อนันตศักดิ์ ร.ฟ.ท.อดีตแชมป์เวทีมวยราชดำเนิน2รุ่น..นักชก"ฮอล ออฟ เฟม"

อีกหนึ่งนักชกที่ถือว่าผ่านสังเวียนมาอย่างโชกโชนแฟนมวยในยุคเมื่อประมาณ 50 ปีที่ผ่านมาต้องรู้จักกันเป็นอย่างดีถือว่าเป็นยอดมวยอีกคนหนึ่งในยุคนั้นซึ่งนักมวยที่เรากำลังกล่าวถึงอยู่นี้คือ อนันตศักดิ์ ร.ฟ.ท. มีดีกรีเป็นอดีตแชมป์เวทีมวยราชดำเนิน 2 รุ่นด้วยกันเป็นนักมวยที่ฝีมือดีใช้อาวุธมวยไทยได้ครบเครื่อง หมัด, เท้า, เข่า, ศอก เป็นที่ยอมรับของแฟนมวย
แม้ว่า อนันตศักดิ์ จะเลิกราจากวงการมวยไปนานแล้วแต่ล่าสุดทาง ''สยามกีฬาอวอร์ดส์'' ได้มอบรางวัล ''ฮอล ออฟ เฟม'' หรือรางวัลหอเกียรติยศให้กับ อนันตศักดิ์ ในฐานะที่เป็นนักมวยที่เก่งกาจคนหนึ่งเพื่อเป็นเกียรติแก่ตัวของ อนันตศักดิ์ และวงศ์ตระกูล โดยประวัติความเป็นมาและชีวิตในปัจจุบันของ อนันตศักดิ์ จะเป็นอย่างไรบ้างนั้นเพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเราไปติดตามกันเลย
อนันตศักดิ์ ร.ฟ.ท. มีชื่อจริงว่า นายอนันต์ ชาญกล้า มีภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่ บ้านพันเชิง ต.ช่อแฮ จ.แพร่ จบการศึกษาชั้น ม.6 ที่โรงเรียนพุทธิรังสีพิบูลย์ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา โดยชีวิตในวัยเด็กของ อนันตศักดิ์ นั้นก็ใช้ชีวิตตามประสาของเด็กชนบทโดยทั่วไปแต่อย่างไรก็ดีพ่อของ อนันตศักดิ์ นั้นชื่นชอบกีฬามวยเป็นอย่างมากไม่ว่าจะมีงานประจำปีมีการชกมวยที่ไหนก็จะไปชมและหอบหิ้ว อนันตศักดิ์ ไปดูมวยทุกครั้งทำให้มวยซึมซับเข้าสายเลือดของ อนันตศักดิ์ ไปโดยไม่รู้ตัว
จนกระทั่ง อนันตศักดิ์ มีอายุได้ 10 ขวบก็เริ่มหัดมวยโดยมีพ่อเป็นครูมวยคนแรกอาศัยครูพักลักจำจากการไปดูมวยตามเวทีต่างๆ หัดอยู่ได้ประมาณ 2 เดือนก็ขึ้นชกในงานประจำปีปรากฏว่าได้รับชัยชนะมาครองได้ ทำให้ อนันตศักดิ์ ติดอกติดใจและทำการฟิตซ้อมอย่างต่อเนื่องก่อนที่จะมาฝากตัวเป็นศิษย์ของ ครูสันต์ พละบุรี หัวหน้าคณะ ศิษย์สุริยา และทำการฟิตซ้อมอย่างจริงจังมากขึ้นโดยทาง อนันตศักดิ์ มีความเป็นมวยอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งเดินสายไปชกทั่วภาคเหนือคว้าชัยชนะมาครองได้ตลอดจนทำท่าจะหาคู่ต่อกรได้ยากเต็มที ซึ่งในขณะนั้น อนันตศักดิ์ กำลังเรียนอยู่ในชั้น ม.ศ.5 เท่านั้นโดยทาง ครูสันต์ หัวหน้าคณะได้ส่งเข้ามาชกในเมืองกรุงภายใต้การดูแลของ ครูยอแสง ภาณุทัต หัวหน้าคณะราชวัฏ ปรากฏว่าการมาชกในเมืองกรุง 2 ไฟต์แรกนั้นไม่ประสบความสำเร็จเป็นฝ่ายพลาดท่าพ่ายแพ้ให้กับ ขุนแผน เมืองทอง และ สายเพชร เมืองสุรินทร์ เนื่องจากเกิดอาการตื่นเวทีในเมืองกรุง
จากนั้นทาง อนันตศักดิ์ ได้กลับไปเรียนหนังสือต่อจนจบชั้น ม.ศ.5 แล้วก็ย้ายมาอยู่ที่ จ.ฉะเชิงเทรา พร้อมกับ พันธ์ทิพย์ แก้วสุริยะ และ พลายน้อย ร.ฟ.ท. ซึ่งในขณะนั้นมีทาง ผอ.ปจิตต์ สุริยกุล ณ อยุธยา เป็นผู้สนับสนุนส่งเสียทุกอย่างก่อนที่ ผอ.ปจิตต์ จะย้ายไปเป็น ผอ.โรงเรียนพนมสารคาม อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา จึงไม่มีเวลาประกอบกับทาง อนันตศักดิ์ เรียนจบชั้น ม.ศ.6 พอดี จึงได้ส่งนักมวยทั้งหมดมาอยู่ในความดูแลของ ครูจวน สุริยกุล ณ อยุธยา โดยมอบหมายให้ ลุงทิม พุกกณสุต เป็นผู้ดูแลพร้อมทั้งเปลี่ยนมาเป็น อนันตศักดิ์ เทียนชัย ตั้งแต่บัดนั้น
หลังจากที่มีการฟิตซ้อมอย่างต่อเนื่องฟอร์มการชกของ อนันตศักดิ์ ก็ดีวันดีคืนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดคว้าชัยชนะมาครองได้เป็นว่าเล่น ไม่ว่าจะเป็น ชนะแตก กิตติชัย ลูกบ่อน้ำมันฝาง ยก 3, ชนะแตก อุทัย อัศวจารุ ยก 4, ชนะ ลอยนภา ลูกพิฒเนศร์, ชนะน็อก พิชิต ศรีโสธร ยก 3, ชนะคะแนน มนัสชัย เจริญเมือง, แพ้คะแนน อนันตศักดิ์ ศรผจญ, ชนะ สุรพล ยนตรกิจ และชนะ กิ่งแก้ว บางยี่ขัน ซึ่งถือว่าเป็นฟอร์มการชกที่ร้อนแรงเป็นอย่างมากในขณะนั้น
ในที่สุด อนันตศักดิ์ ก็มีโอกาสได้ขึ้นชิงแชมป์มวยไทยรุ่นแบนตั้มเวตของเวทีมวยราชดำเนิน พร้อมทั้งเปลี่ยนมาเป็น อนันตศักดิ์ ร.ฟ.ท. ตั้งแต่ไฟต์นั้นโดยการชกในไฟต์นั้นทาง อนันตศักดิ์ เป็นฝ่ายชนะคะแนน ไพโรจน์ พยัคฆ์โสภณ คว้าแชมป์เวทีมวยมาตรฐานมาครองได้สมความตั้งใจก่อนที่จะขึ้นชกอย่างต่อเนื่องชนะ พยัคฆ์น้อย คล่องผจญ, ชนะน็อก พยัคฆ์น้อย คล่องผจญ ยก 3, ชนะ แพรดำ เมืองสุรินทร์, ก่อนที่จะมาพลาดท่าแพ้น็อก รักเล่ห์ ศรีหนุมาน, แก้มือชนะ รักเล่ห์ ศรีหนุมาน, ชนะ อนันตเดช ศิษย์หิรัญ เป็นฟอร์มการชกที่สวยหรูเป็นอย่างมาก
ถือว่าเป็นความโชคดีของ อนันตศักดิ์ ที่ได้รับการคัดเลือกให้ขึ้นชกกับ นรสิงห์ อิสรภาพ ในรายการโดยเสด็จพระราชกุศลสมทบทุนนักมวยไทยใน ''มูลนิธิอานันท์มหิดล'' ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2506 ที่เวทีมวยลุมพินี ซึ่งการชกในไฟต์นั้น อนันตศักดิ์ ดวลกับ นรสิงห์ อย่างสนุกดุเดือดตื่นเต้นทั้ง 5 ยกก่อนที่จะเสมอกันมาอย่างสนุกดุเดือดซึ่งทาง อนันตศักดิ์ ได้รับเข็มกลัดพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ถือว่าเป็นความภาคภูมิใจเป็นเกียรติต่อวงศ์ตระกูลอย่างสูง
จากนั้น อนันตศักดิ์ ได้ขึ้นชกชิงแชมป์รุ่นเฟเธอร์เวตเวทีมวยราชดำเนิน กับ สุวิทย์น้อย ลูกบางปลาสร้อย ปรากฏว่าเป็นฝ่ายชนะแตกในยกที่ 4 คว้าแชมป์รุ่นที่ 2 มาครองได้ก่อนที่จะขึ้นชกอีกหลายครั้งเจอกับนักมวยระดับแนวหน้าทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็น ทองใบ เจริญเมือง, ชิงชัย ศรราม, ธนูเดช เลือดชาวฟ้า, มนต์สวรรค์ แหลมฟ้าผ่า, เริง สิงห์เชื้อเพลิง, มงกุฎทอง อิทธิอนุชิต, แสนชัย เทิดไท, เริงน้อย เลือดจาเลงกาโบ, สเลมาลย์ อิทธิอนุชิต, แหลมแท่น ลูกราชมนู, ฤทธิศักดิ์ ส.ฟ.ย. และ เด่นธรณี เมืองสุรินทร์, บุเรงนอง สิงห์ศรทอง, มงคลเดช พิทักษ์ชัย, วีระชัย ฮ.มหาชัย และอีกหลายต่อหลายคนในรุ่นราวคราวเดียวกัน
ก่อนที่ดวงของ อนันตศักดิ์ จะตกลงอย่างน่าใจหายเมื่อได้รับการติดต่อจาก โปรโมเตอร์ บุญส่ง กิจกล่ำศวร ให้ขึ้นชกกับ สิงห์ห้าว ส.ลูกพิทักษ์ ที่เวทีมวย จ.แพร่ โดยในไฟต์นั้น อนันตศักดิ์ ไม่ได้ซ้อมมวยแต่อย่างใดทว่าถูกขอร้องให้ขึ้นชกทำให้ไม่มีแรงและโดนกรรมการไล่ลงจากเวทีทำให้โดนปลดแชมป์รุ่นเฟเธอร์เวตของเวทีมวยราชดำเนิน ที่ครอบครองอยู่ด้วยซึ่งในช่วงนั้นทาง อนันตศักดิ์ ก็เป็นโปรโมเตอร์จัดมวยที่เวทีเมืองแพร่ ไปด้วยได้รับความนิยมจากแฟนมวยเป็นอย่างมาก
อนันตศักดิ์ หยุดพักไปนานพอสมควรก่อนที่จะกลับมาชกที่เวทีมวยช่อง 7 สี ด้วยสภาพร่างกายที่ไม่สมบูรณ์เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ห่างสนามไปนานเป็นฝ่ายพลาดท่าพ่ายน็อกให้กับ รุ่งนภา ศิษย์สมศักดิ์ ในยกที่ 2 เท่านั้นถือว่าเป็นการชกในไฟต์สุดท้ายของ อนันตศักดิ์ หลังจากนั้นตัดสินใจแขวนนวมตั้งแต่บัดนั้น
หลังจากที่ตัดสินใจเลิกมวยแล้ว อนันตศักดิ์ ก็ประกอบอาชีพเป็นพนักงานของการรถไฟแห่งประเทศไทยในตำแหน่ง เจ้าหน้าที่กองกลางการรถไฟแห่งประเทศไทย และโปรโมเตอร์เต็มตัวพร้อมทั้งทำธุรกิจค้าไม้ประเภทวงกบ, ประตู, หน้าต่าง และโต๊ะเรียนของนักเรียนจาก จ.แพร่ นำมาส่งขายในเมืองกรุงถือว่าเป็นธุรกิจที่ประสบความสำเร็จพอสมควรทีเดียวโดยการจัดมวยของ อนันตศักดิ์ ที่ จ.แพร่ นั้นทำให้มีนักมวยเข้ามาอยู่ในสังกัดหลายคนและส่งเข้ามาชกในเมืองกรุงโดยในช่วงนั้นทาง อนันตศักดิ์ เข้ามาเป็นผู้ช่วยโปรโมเตอร์ ศึกอินทรีผงาดฟ้า ของ พ.อ.นริศ รมยานนท์ ที่เวทีมวยราชดำเนิน ซึ่งนักมวยที่ อนันตศักดิ์ ดูแลอยู่ก็มีอย่างเช่น เอ็กซ์ตร้า ศิษย์สุริยา แชมป์รุ่น 122ปอนด์ช่อง 7 สี, จรัลศักดิ์ ส.มีชัย แชมป์รุ่น 118 ปอนด์ช่อง 7 สี, บุกเดี่ยว ม.ลูกพิทักษ์ แชมป์รุ่น 140 ปอนด์ เวทีมวยราชดำเนิน, มาประลอง ศิษย์ ปตท. แชมป์รุ่น 140 ปอนด์เวทีลุมพินี, เพชรน้อย มนูเกียรติ แชมป์รุ่น 112 ปอนด์เวทีมวยราชดำเนิน, สมัยศักดิ์ ลูกวิเชียร แชมป์รุ่น 154 ปอนด์เวทีลุมพินี และ สมทรง ผจญภัย แชมป์รุ่น 154 ปอนด์เวทีราชดำเนิน
ปัจจุบันนี้ อนันตศักดิ์ ยังเป็นเลขาฯของสมาคมนักมวยแห่งประเทศไทย ซึ่งมีทาง พล.อ.ยุวนัฏ สุริยกุล ณ อยุธยา เป็นนายกสมาคมอยู่ซึ่งหน้าที่หลักของ อนันตศักดิ์ คอยดูแลบรรดาสมาชิกนักมวยเก่าที่ได้รับความเดือดร้อนไม่ว่าจะเป็นการเจ็บป่วยหรือเสียชีวิตและยังช่วยอำนวยความสะดวกให้กับเพื่อนนักมวยเก่าในการขึ้นทะเบียนเป็นนักมวยเก่ากับการกีฬาแห่งประเทศไทย ถือว่าเป็นฟันเฟืองที่สำคัญในการขับเคลื่อนให้การทำงานของสมาคมนักมวยเก่าแห่งประเทศไทย พร้อมกันนี้ยังยึดอาชีพค้าขายไม้เหมือนเดิมซึ่งพรรคพวกเพื่อนฝูงที่สนใจจะสั่งวงกบประตูหน้าต่างหรือโต๊ะนักเรียนก็สามารถสั่งได้ราคายุติธรรม
''หลังจากที่ผมเลิกมวยไปแล้วก็เข้ารับราชการเป็นเจ้าหน้าที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ก่อนที่จะเกษียณอายุราชการซึ่งในช่วงนั้นก็เป็นโปรโมเตอร์จัดมวยที่ จ.แพร่ และค้าขายไม้ควบคู่ไปด้วยถือว่าประสบความสำเร็จอย่างสูงในยุคนั้นชีวิตผมผ่านมาแล้วทุกอย่างในชีวิตซึ่งปัจจุบันนี้ผมก็รับหน้าที่เป็นเลขาฯของสมาคมนักมวยเก่าแห่งประเทศไทย ก็อยากที่จะฝากไปทางเพื่อนนักมวยเก่าให้มาขึ้นทะเบียนเป็นนักมวยเก่าหากได้รับบาดเจ็บป่วยไข้หรือเสียชีวิตก็จะมีเงินช่วยเหลือจากทางสมาคมแน่และก็อยากที่จะฝากไปทางนักมวยรุ่นใหม่ทุกคนให้ขยันทำการฟิตซ้อมขึ้นชกอย่างเต็มที่ทุกครั้งพยายามศึกษาเล่าเรียนควบคู่ไปกับการชกมวยยามที่เลิกมวยไปแล้วจะได้มีงานทำไม่เดือดร้อนและที่สำคัญที่สุดต้องพยายามเก็บเงินเก็บทองให้มากที่สุดชีวิตการชกมวยมวยไม่ยืนยาวนักอายุไม่ถึง 30 ปีก็เลิกชกมวยแล้วส่วนใหญ่ครับ''
ทางด้านชีวิตครอบครัว อนันตศักดิ์ สมรสกับ คุณสมพร ชาญกล้า มีบุตร 1 คน น.ส.ฐิติรัช ชาญกล้า ปัจจุบันก็มีครอบครัวไปแล้วใช้ชีวิตอย่างอบอุ่นที่บ้านเลขที่ 601/316 ซ.5 หมู่บ้านพูลผลนิเวศน์ ต.คูคด อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี อนันตศักดิ์ ยังมีสุขภาพที่แข็งแรงยังเดินทางมาดูมวยที่เวทีมวยราชดำเนินและลุมพินี เป็นประจำพบปะเพื่อนฝูงให้การช่วยเหลือเพื่อนนักมวยเก่าเป็นอย่างดีเพื่อนนักมวยเก่าแวะเยี่ยมเยียนกันได้หรือจะโทร.ไปได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 08-5244-4354 ทีมงาน ''สยามกีฬา'' ขออวยพรให้ อนันตศักดิ์ และครอบครัว มีสุขภาพแข็งแรงยิ่งๆ ขึ้นไป อยู่คู่กับวงการมวยไทยไปอีกนานแสนนาน
ธงชัย มะลูลีม-เรียบเรียง