ขอออกจากใต้ร่มเงาพ่ออ๊อฟ-พงษ์พัฒน์"ไรเฟิล"ขอเดินในสายรักบี้ทีมชาติไทย

นับว่าเป็นข่าวที่สร้างความฮือฮาในวงการกีฬาได้พอสมควรเมื่อการปรากฎตัวของ "ไรเฟิล" ภูรีพงษ์ วชิรบรรจง ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของสุดยอดอดีตร็อคสตาร์ดารารุ่นใหญ่ของเมืองไทย "อ๊อฟ" พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง ที่โผล่มาร่วมคัดตัวรักบี้ทีมชาติไทย
สำหรับประวัตินั้นเชื่อว่าหลายคนพอจะทราบกันดีว่าเป็นลูกคนเล็กของ "อ๊อฟ-พงษ์พัฒน์" จบจาก University of Essex ประเทศอังกฤษ ด้วยเกียรตินิยมอันดับ 2 แต่ในมุมกีฬานั้นหนุ่มหล่อวัย 22 ปีรายนี้ยังไม่เคยเปิดเผยที่ใดมาก่อน และเชื่อหรือไม่ว่า "ไรเฟิล" ถึงแม้ว่าจะเป็นลูกของดาราดังแต่ไม่เคยใช้เส้นสายของพ่อที่เตรียมไว้ให้เลย
เป็นที่รู้กันว่า "ฟุตบอล" คือสุดยอดกีฬาที่ทุกคนรู้จักและยังเป็นกีฬายอดฮิตอันดับ 1 ของโลกไม่ว่าใครก็ต้องผ่านการเตะฟุตบอล โดยเฉพาะ "ไรเฟิล" ก็ผ่านช่วงเวลานั้นเหมือนกันเนื่องจากตั้งแต่ประถมศึกษาจนถึงมัธยมปีที่ 3 ซึ่งเขาเรียนที่โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี สถานบันที่ปลุกปั้นนักฟุตบอลประดับทีมชาติมากมายไม่ว่าจะเป็น ธีรศิลป์ แดงดา, ธีราทร บุญมาทัน, สารัช อยู่เย็น, กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ เป็นต้น โดยสถานที่แห่งนี้เองที่ทำให้
"ไรเฟิล" หลงใหลในกีฬาฟุตบอลและอยู่กับมันเปรียบเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เหมือนกับ "อ๊อฟ-พงษ์พัฒน์" ที่ชื่นชอบกีฬานี้เช่นกันโดยจะเห็นกันบ่อยครั้งในศึกฟุตบอลช่อง 3 ที่ดาราเก๋ารายนี้จะได้รับเกียรติเป็นกัปตันทีมอยู่เสมอ
แต่ไปๆมาๆ "ไรเฟิล" ภูรีพงษ์ วชิรบรรจง ได้เลือกที่จะไปเรียนต่อในระดับไฮสคูลที่ Ellesmere College ในประเทศอังกฤษ เพื่อความฝันที่จะต่อยอดทักษะเชิงลูกหนังของตัวเอง ทว่าเมื่อไปถึงกลับเป็นคนละเรื่องกับสิ่งที่ตั้งใจไว้เมื่อโรงเรียนแห่งนี้ก็มีทีมรักบี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่ากีฬารักบี้มีต้นกำเนิดที่ประเทศอังกฤษถึงแม้ว่าจะมาทีหลังฟุตบอลแต่ถ้าความโด่งดังแล้วเรียกได้ว่าตีคู่กันมาเลย และที่ Ellesmere College เองก็โด่งดังเรื่องรักบี้เช่นกัน
ด้วยหน่วยก้านที่ดีมีความแข็งแรงของ "ไรเฟิล" จึงถูกชักชวนเข้าสู่ทีมรักบี้ของโรงเรียน และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการเป็นนักปล้ำลูกหนำเลี๊ยบในวัย 16 ปี ซึ่งเจ้าตัวได้เปิดเผยว่า "Ellesmere College เป็นโรงเรียนที่เล่นรักบี้อยู่แล้วแต่ก็มีทีมฟุตบอลด้วย ซึ่งผมเห็นมันน่าสนใจก็เลยอยากลองเล่นดู อีกทั้งในโรงเรียนถ้าเปรียบเทียบกันระหว่างนักฟุตบอลกับนักรักบี้ ซึ่งนักรักบี้จะได้รับการยกย่องมากกว่านักฟุตบอล ในช่วงแรกๆก็ต้องปรับตัวมากในการเล่นรักบี้เพราะผมเริ่มตอนอายุ 16 แต่พวกเพื่อนๆเริ่มตั้งแต่ 7-8 ขวบ ถ้าถามว่านานไหมกว่าจะเข้ากับทีมได้ก็ตอบได้เลยว่าเมื่อเรารับลูกส่งลูกได้ก็เริ่มลงแข่งแต่ถ้าจะเอาแบบเข้าใจกติกาจริงๆก็สักระยะเลยประมาณ 5-6 เดือน"
"โดยในช่วงแรกก็ไม่ได้ทุ่มเทกับรักบี้ เพราะยังมี คริกเก็ต, บาสเกตบอล และ ฟุตบอล ที่ยังเล่นอยู่ แต่มีจุดที่ทำห้เราหลงใหลในกีฬารักบี้ก็คือความสนุกและความมันส์ในการเล่นตรงนี้แหละคือมนต์เสน่ห์ของกีฬาปะทะ ถ้าใครไม่ลองเล่นก็ไม่เข้าใจหรอกว่ามันสนุกขนาดไหน และจากวันนั้นผมก็รักในกีฬาชนิดนี้"
อย่างไรก็ตามในอังกฤษกีฬาฟุตบอลก็ได้รับความนิยมมากกว่ารักบี้ แต่นักรักบี้ก็ได้รับการยอมรับจากสังคมเช่นกันและด้วยมาอยู่โรงเรียนรักบี้ทำให้ชีวิตของ "ไรเฟิล" ห่างไกลจากฟุตบอลไปทุกที จนมาอยู่ในระดับมหาวิทยาลัยกับ University of Essex ก็เล่นรักบี้ให้กับทีมมหาวิทยาลัยเช่นกันทำให้ชีวิตในตอนนี้แทบที่จะลืมไปเลยว่าเคยเล่นฟุตบอลมาก่อน สำหรับการเล่นรักบี้แบบจริงจังในระดับมหาวิทยาลัยแน่นอนว่าต้องหนักขึ้นและแรงขึ้นกว่าระดับไฮสคูล ตรงจุดนี้ "ไรเฟิล" ได้ให้คำตอบสั้นแบบเท่ๆว่า "ถ้ากลัวก็อย่าเล่นรักบี้เลยครับ (ขำ) เพราะถ้าเราไม่เต็มร้อยหรือกลัวการปะทะ ตัวเรานี่แหละจะเจ็บเอง ถ้าเขาเต็มร้อยมาเราก็ต้องเต็มร้อยกลับไป หรือไม่ก็ต้องเข้าให้มากกว่าร้อย ฉะนั้นกีฬาแบบนี้เป็นกีฬาลูกผู้ชายเรื่องเจ็บในกีฬารักบี้เป็นเรื่องธรรมดา"
เมื่อเรียนจบด้วยโปรไฟล์ด้านการศึกษาที่ไม่ธรรมดาสาขาภาพยนตร์เกียรตินิยมอันดับ 2 ทำให้หลายคนคิดว่าอาจจะมาช่วยงาน "พ่ออ๊อฟ-พงษ์พัฒน์" หรือจะมาเป็นดารานักแสดงแบบพ่อหรือเปล่า? โดยเรื่องนี้หนุ่มไรเฟิลแถลงไขออกมาแล้วว่า "ในเรื่องการเป็นดารานักแสดงหรือต้องมาทำอะไรต่อหน้ากล้องเป็นอะไรที่ผมไม่ชอบเลย (ขำ) เพราะผมไม่ค่อยเก่งด้านนี้แต่ถ้าเป็นเบื้องหลังก็ไม่แน่ แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้นหรืออะไรก็ตามในวงการบันเทิง ผมขอโฟกัสกับวงการกีฬารักบี้ก่อนและผมคิดว่ามันง่ายกว่าการไปเป็นดาราเสียอีก"
งานนี้ก็หวังว่าคงไม่ได้ขัดใจ "พ่ออ๊อฟ-พงษ์พัฒน์" สำหรับทางเดินที่ "ไรเฟิล" เลือกเองขอออกมาใต้ร่มเงาของพ่อดูบ้าง มาในเส้นทางที่ตัวเองเป็นโนเนมแทบจะไม่มีใครรู้จัก ส่วนในเรื่องรักบี้ที่เจ้าตัวมีชื่อติดทีมชาตินั้นซึ่ง "ไรเฟิล" ได้กล่าวว่า "ผมอาจจะไม่เก่งมากนักและเชื่อว่าในแคมป์ทีมชาติหรือในประเทศไทยก็มีคนที่เก่งกว่าผมหลายเท่า แต่ผมมองว่าการที่ผมได้มีชื่อติดทีมชาติมันคือการที่โค้ชให้โอกาสผมได้พิสูจน์ตัวเองมากกว่า ซึ่งผมขอขอบคุณโค้ชทุกท่านไม่ว่าจะเป็นพี่เย้ (น.ท.ฐัญวิทย์ เครือสินธุ์), พี่บี๋ (ขัญธิพงษ์ มีปิ่น), โลเต้ (โลเต้ ไลคาบูร่า) และที่สำคัญคือสมาคมกีฬารักบี้ฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ที่ให้โอกาสผม"
ถ้าพูดถึงรักบี้ประเภท 15 คนที่ตัวเองนั้นเริ่มเล่นมาตั้งแต่อายุ 16 ปีกับรักบี้ประเภท 7 คนที่ตัวเองมีชื่อติดทีมชาติ โดย "ไรเฟิล" ได้กล่าวว่า "อันที่จริงผมเริ่มจากรักบี้ 15 คนก่อน จนประเภท 7 คนผมเพิ่งจะได้มาลองเล่นไม่นานมานี้ ซึ่งในความเป็นนักรักบี้เราต้องเล่นให้ได้ไม่ว่าจะ 15 คน หรือ 7 คน แต่ทั้ง 2 ประเภทนี้อาจจะมีความต่างกันในเรื่องรายละเอียดการเล่นและความฟิตของร่างกายเป็นอย่างมาก และนี่จะเป็นโอกาสที่ดีที่ผมจะได้มาเรียนรู้แนวทางของรักบี้ 7 คนจะพี่ๆในทีมชาติไทยและโค้ชระดับโลก" ถ้าถามถึงจุดเด่นที่จะมีประโยชน์ต่อทีมรักบี้ 7 คน "ไรเฟิล" ได้กล่าวว่า "น่าจะเป็นความขยันและพลกำลังแล้วก็จะทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อทีมมากที่สุด ที่สำคัญคือผมมีความกระหายชัยชนะ เอาง่ายๆก็คือผมชอบความท้าทาย"
เชื่อว่าหลายฝ่ายอาจจะมีแอบคิดไปต่างๆนานาว่าเพราะ "ไรเฟิล" ภูรีพงษ์ วชิรบรรจง เป็นลูกชาย "อ๊อฟ-พงษ์พัฒน์" หรือเปล่า? ถึงได้ติดทีมชาติ ตรงนี้ได้สอบถามไปยังทีมโค้ชของทีมชาติไทย และก็ได้รับคำตอบที่ชัดเจนเป็นอย่างมากว่านักรักบี้ทั้ง 20 คนนี้ "โลเต้ ไลคาบูร่า" นั่งตำแหน่งเฮดโค้ชทีมชาติ เป็นคนเลือกเองทั้งหมดและที่สำคัญโค้ชออลแบล็ครายนี้ไม่รู้จักด้วยว่า พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง คือใคร ฉะนั้นคำว่าเด็กเส้นจึงไม่เกี่ยวอะไรกับ "ไรเฟิล" ภูรีพงษ์ วชิรบรรจง เลยแม้แต่น้อย
ประวัติ
ชื่อ ภูรีพงษ์ วชิรบรรจง
ชื่อเล่น ไรเฟิล
เกิด 27 มิ.ย.2539
การศึกษา ม.3 โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี
ไฮสคูล Ellesmere College
มหาวิทยาลัย University of Essex
เล่นรักบี้ตำแหน่ง แฟร้งเกอร์