สนามปราบเซียน หรือ หมดอายุการใช้งาน ???

หากใครได้ติดตามชมเกมการแข่งขันฟุตบอล "ชิงแชมป์อาเซียน" ยู-22 ปี ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา กว่าที่ทัพ "ช้างศึกพลังหนุ่ม" จะเก็บชัยชนะเหนือ ติมอร์-เลสเต 1-0 ต้องสู้แบบเลือดตาแทบกระเด็น
ไม่ใช่ว่าคู่แข่งเหนือกว่า หรือด้อยกว่าอะไร แต่อุปสรรคนอกเหนือจากเกมการแข่งขัน นั่นคือพื้นสนามแข่งขันที่เจ้าภาพได้ใช้สนามกีฬาโอลิมปิกแห่งชาติ ในกรุงพนมเปญ เป็นสังเวียนฟาดแข้งทุกนัดนั่นเอง
พื้นสนามนั้นเป็นหญ้าเทียม แต่หากใครดูถ่ายทอดสดจะเห็นได้ว่าการต่อบอลเท้าสู่เท้าของนักเตะไทยนั้นยากพอสมควร พอจ่ายบอลเรียด หรือจ่ายแล้วบอลกระดอนที เม็ดยางสีดำก็แตกกระจายอย่างหนาแน่นออกมาสู่สายตาสาธารณชน
ผมเคยไปสนามแห่งนี้มาล่าสุดเมื่อวันที่ 9 ก.พ.62 โดยได้ไปเกาะติดทีม "กิเลนผยอง" เอสซีจี เมืองทองฯ ไปแข่งขันศึกฟุตบอลนัดพิเศษ ''เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด อาเซียน ทัวร์ 2019'' ผมกล้าพูดได้เลยว่าสนามมีความแข็งมาก ตอนที่เสี่ยงต่อการเกิดบาดเจ็บของนักฟุตบอลเหลือเกิน อีกประการแทบไม่เห็นหญ้าเลย เห็นก็แต่เม็ดยางดำเต็มไปหมด
จึงเป็นคำถามที่ว่าเหตุใด ทางเจ้าภาพถึงใช้สนามแห่งนี้ แถมใช้ตั้งแต่นัดแรกของรอบแบ่งกลุ่ม ไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศ หรือพูดสั้นๆแบบติดหยาบนิดนึงว่า (ทำไมใช้แข่ง(แม่ง)ทุกนัดครับ)
อย่างไรก็ดี ทุกทีม ทุกชาติ ต้องลงแข่งสนามแห่งนี้แน่นอน อยู่ที่ว่าใครจะชินกับพื้นสนามก่อนกัน แม้ความจริงก็ไม่อยากจะโทษพื้นสนาม หากคิดในแง่บวกอาจเป็นสนามปราบเซียนก็เป็นได้ หรือ ... (หมดอายุการใช้งาน) นานแล้วนั่นเอง
สุดท้ายในปี ค.ศ. 2023 หรือ พ.ศ.2566 สนามกีฬาแห่งนี้จะเป็นสนามกีฬาหลักของกีฬาซีเกมส์ 2023 ที่กัมพูชาเป็นเจ้าภาพ ร่วมกับสนามกีฬาแห่งชาติใหม่ที่มีจุ 75,000 คน และเมืองต่างๆอีก 6 เมืองด้วยกัน
หวังว่าอีก 4 ปีข้างหน้า คงจะไม่ได้เห็นสนามแห่งนี้ใช้พื้นหญ้าเทียมอีก แต่หากยังอยากที่จะใช้ ก็กรุณาอย่าทำแบบสุกเอาเผากิน อีกนะครับเจ้านาย ... !
" กอล์ฟ เบนเทเก้ "