เมสซี่จะมาแมนฯซิตี้??

แมนเชสเตอร์ ซิตี้เป็นเต็งหนึ่งที่จะได้ตัวลิโอเนล เมสซี่และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ก็ยังเป็นสโมสรที่พิจารณาจากมุมไหนก็มีโอกาสได้ตัวสูงที่สุดภายใต้วงเล็บที่ว่า(หากสตาร์อาร์เจนไตน์ได้ย้ายทีมสมใจตามข่าวจริง)
หนังสือพิมพ์เดอะ ไทมส์ของอังกฤษซึ่งถือว่ามีความน่าเชื่อถือฉบับเช้าวันศุกร์เล่นประเด็นว่า"เมสซี่ได้บอกกับเป๊ปเรียบร้อยแล้วว่าจะออกจากคัมป์ นู ส่วนเป๊ปเองก็ตอบไปว่าถ้างั้นเขาจะไปคุยบอร์ดบริหารให้ไปดีลนำตัวมาอยู่ด้วยกัน"
อย่างไรก็ตามมันคงไม่จบง่ายแค่นั้น มันไม่ใช่อยากเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวก็ทำได้เลยต่อให้คุณคือซูเปอร์สตาร์หมายเลขหนึ่งก็ตาม รายละเอียดของสัญญาเจ้าตัวกับต้นสังกัดบาร์เซโลนาซับซ้อนจนถึงขั้นที่ว่ากันว่าคงต้องไปจบกันที่ศาลหากไกล่เกลี่ยกันไม่ลงตัว
สัญญานักเตะกำลังหมดลงกลางปี2021โดยได้ระบุมูลค่าการย้ายไว้700ล้านยูโรทว่าขณะเดียวกันก็มีข้อตกลงในสัญญาเช่นกันว่าถ้ากัปตันบาร์ซ่าอยากยกเลิกสัญญาด้วยตัวเองก็สามารถทำได้เพียงแต่มันระบุเอาไว้ว่าต้องภายในวันที่10มิถุนายน2020
ทั้งนี้ทางทีมเมสซี่ก็ไม่พอใจด้วยการอ้างว่ามันเป็นช่วงล็อคดาวน์จากพิษโควิด19ดังนั้นน่าจะมีการยืดหยุ่นออกมาว่าควรเป็นหลังจบฤดูกาลที่กลับมาแข่งขันกันซะก่อน
ใช่ครับ นี่คืออุปสรรคใหญ่ในการเนรมิตความฝันของกลุ่มอาบูดาบีซึ่งเป็นเจ้าของแมนฯซิตี้เกิดขึ้นจริงถึงกระนั้นก็มีบางสื่อที่วิเคราะห์ว่าเหตุผลหลักที่ทำให้ดาวเตะวัย33ปีผู้มีสถิติ634ประตูใน731เกมภายใต้สีเสื้อเลือดหมูน้ำเงินเลือกทำแบบนี้มาจาก 2 เรื่อง
1. บีบให้ประธานสโมสรโจเซป มาเรีย บาร์โตเมวลาออก
2. เป็นการกดดันให้บาร์ซ่ายอมปล่อยเขาออกมาโดยที่สโมสรที่กระโดดมาอุ้มรับต่อจะต้องจ่ายค่าตัวในระดับที่สมน้ำสมเนื้อ
ไม่ใช่ความลับว่าโปรเจกต์ที่ชีค มันซูร์กับทีมบริหารวางเอาไว้ตั้งแต่ตอนเทกโอเวอร์ก็มีแค่อย่างเดียว...สร้างให้สโมสรสีฟ้าแห่งแมนเชสเตอร์เป็นมหาอำนาจลูกหนังของโลก พวกเขาอยากได้เป๊ป กวาร์ดิโอล่ามาเป็นโค้ชซึ่งก็อดทนรอจนเวลาเหมาะสมก่อนสมหวัง แน่นอนพวกเขาก็มีความต้องการในตัวเมสซี่ตลอดมาโดยครั้งแรกที่พยายามทาบทามไปก็ปี2012
"หากเราหวังจะเป็นเบอร์หนึ่ง เราก็ต้องมีนักเตะเบอร์หนึ่งในทีม"เป็นประโยคที่คัลดูน อัล มูบารัคซึ่งมีตำแหน่งเป็นประธานสโมสรเคยกล่าวไว้ที่ประชุม
ต่อมาซัมเมอร์ปี2016ก็เป็นอีกครั้งที่วงในซิตี้เชื่อว่าพวกเขามีโอกาสได้ตัวเมสซี่มาร่วมทีมมากที่สุด ตอนนั้นก็เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่เป๊ปเข้ามาคุมทีมปีแรก ว่ากันว่าได้มีการเตรียมเงินรอแห่ขบวนขันหมากถึงแคว้นกาตาลันแล้วแต่ความจริงก็คือมันไม่มีโอกาสเลยที่จะแฮปปี้เอนดิ้ง
หนนี้จึงต่างกันเมื่อเจ้าตัวขอย้ายเอง...
อย่างไรก็ตามจะเป๊ปก็ตาม, ผอ.กีฬาซิกิ เบกิริสไตน์ ก็ตามจนถึงเฟอร์ราน โซเรียโน่ซึ่งเป็นซีอีโอก็ดีทั้งหมดต้องการทำให้ทุกอย่างถูกต้องถ้าจะเอาเมสซี่มาสวมชุดสีฟ้าให้ได้เนื่องจากพวกเขาไม่ต้องการมีภาพที่ติดลบตามสายตากองเชียร์บาร์ซ่า
ทุกฝ่ายภายในแค้มป์เอติฮัดมีความเชื่อลึกๆว่าดีลสะท้านโลกนี้มีโอกาสเป็นไปได้ บางคนมองว่าคงไม่มีครั้งไหนจะมีโอกาสดีเท่านี้อีกแล้วด้วย
ก็ตามที่อธิบายไว้ข้างต้นถึงกำแพงสูงซึ่งคั่นกลางอยู่ถึงอย่างนั้นหากสุดท้ายบาร์ซ่าจำต้องยอมเสียกัปตันตัวเก่งออกไปจริงก็อาจจะต้องยอมรับกับค่าตัวหลัก100ล้านยูโรตลอดจนในสัญญาอาจมีการเอานักเตะของซิตี้มาพ่วงบวกให้ด้วย
ส่วนเรื่องค่าเหนื่อยกับรายได้อื่นๆที่ต้องจ่ายให้ปีละร่วม75ล้านนั้นก็ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด ก็มีรายงานเพิ่มมาว่าสัปดาห์หน้าจะเริ่มมีการเปิดฉากเจรจากันโดยตราบใดที่ทีมของเมสซี่ยังคงยืนกรานกระต่ายขาเดียวว่าต้องการหาสโมสรใหม่จนถึงเชื่อว่าข้อตกลงที่ระบุไว้ในสัญญาควรจะใช้ได้อยู่ก็เท่ากับว่ามันมีโอกาสที่เป๊ปกับเมสซี่จะมีโอกาสกลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง
มันก็มีคำถามว่าแล้วสโมสรที่เพิ่งเอาตัวรอดจากคดีไฟแน่นเชี่ยล แฟร์เพลย์มาจะไม่เอาตัวเองไปสุ่มเสี่ยงโดนข้อหาใช้เงินเกินโควตาอีกหรือ
คำตอบก็คือว่าทางออกที่ทางซิตี้อาจจะทำเป็นต่อสัญญา"Etihad"สปอนเซอร์คาดหน้าอกใหม่ออกไปพร้อมเพิ่มวงเงินที่จ่ายให้สโมสร ข้อนี้ก็คล้ายกับตอนที่ยูเวนตุสนำตัวคริสเตียโน่ โรนัลโด้มา ตอนนั้นสปอนเซอร์"Jeep"ของม้าลายซึ่งก็เป็นของตระกูลอักเนลลี่ได้ทำแบบเดียวกันนี้
นาทีนี้เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา อยู่แค่ว่าบทลงเอยระหว่างบาร์ซ่ากับเมสซี่จะออกรูปไหนเท่านั้น
"ไก่ป่า"