการประสานงานที่ยอดเยี่ยม
เหมือนพาสซิงเกมในสนาม....เริ่มจาก ร็อบโบ้ ทางซ้าย ไหลเข้ากลางต่อให้ ติอาโก้ ผ่านให้มาเน่
มาเน่ คืน ติอาโก้ จากนั้น ติอาโก้ ออกไปขวาให้ เทรนต์ ...ต่อไปที่ ซาลาห์ เล่นกับ ฟีร์มีโน ริมเขตโทษ ทำชิ่งทะลุช่อง
ก่อนที่ ฟีร์มีโน ถึงเส้นหลังแล้วครอสเข้ามา จบที่การโหม่งของ มาเน่ น.50
Team Goal.... โดยที่นักเตะเชลซี ไม่เจอบอล...
คนที่สัมผัสบอลคือ เกปา...ไปเก็บบอลที่ก้นตาข่าย
วิธีการเล่นพาสซิง ให้บอลเคลื่อน ทำให้นักเตะเชลซีไล่เหนื่อย
คือด้วยตัวผู้เล่นน้อยกว่า...จึงมีคนให้ไล่บอลน้อยลง
ลิเวอร์พูลเล่นด้วยการพาสซิง บอลหนี เคลื่อนที่กันตลอด
แบบนี้เหนื่อย...และจะมีช่องให้หงส์โจมตี
จากนั้น เกปา ก็แจกของขวัญให้ จากจังหวะโดนเพรส
มาเน่ ดักบอลจาก เกปา ได้ ก็จัดการง่ายๆ2-0 น. 54
เกมจากนั้นคือการคอนโทรลบอลเอาไว้กับทีม
เล่นเขี้ยวด้วยการเปลี่ยน มิลเนอร์ แทน เกอิต้า เพื่อ พาสซิง
เกอิต้า บางที มุทะลุไปคนเดียว และเสียบอลง่าย
เกมหลังนำ 2-0 เล่นได้สบายๆ รอประตูที่สาม
เน้นสมาธิ และไม่พลาดง่ายๆ ในการเล่นเกม เพราะหลายครั้งทีมจะย่ามใจ
หากเกมเหนือและนำห่าง...ก่อนโดนยิงประตู หลายเกมละ
เกมนี้ เล่นด้วยความเน้นเพื่อชนะแบบไม่เสียประตูด้วย
แต่ก็ยังพลาด....เสียจุดโทษ
จังหวะเสียจุดโทษนั้น ติอาโก วิ่งตัดหน้า...แวร์เนอร์
ผู้ตัดสินให้จุดโทษ...แต่ทว่า จอร์จินโญ ยิงแล้วโดน อ.เบคเกอร์ ปัดออกมาได้
ก่อนฟานไดจ์ เตะออกหลัง รอดพ้นการเสียประตู...
รอดตัว....
"เซนเตอร์ตัวใหม่...ฟาบินโญ่"
นี่คือเกมแรกอย่างเป็นทางการที่ยืนเซนเตอร์ฮาล์ฟให้ลิเวอร์พูลในพรีเมียร์ลีก
ก่อนหน้านี้จะยืนตำแหน่งนี้ก็ต่อเมื่อเล่นในเกมไปแล้ว มีการปรับรูปแบบ
ฟาบินโญ่ ยืนเซนเตอร์แบกฝั่งขวา ข้างเดียวกับ เทรนต์
เขาต้องเจอกับ ติโม แวร์เนอร์ ที่ธรรมชาติจะยืนเอียงมาทางซ้าย
บวกกับ แลมพาร์ด วางแผนให้ เล่นด้านนี้กับ เทรนต์ และอาจเป็นโกเมซ
ตามการวิเคราะห์ พอดี โกเมซ เดี้ยง เป็นฟาบินโญ่แทน
ฟาบินโญ่ โดน แวร์เนอร์ เลี้ยงผ่านได้หนึ่งครั้งใน 10 นาทีแรก
จากนั้นตัวตัวต่อจนถึงนาทีที่ 20 แวร์เนอร์ เลี้ยงไม่ผ่านฟาบินโญ่
โดนเบียดแย่งได้สองครั้ง...
พอ ฮาแวร์ต หนีออกมาด้านข้าง ฟาบินโญ่ ประกบและแย่งบอลได้
จากนั้นมีอีกสองจังหวะที่ต้องเจอ แวร์เนอร์ มีโดนเลี้ยงหนีและแย่งบอลได้
จุดเด่นของเขาคือการ "ประกบ" และ "อ่านเกม" ได้ดี
เขาสามารถยืนเซนเตอร์แบ๊กได้
จุดอ่อนคือ...สปีดต้นเท่านั้น แต่ของแบบนี้แก้ด้วย "การอ่านเกม"
ถ้าสมองเร็ว...เท้าก็เร็ว เซนเตอร์เก่งๆจะเป็นแบบนี้
ฟาบินโญ่ ในเกมนี้ ดักบอล อ่านจังหวะได้ดี
ครึ่งหลัง ทั้ง เม้านต์ และ แวร์เนอร์ ไปไม่เป็นเมื่อเจอ ฟาบินโญ่
ถึงขั้นภรรยาของเขา ทวิตให้แฟนบอลหงส์อมยิ้ม
แมน ออฟ เดอะ แมตช์ คือ ฟาบินโญ่ 55555
อ้อ....คืนนี้ ติโม แวร์เนอร์ น่าจะโดน ฟาบินโญ่ ตามหลอนถึงในฝันแน่นอน
ติอาโก้....อัลคันทารา
คล็อปป์ ตัดสินใจเปลี่ยนตัว ติอาโก้ ลงมาเพราะ....ต้องการคุมเกมให้หมด
เนื่องจากเชลซีเหลือ 10 คน การถอด เฮนโด้ ออกเพราะไม่จำเป็นต้องมีตัวตัดเกม
ติอาโก้ ได้ประโยชน์คือ คุมเกมแล้วให้ จีนี กับ เกอิต้า ขึ้นบน
การผ่านบอลเร็ว, สั้นและยาวของเขาแม่น และบอลจะเคลื่อนที่ไปตลอด
ตรงนี้ทำให้นักเตะเชลซี จะไม่เจอบอลเลย....
ตามหลักฟุตบอล บอล วิ่งเร็วกว่าคน...
ส่วนตัวของ ติอาโก้ ให้บอลง่ายๆ บอลเคลื่อนที่ ให้แล้วทีมได้เปรียบ
อีกอย่างหนึ่ง....เหมือนตัวนำโชคเลย
ลงมานาที 46 ทีมได้สองประตูนำเชลซี 5555
ส่วนจังหวะพลาด แวร์เนอร์ วิ่งตัดหน้าแล้วเสียจุดโทษ ...
ต้องขอบคุณ อ. เบคเกอร์ ที่เซฟได้ จอร์จินโญ ยิงแล้วดักเอาไว้
อย่างไรก็ตาม....ภาพโดยรวม ติอาโก้ เล่นได้สบายๆ
เหมือนมาซ้อมกับทีมได้สองเดือนละ....ครับ
มิติใหม่ในแดนกลาง จะเล่นแบบ 4-3-3 และ 4-2-3-1 ได้หมด
จบเกม คล็อปป์ บอกเหตุผลที่เปลี่ยน ติอาโก้
"We decided to bring Thiago on early because it was 11 v 10 and a player like him can command the rhythm. It was the perfect start for him and the boys helped him massively."
ชัดละครับ
ภาพที่ปรากฏออกมาในสองเกม...เจอน้องใหม่เสียไปสามลูก
เจอกับทีมระดับทอปของลีก ชนะแบบใสสะอาด ไม่เสียประตู
นักเตะหลายคนดูเล่นอย่างมีชีวิตชีวา...
โม ซาลาห์ ที่มีส่วนร่วมกับทีมได้ดี
ซาดิโอ มาเน่ นั้นมาตรฐาน...
คนอื่นๆ ดูมีความกระหายในการเล่นกันพอสมควร
ช่างแตกต่างจากเกมแรกที่ดูยังหนืดๆเพราะมันคือเกมแรก
สุดท้ายไม่ทราบว่าสังเกตเห็นกันหรือเปล่าครับ
คล็อปป์ ซื้อนักเตะใหม่ในเกมรับมาอีกคน
เห็นอยากได้กันนักกันหนา...
คล็อปป์ เลยดึง ฟาบินโญ่ มายืนเซนเตอร์ฮาล์ฟให้เห็นกันซะเลย
Jackie